REST
Author เศษใบไม้
Disclaimer All of these character are owned by J.R.R.TOLKIEN.
Thanks ขอบคุณคุณ Zerbirus สำหรับบทเพลงพรายที่แทนใจได้ดีมากๆเลยค่ะ
" take a rest "

 

เส้นผมสีอ่อน สะบัดพริ้วไปตามจังหวะการเคลื่อนไหว แสงเรืองน้อยๆจากร่างนั้นคงจะเป็นเพียงแสงเดียวในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดในค่ำคืนนี้
...และในใจเขา


ชายหนุ่มไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไร หรือคืนที่เท่าไรตั้งแต่เมื่อทั้งสามเริ่มออกเดินทางไล่ตามพวกผีร้าย ที่ลักพาตัวเมอร์รี่ และพิพพินไป พวกเขาเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่มีการหยุดพัก เลมบาสเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวที่ช่วยให้พวกเขามีกำลังก้าวต่อไปได้

"พวกมันคงจะพาสองคนนั่นไปไกลแล้ว เราจะตามไปไม่ทัน" น้ำเสียงอันเศร้าสร้อยของพรายที่กล่าวแก่ชายหนุ่มในครั้งหนึ่งที่พวกเขาตั้งใจจะหยุดพักนั้นยังคงก้องอยู่ในหู กระตุ้นเตือนให้ต้องเดินทางต่อไป

เสียงฝีเท้าสองคู่ดังแผ่วๆในความมืด หนึ่งมนุษย์ หนึ่งคนแคระ ส่วนฝีเท้าพรายนั้นแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน แม้ในยามค่ำคืนอันเงียบสงบเช่นนี้

ภาพของร่างโปร่งที่เร่งรุดไปเบื้องหน้านั้นทำให้ความเหนื่อยล้าที่ก่อตัวขึ้น จางหายไปอย่างประหลาด ชายหนุ่มตระหนักในทันทีว่าเขาไม่ได้ไล่ตามพวกผีร้าย หรือว่าเพื่อนตัวเล็กๆของเขา
เขากำลังไล่ตามพรายหนุ่มผู้นี้ต่างหาก อารากอร์นเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ดูเหมือนร่างนั้นจะไม่รู้จักความเหนื่อยล้า ระดับความเร็วของพรายตนนั้นยังคงเสมอต้นเสมอปลาย จะมีช้าลงบ้างก็ต่อเมื่อเสียงของฝีเท้าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ดังห่างออกไป

ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องอยู่ที่เส้นผมสีอ่อนที่ดูกระจ่างในความมืดราวกับดูดซับแสงดาวไว้และเปล่งประกายด้วยตัวของมันเอง

'จะรู้สึกอย่างไร ถ้าได้ลูบไล้เส้นผมนั้นด้วยปลายนิ้วของข้า จะรู้สึกเช่นไร ถ้าข้าจะได้สัมผัสเส้นผมนั้นด้วยริมฝีปากของข้า '
คำถามนั้นก้องอยู่ในใจเขา

' ไม่สิ ข้าต้องไม่คิดแบบนี้ มัน...มันไม่ถูกต้อง ข้าเพียงแต่พิศวงในความงามของพวกพรายเท่านั้น….ใช่… เพียงแค่นั้น…' ชายหนุ่มเฝ้าตอกย้ำกับตัวเอง

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเติบโตขึ้นมากับพวกพราย แต่ไม่ว่าเมื่อไรเขาก็ยังคงไม่หมดความพิศวงในเผ่าพันธุ์อันงดงามนี้ มือกร้านของเขาเอื้อมไปแตะที่อกเสื้อ สร้อยและจี้นั้นทำให้เขาระลึกถึงผู้ที่เป็นเจ้าของมัน และได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของหัวใจเขาด้วย

" พอกันที ข้าไม่สามารถไปต่อได้ถ้าไม่มีการหยุดพัก " เสียงขึ้นจมูก ที่บอกความหงุดหงิดและเหนื่อยอ่อนของเจ้าของดังมาจากเบื้องหลัง ดึงให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์

กิมลี บุตรแห่งโกลอิน นั่งอยู่บนพื้น ดวงตาเข้มบนใบหน้าอันหงุดหงิดใต้เคราสีแดงนั้นจ้องตรงมาที่ชายหนุ่ม และเลยออกไปทางเบื้องหลังของเขา เลโกลัสเดินกลับมาตรงที่ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่

"หากจำเป็น เราต้องพัก" อารากอร์นพูด อีกฝ่ายพยักหน้าให้น้อยๆเป็นการรับคำ

ทั้งหมดได้เลือกที่พักใกล้ๆกับใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง เลโกลัสหันไปทางเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสอง " คืนนี้พวกท่านนอนพักให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าจะต้องเร่งเดินทางอีกไกลนักข้าจะเฝ้ายามให้เอง "

เสียงครืดคราดในลำคอดังตอบออกมาจากกิมลี " เจ้าพรายบ้า เจ้าไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างรึไง? "

ดวงตาสีเขียวนั้นมีแววยิ้มขัน " ไม่…ข้าพักผ่อนได้แม้ยามข้าเดินทาง หากหัวใจข้าได้พัก ... เจ้ารีบนอนเอาแรงซะเถอะ เจ้าคนแคระโง่ "

