BLOOD AND GOLD
Author เศษใบไม้
Disclaimer All of these character are owned by J.R.R.TOLKIEN.
Thanks ขอบคุณคุณ Zerbirus ที่สละเวลามาช่วยอ่านตรวจทานและให้คำแนะนำ รวมทั้งบทกลอนประกอบภาพ Blood and Gold ด้วยค่ะ
" BREATH "

 

เสียงธนูแหวกอากาศส่งเข้าจุดตายของผีร้ายตัวหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม เรียกให้เขาหันกลับไปพบกับดวงตาสีเขียวที่จ้องตรงมา ร่างเพรียวของพรายหนุ่มยืนอยู่บนเชิงเทินอย่างระแวดระวังและเตรียมพร้อม
พรายตนนั้นเหวี่ยงธนูขึ้นสะพายหลังพลางกระชาก ดาบสั้นออกมากระชับไว้ในสองมือ

อารากอร์นตระหนักในทันทีนั้นว่าลูกธนูดอกนั้นเป็นดอกสุดท้ายของพรายหนุ่มแล้ว เขาวิ่งตรงไปที่ที่เลโกลัสยืนอยู่ ชายหนุ่มก้าวลงบนพื้นหินที่นองไปด้วยเลือดของเหล่าผีร้ายโดยไม่ทันระวัง ด้วยความอ่อนเพลียจากการตรากตรำรบตลอดวันและตลอดคืน ทำให้เขาลื่นเสียหลักล้มลง

" อารากอร์น! "

พร้อมๆกับเสียงเรียกนั้น ร่างโปร่งเพรียวของพรายหนุ่มกระโดดอย่างว่องไวลงมาใกล้ๆกับเขา และหมุนตัวสะบัดดาบตัดหัวของผี ร้ายตัวหนึ่งที่จู่โจมเข้ามาในขณะที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว เลโกลัสหันมายื่นมือให้อารากอร์น และดึงให้เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ดวงตาสี เหล็กของชายหนุ่มจ้องตาของอีกฝ่ายอย่างขอบคุณ

อารากอร์นกระชับดาบอันดูริลไว้ในมือ ก่อนจะฟันร่างของผีร้ายที่ถลันเข้ามาขาดเป็นสองท่อน และคว้าอาวุธของมันขึ้นแเขวี้ยงไป ตัดหัวของอีกตนที่ถลันเข้าไปทางด้านหลังของเลโกลัส ในขณะที่พรายหนุ่มตวัดดาบรับคมอาวุธของอีกสองตนทางเบื้องหน้า ดวง ตาสีเขียวที่วาวจ้าราวกับเปลวเพลิงนั้นอ่อนลงเมื่อมองมาที่เขา
ร่างของอารากอร์นร้อนวูบราวกับว่าเลือดในกายของ เขากำลังเดือดพล่านเมื่อดวงตาสีเหล็กของเขาประสานกับดวงตาสีเขียวล้ำลึก

อารากอร์นตวัดดาบอันดูริลปลิดชีวิตศัตรูที่จู่โจมเข้ามา เขาทุ่มแรงกายที่ก่อกำเนิดขึ้นในกายทั้งหมดลงในทุกฝีดาบที่ฟาดฟันใส่ผีร้าย ด้วยหวังจะให้อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในมอดไหม้ไปกับซากไร้ชีวิตของศัตรู ชายหนุ่มปรายตามองตามร่างเพรียวของพรายหนุ่ม ดาบสั้นวะวับในสองมือของเลโกลัสตวัดรับคมอาวุธศัตรูอย่างว่องไว ดวงตาวาวจ้ายามโรมรันรุกรับขับไล่ศัตรูที่จู่โจมเข้ามา

ร่างไร้วิญญาณของเหล่าผีร้ายที่ต้องสังเวยชีวิตของมันให้แก่คมดาบพรายนั้นกองสุมมากขึ้นเรื่อยๆ หากแต่ดูเหมือนโมหะ โทสะจะเข้าบังตาพวกมัน เมื่อตนหนึ่งล้มอีกตนหนึ่งก็กระโจนเข้ามาแทนที่ โดยที่หารู้ไม่ว่าพวกมันกำลังก้าวเข้าสู่รัศมีดาบแห่งมัจจุราช....

มัจจุราชพรายผู้ซึ่งทรงโลหิตศัตรูเป็นอาภรณ์

เลือดของเหล่าผีร้าย และมนุษย์จากดันแลนด์อาบชโลมคมดาบพรายในมือ จนดูราวกับว่าใบดาบทำขึ้นจากอัญมณีสีดำประดับด้วย ทับทิมสีเลือด เส้นผมสีทอง และใบหน้าพรายที่ยามนี้เปรอะเปื้อนด้วยคราบโลหิตเหนียวข้นจากเหยื่อแห่งคมดาบ
ภาพนั้นทำให้อารากอร์นตระหนักว่ายากนักที่จะถอนสายตาออกจากใบหน้างามของพรายหนุ่มได้ และภาพนั้นยังก่อกำลังให้เกิดขึ้นในตัวเขาอย่างประหลาด

ลมหายใจหนักหน่วงที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยอ่อนของอารากอร์นค่อยๆกลับคืนสู่ภาวะปกติ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจจนกระทั่งลมหายใจของเขาสอดประสานกับลมหายใจของพรายหนุ่ม ดวงตาสีเขียวระริกวูบไหวเมื่อเลโกลัสตระหนักถึงห้วงลมหายใจของอีกฝ่ายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจของเขา ร่างของพรายหนุ่มร้อนผ่าวราวกับว่าเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายกำลังสัมผัสโลมไล้ร่างกายของเขาอยู่กระนั้น

