เส้นผมสีอ่อน สะบัดพริ้วไปตามจังหวะการเคลื่อนไหว แสงเรืองน้อยๆจากร่างนั้นคงจะเป็นเพียงแสงเดียวในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดในค่ำคืนนี้
...และในใจเขา
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไร หรือคืนที่เท่าไรตั้งแต่เมื่อทั้งสามเริ่มออกเดินทางไล่ตามพวกผีร้าย
ที่ลักพาตัวเมอร์รี่ และพิพพินไป พวกเขาเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่มีการหยุดพัก
เลมบาสเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวที่ช่วยให้พวกเขามีกำลังก้าวต่อไปได้
"พวกมันคงจะพาสองคนนั่นไปไกลแล้ว เราจะตามไปไม่ทัน" น้ำเสียงอันเศร้าสร้อยของพรายที่กล่าวแก่ชายหนุ่มในครั้งหนึ่งที่พวกเขาตั้งใจจะหยุดพักนั้นยังคงก้องอยู่ในหู
กระตุ้นเตือนให้ต้องเดินทางต่อไป
เสียงฝีเท้าสองคู่ดังแผ่วๆในความมืด หนึ่งมนุษย์ หนึ่งคนแคระ ส่วนฝีเท้าพรายนั้นแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
แม้ในยามค่ำคืนอันเงียบสงบเช่นนี้
ภาพของร่างโปร่งที่เร่งรุดไปเบื้องหน้านั้นทำให้ความเหนื่อยล้าที่ก่อตัวขึ้น
จางหายไปอย่างประหลาด ชายหนุ่มตระหนักในทันทีว่าเขาไม่ได้ไล่ตามพวกผีร้าย
หรือว่าเพื่อนตัวเล็กๆของเขา
เขากำลังไล่ตามพรายหนุ่มผู้นี้ต่างหาก อารากอร์นเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ดูเหมือนร่างนั้นจะไม่รู้จักความเหนื่อยล้า
ระดับความเร็วของพรายตนนั้นยังคงเสมอต้นเสมอปลาย จะมีช้าลงบ้างก็ต่อเมื่อเสียงของฝีเท้าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ดังห่างออกไป
ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องอยู่ที่เส้นผมสีอ่อนที่ดูกระจ่างในความมืดราวกับดูดซับแสงดาวไว้และเปล่งประกายด้วยตัวของมันเอง
'จะรู้สึกอย่างไร ถ้าได้ลูบไล้เส้นผมนั้นด้วยปลายนิ้วของข้า จะรู้สึกเช่นไร
ถ้าข้าจะได้สัมผัสเส้นผมนั้นด้วยริมฝีปากของข้า '
คำถามนั้นก้องอยู่ในใจเขา
' ไม่สิ ข้าต้องไม่คิดแบบนี้ มัน...มันไม่ถูกต้อง ข้าเพียงแต่พิศวงในความงามของพวกพรายเท่านั้น
.ใช่
เพียงแค่นั้น
' ชายหนุ่มเฝ้าตอกย้ำกับตัวเอง
ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเติบโตขึ้นมากับพวกพราย แต่ไม่ว่าเมื่อไรเขาก็ยังคงไม่หมดความพิศวงในเผ่าพันธุ์อันงดงามนี้
มือกร้านของเขาเอื้อมไปแตะที่อกเสื้อ สร้อยและจี้นั้นทำให้เขาระลึกถึงผู้ที่เป็นเจ้าของมัน
และได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของหัวใจเขาด้วย
" พอกันที ข้าไม่สามารถไปต่อได้ถ้าไม่มีการหยุดพัก " เสียงขึ้นจมูก
ที่บอกความหงุดหงิดและเหนื่อยอ่อนของเจ้าของดังมาจากเบื้องหลัง ดึงให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์
กิมลี บุตรแห่งโกลอิน นั่งอยู่บนพื้น ดวงตาเข้มบนใบหน้าอันหงุดหงิดใต้เคราสีแดงนั้นจ้องตรงมาที่ชายหนุ่ม
และเลยออกไปทางเบื้องหลังของเขา เลโกลัสเดินกลับมาตรงที่ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่
"หากจำเป็น เราต้องพัก" อารากอร์นพูด อีกฝ่ายพยักหน้าให้น้อยๆเป็นการรับคำ
ทั้งหมดได้เลือกที่พักใกล้ๆกับใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง เลโกลัสหันไปทางเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสอง
" คืนนี้พวกท่านนอนพักให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าจะต้องเร่งเดินทางอีกไกลนักข้าจะเฝ้ายามให้เอง
"
เสียงครืดคราดในลำคอดังตอบออกมาจากกิมลี " เจ้าพรายบ้า เจ้าไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างรึไง?