คำพูดนั้นช่างแทงใจเขาเสียเหลือเกิน ' ข้าพักผ่อนได้แม้ยามข้าเดินทาง หากหัวใจข้าได้พัก '
ชายหนุ่มเหลือบมองร่างโปร่งที่เดินไปเดินมารอบกองไฟนั้น และเฝ้ามองดวงหน้างามคม ของพรายหนุ่มด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง

' แล้วหัวใจของท่านไปพักอยู่ที่ใดกันเล่า เลโกลัส ? '

ห้วงคิดคำนึงของเขาย้ำคำถามนั้น จนกระทั่งเขาผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน


ลมหายใจที่ผะแผ่วบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องลืมตาขึ้นพบกับ ดวงตาสีเขียวใส ความพิศวงเต้นระริกอยู่ในนั้น พรายหนุ่มเอนตัวนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆที่นอนของอารากอร์น

ปลายนิ้วของพรายแตะที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเป็นเชิงห้ามก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยปาก
" ไม่มีอะไรผิดปกติในค่ำคืนนี้….ข้าเพียงแต่สงสัยว่าเหตุใดท่านจึงได้ดูเคร่งเครียดนักแม้ในยามหลับ…สิ่งใดกันที่รบกวนจิตใจของท่านอยู่? "

อารากอร์นยกมือขึ้นไปกุมมือของพรายหนุ่มที่แตะริมฝีปากเขาไว้ แล้วประทับจูบเบาๆลงที่ปลายนิ้วนั้น
" ข้าไม่รู้ เลโกลัส...บางที " ดวงตาเศร้าสีเหล็กจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่มีแววฉงนของพรายหนุ่ม

ดวงหน้านั้นโน้มลงมาใกล้เส้นผมสีอ่อนที่ทัดไว้กับปลายหูแหลมตกลงมาระใบหน้าของเขา คิ้วเรียวเลิกขึ้นน้อยๆเป็นเชิงถาม
" บางที...อาจเพราะในความฝันของข้า คงจะไม่มีสิ่งที่งดงามเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้ " ปลายนิ้วกร้านเอื้อมไปไล้เส้นผมสีอ่อนของพรายหนุ่มเข้ามาแตะที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ

ริมฝีปากได้รูปของเลโกลัสคลี่ยิ้มน้อยๆ " แต่ท่านจำเป็นจะต้องพัก " ดวงตาพรายวะวับล้อแสงจากกองไฟ

" ถ้าเช่นนั้น ข้าคงจะต้องเปิดตาไว้เช่นนี้ " อารากอร์นกล่าวเบาๆ

" ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีมนุษย์คนใดที่ลืมตาในยามหลับได้เช่นพราย" คิ้วเรียวเลิกขึ้นน้อยๆอย่างแปลกใจ

" ข้าจะเป็นมนุษย์คนแรกที่ทำเช่นนั้น….." สายตาของอารากอร์นไล้ไปตามแนวสันคิ้ว ดวงตา สันจมูก และริมฝีปากได้รูปของพรายหนุ่ม ที่อยู่ตรงหน้าเขา "…..เพราะข้าได้พักแล้วยามที่ข้าได้เห็นภาพที่ข้ากำลังมองอยู่ในขณะนี้ "

เลโกลัสวางมือข้างหนึ่งลงบนตำแหน่งของหัวใจของอารากอร์น ในขณะที่มืออีกข้างเอื้อมขึ้นมาไล้ปลายนิ้วบนสันคิ้วเข้ม ละเรื่อยมาจนถึงคางที่รกครึ้มไปด้วยเคราของเขา สัมผัสนั้นทำให้เขารู้สึกราวล่องลอยอยู่ในความฝัน เสียงแผ่วๆของพรายหนุ่มแว่วเข้ามาในโสตประสาท " ถ้าเช่นนั้นจดจำภาพนั้นไว้ แล้วหลับเสียเถิดอารากอร์น"

ดวงตาของเขาหรี่ปรือลงอย่างประหลาดเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสบนใบหน้า
เสียงเพลงแห่งพราย กังวานหวานแว่วอยุ่ในโสตประสาตของเขา…

" นานมาแล้วมีแผ่นดินชอุ่มเขียว

มีสายลมกรูเกรียวพัดผ่านป่า

ยินเสียงน้ำทวงรักพสุธา

ยามไม้ป่าพร่ำคำหวานแก่ผืนดิน

พญาไม้ยืนต้นคงทนนัก

เพราะมั่นรักปฐพีมิมีสิ้น

แต่สายลมที่โชยพัดเป็นอาจิณต์

ทำให้ไม้ไหวถวิลในจิตใจ

เพียงกระแสลมบางเบาเจ้าก็หวั่น

โยกไกวกิ่งรำพันกับลมได้…….."

เลโกลัสขยับตัวอย่างแผ่วเบา เขามองจ้องใบหน้าของชายหนุ่ม ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าเขาได้เข้าสู่นิทราอันสงบสุข ปลายนิ้วยังคงไล้เล่นอยู่บนสันคิ้วเข้ม แสงจากกองไฟที่สะท้อนในดวงตาของพรายหนุ่ม หรี่ลง…

"……ดังมนุษย์หลงเงาที่ข้างกาย

จนหวั่นไหวกับหัวใจ…..เพียงชั่วคืน……"


เสียงเพลงพรายท่อนสุดท้ายดังลอดจากริมฝีปากพราย ราวกับเป็นเพียงเสียงกระซิบของสายลมกับพญาไม้ที่กำลังหลับไหลฉะนั้น….

 

continued in RESTLESS
Thank you for reading. Please feel free to leave your message all comment are needed.