ผีร้ายขนาดใหญ่สองตนก้าวมาตรงหน้าของพรายหนุ่ม และเหวี่ยงดาบใบกว้างหวังจะปลิดชีพของร่างเพรียว เลโกลัสก้มหลบคมดาบและกระโดดหลบไปด้านข้างก่อนคมดาบนั้นจะเหวี่ยงกลับมาอีกรอบหนึ่ง พรายหนุ่มปล่อยให้คมดาบอันดูริลปลิดชีพเจ้าผีร้ายตนนั้นในขณะที่เขาหมุนตัวส่งปลายดาบเข้าปลิดวิญญาณศัตรูผู้โชคร้ายอีกตนหนึ่งที่จู่โจมเข้ามา ทั้งคู่รับรู้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้โดยมิต้องเหลียวมอง เฉกเช่นเดียวกันกับรับรู้จังหวะลมหายใจของตนเอง ดวงตาที่สบประสานกันชั่วครั้ง แล้วผละจากยามรับมือศัตรูบ่งบอกถึงความไว้ใจในกันและกัน

หนึ่งพราย หนึ่งมนุษย์ รุกรับขับไล่ศัตรูที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ร่างแล้วร่างเล่าที่พ่ายต่อคมดาบพราย และคมดาบอันดูริล จนในที่สุดเสียงโห่ร้องกระหายเลือดของเหล่าผีร้ายและมนุษย์จากดันแลนด์เปลี่ยนเป็นเสียงร้องโหยหวน หวาดกลัวเมื่อพวกมัน ตระหนักว่าศัตรูที่มีเพียงสองนั้นหาได้เป็นเหยื่อของมันอย่างที่คิดไว้แต่แรกไม่ เสียงสาปแช่งของผู้พ่ายแพ้ยังคงแว่วมาให้ได้ยินเป็น ระยะ หากแต่ไม่มีผู้ใดกล้าเหยียบย่างเข้ามาใกล้ พวกมันเริ่มแตกร่นไม่เป็นกระบวนทิ้งร่างไร้วิญญาณของพรรคพวกให้กองเป็น เครื่องสังเวยแด่ร่างจำแลงแห่งพญามัจจุราชทั้งสอง

เลโกลัสยืนนิ่งเงี่ยหูฟังเสียงศัตรูที่ถอยร่นไป พลางเช็ดเลือดออกจากดาบสั้นก่อนจะเก็บเข้าฝัก อารากอร์นก้าวเข้ามาใกล้พรายหนุ่ม ดวงตาสีเหล็กพินิจดูใบหน้างามของสหายร่วมรบ ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนนั้นงดงามอย่างประหลาด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ด้วยโลหิตที่ สูบฉีดไปทั่วร่างจากหัวใจที่ยังคงเต้นรัวเร็วจากความตื่นตัวในการรบ

อารากอร์นเอื้อมปลายนิ้วกร้านจากการจับดาบ แตะเข้าที่แก้มที่เปื้อนคราบเลือดศัตรู และเช็ดออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะไล้มาหยุดที่ริมฝีปากบาง ดวงตาสีเขียวไหวระริกวูบช้อนขึ้นประสานกับดวงตาสีเหล็กของชายหนุ่ม

ริมฝีปากพรายขยับเผยอออกลมหายใจร้อนผะผ่าวลอดจากริมฝีปากบาง ปลายลิ้นแตะปลายนิ้วกร้านนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาสีเขียวลึกล้ำเต้นระริกด้วยแววประหลาดดึงดูดให้ชายหนุ่มจมลึกอยู่ในดวงตางามของเลโกลัส ทั้งสองนิ่งค้างอยู่ในอิริยาบทนั้นเนิ่นนาน เสียงลมหายใจของทั้งคู่เป็นเพียงเสียงเดียวเท่านั้นในความเงียบ

จนกระทั่ง...

" ทุกคนปลอดภัยอยู่ข้างในแล้วอารากอร์น..."

ริมฝีปากนุ่มร้อนผ่าวที่ขยับอยู่ใต้ปลายนิ้วของเขาทำให้ร่างของชายหนุ่มปวดร้าวด้วยความกระหายที่จะแทนที่ปลายนิ้วนั้นด้วยริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาเอง อารากอร์นค่อยๆดึงปลายนิ้วออกจากใบหน้างามของเลโกลัสอย่างอ้อยอิ่ง

" ทุกสิ่งดูจะเลวร้ายไปหมด..." ทายาทแห่งอิสซิลดูร์กล่าวอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาสีเหล็กกล้าหลุบลงต่ำ

" ไม่ทั้งหมดหรอก...ตราบใดที่..." พรายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือกร้านของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะพูดต่อ

" ตราบใดที่...มีท่านอยู่...เราก็ยังไม่สิ้นหวัง " ดวงตาสีเขียวทอประกายเชื่อมั่น

อารากอร์นยกมือกุมมือเรียวของเลโกลัสไว้ เลโกลัสพยักหน้าน้อยๆ ดวงตาสบประสานกันแน่วแน่ ก่อนที่อารากอร์นจะปล่อยมือเรียวของพรายหนุ่มออก เลโกลัสคว้าธนูของเขาออกมาถือไว้ และ ก้าวเคียงไปกับอารากอร์น ไปสู่การรบที่ยังคงไม่จบสิ้น

เขาจะรบเคียงกันอยู่เช่นนี้

ตราบใดที่ 'ความหวัง' ยังคงเรืองรองอยู่ในหัวใจของเขา

 

" BLOOD AND GOLD : BREATH " END
: click here to view related poem and illustration :
Thank you for reading.
Please feel free to leave your message all comment are needed.