"
ดวงตาสีเขียวนั้นมีแววยิ้มขัน " ไม่
ข้าพักผ่อนได้แม้ยามข้าเดินทาง หากหัวใจข้าได้พัก
... เจ้ารีบนอนเอาแรงซะเถอะ เจ้าคนแคระโง่ "
คำพูดนั้นช่างแทงใจเขาเสียเหลือเกิน ' ข้าพักผ่อนได้แม้ยามข้าเดินทาง หากหัวใจข้าได้พัก
'
ชายหนุ่มเหลือบมองร่างโปร่งที่เดินไปเดินมารอบกองไฟนั้น และเฝ้ามองดวงหน้างามคม
ของพรายหนุ่มด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง
' แล้วหัวใจของท่านไปพักอยู่ที่ใดกันเล่า เลโกลัส ? '
ห้วงคิดคำนึงของเขาย้ำคำถามนั้น จนกระทั่งเขาผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
ลมหายใจที่ผะแผ่วบนใบหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องลืมตาขึ้นพบกับ
ดวงตาสีเขียวใส ความพิศวงเต้นระริกอยู่ในนั้น พรายหนุ่มเอนตัวนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆที่นอนของอารากอร์น
ปลายนิ้วของพรายแตะที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเป็นเชิงห้ามก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยปาก
" ไม่มีอะไรผิดปกติในค่ำคืนนี้
.ข้าเพียงแต่สงสัยว่าเหตุใดท่านจึงได้ดูเคร่งเครียดนักแม้ในยามหลับ
สิ่งใดกันที่รบกวนจิตใจของท่านอยู่?
"
อารากอร์นยกมือขึ้นไปกุมมือของพรายหนุ่มที่แตะริมฝีปากเขาไว้ แล้วประทับจูบเบาๆลงที่ปลายนิ้วนั้น
" ข้าไม่รู้ เลโกลัส...บางที " ดวงตาเศร้าสีเหล็กจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่มีแววฉงนของพรายหนุ่ม
ดวงหน้านั้นโน้มลงมาใกล้เส้นผมสีอ่อนที่ทัดไว้กับปลายหูแหลมตกลงมาระใบหน้าของเขา
คิ้วเรียวเลิกขึ้นน้อยๆเป็นเชิงถาม
" บางที...อาจเพราะในความฝันของข้า คงจะไม่มีสิ่งที่งดงามเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้
" ปลายนิ้วกร้านเอื้อมไปไล้เส้นผมสีอ่อนของพรายหนุ่มเข้ามาแตะที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ
ริมฝีปากได้รูปของเลโกลัสคลี่ยิ้มน้อยๆ " แต่ท่านจำเป็นจะต้องพัก " ดวงตาพรายวะวับล้อแสงจากกองไฟ
" ถ้าเช่นนั้น ข้าคงจะต้องเปิดตาไว้เช่นนี้ " อารากอร์นกล่าวเบาๆ
" ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีมนุษย์คนใดที่ลืมตาในยามหลับได้เช่นพราย" คิ้วเรียวเลิกขึ้นน้อยๆอย่างแปลกใจ
" ข้าจะเป็นมนุษย์คนแรกที่ทำเช่นนั้น
.." สายตาของอารากอร์นไล้ไปตามแนวสันคิ้ว
ดวงตา สันจมูก และริมฝีปากได้รูปของพรายหนุ่ม ที่อยู่ตรงหน้าเขา "
..เพราะข้าได้พักแล้วยามที่ข้าได้เห็นภาพที่ข้ากำลังมองอยู่ในขณะนี้
"
เลโกลัสวางมือข้างหนึ่งลงบนตำแหน่งของหัวใจของอารากอร์น ในขณะที่มืออีกข้างเอื้อมขึ้นมาไล้ปลายนิ้วบนสันคิ้วเข้ม
ละเรื่อยมาจนถึงคางที่รกครึ้มไปด้วยเคราของเขา สัมผัสนั้นทำให้เขารู้สึกราวล่องลอยอยู่ในความฝัน
เสียงแผ่วๆของพรายหนุ่มแว่วเข้ามาในโสตประสาท " ถ้าเช่นนั้นจดจำภาพนั้นไว้
แล้วหลับเสียเถิดอารากอร์น"
ดวงตาของเขาหรี่ปรือลงอย่างประหลาดเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสบนใบหน้า
เสียงเพลงแห่งพราย กังวานหวานแว่วอยุ่ในโสตประสาตของเขา
" นานมาแล้วมีแผ่นดินชอุ่มเขียว
มีสายลมกรูเกรียวพัดผ่านป่า
ยินเสียงน้ำทวงรักพสุธา
ยามไม้ป่าพร่ำคำหวานแก่ผืนดิน
พญาไม้ยืนต้นคงทนนัก
เพราะมั่นรักปฐพีมิมีสิ้น
แต่สายลมที่โชยพัดเป็นอาจิณต์
ทำให้ไม้ไหวถวิลในจิตใจ
เพียงกระแสลมบางเบาเจ้าก็หวั่น
โยกไกวกิ่งรำพันกับลมได้
.."
เลโกลัสขยับตัวอย่างแผ่วเบา เขามองจ้องใบหน้าของชายหนุ่ม
ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าเขาได้เข้าสู่นิทราอันสงบสุข ปลายนิ้วยังคงไล้เล่นอยู่บนสันคิ้วเข้ม
แสงจากกองไฟที่สะท้อนในดวงตาของพรายหนุ่ม หรี่ลง
"
ดังมนุษย์หลงเงาที่ข้างกาย
จนหวั่นไหวกับหัวใจ
..เพียงชั่วคืน
"
เสียงเพลงพรายท่อนสุดท้ายดังลอดจากริมฝีปากพราย ราวกับเป็นเพียงเสียงกระซิบของสายลมกับพญาไม้ที่กำลังหลับไหลฉะนั้น
.