ไมเกรน

ไมเกรนคืออะไร
อาการปวดหัวแบบ ไมเกรน จะเป็นอาการปวดที่สร้างความรำคาญ ทรมานให้กับผู้ป่วย โดยจะมีตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงมากจนกระทบกับการดำรงชีวิตประจำวัน อาจจะมีอาการปวดตุ๊บๆ แถวขมับ หรืออาจจะจะปวดบริเวณเบ้าตาเหมือนหัวใจเต้นตุ๊บๆ
ที่ปวดน้อยๆ มักจะไม่ใช่ไมเกรน อาการปวดไมเกรนอาจจะปวดได้นาน 2-3 วันหรืออาจ
จะปวด 2-4 ชั่วโมง และอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการปวด ไมเกรน เวลาหายปวด
จะหายสนิท อาการปวด ไมเกรน มักจะมีอาการนำมาก่อนที่จะเกิดอาการปวด เรียก Aura อาจจะเห็นแสงแวบ แสงจ้า ตาพร่ามัว ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ ก่อนจะมีอาการปวด ไม่แน่เสมอไปที่ว่าอาการปวดหัวข้างเดียวคืออาการปวด ไมเกรน อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น
เช่น คอตกหมอน เนื้องอก เป็นต้น

พบในคนกลุ่มไหน
ไมเกรน มักจะพบมากในช่วงวัยรุ่นอายุ 10-25 ปี แต่ก็พบในเด็กอายุ 7-8 ขวบได้ แต่พอ
อายุมากขึ้น อาการก็จะลดน้อยลง คนสูงอายุจึงมักไม่มีปัญหาเกี่ยวกับ ไมเกรน หากคนสูงอายุมีอาการปวดหัวรุนแรงมักจะมีสาเหตุมาจากอย่างอื่นมากกว่า เช่น ความดัน
โลหิตสูง เป็นต้น ส่วนใหญ่อาการ ไมเกรน มักจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย พบว่าผู้หญิง
1 ใน 10 คนมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการ ไมเกรน

อาการ
► ปวดศีรษะ ปวดตุ๊บๆแถวขมับ หรืออาจจะจะปวดบริเวณเบ้าตาเหมือนหัวใจเต้นตุ๊บๆอาจจะปวดข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง
► ปวดศีรษะมากจนอาจกระทบต่อกิจกรรมต่างๆ ที่ทำในแต่ละวัน จะปวดในช่วง 4-72 ชั่วโมง
► คลื่นไส้อาเจียน
► เบื่ออาหาร
►มักจะปวดเมื่อพบกับสิ่งกระตุ้น เช่น แสงจ้า เย็นหรือร้อนจัด เสียงดัง
► อาจจะมีอาการนำ ที่เรียกว่า Aura คือจะอาจจะเห็นแสงแวบ แสงจ้า ตาพร่ามัว อาการชา

อาการที่ไม่น่าจะใช้ ไมเกรน ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอาการ
► ผู้ป่วยสูงอายุ (อายุมากกว่า 50 ปี)
► มีอาการปวดศีรษะปวดขึ้นทันทีทันใด โดยมากเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก
► อาการปวดศีรษะเป็นบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้นนานขึ้น
► อาการปวดศีรษะที่พบร่วมกับ ไข้ คอแข็ง ผื่น
► มีอาการทางระบบประสาทอื่นร่วมด้วย เช่น ชัก อ่อนแรงของแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง

สาเหตุ
จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริงของ ไมเกรน แต่บางท่านเชื่อว่าน่าจะมาจากมีสารบางอย่างจากเส้นประสาทในสมองไปทำให้เส้นเลือดแดง
ในสมองเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ และการปล่อยสารบางอย่างจากเส้นประสาทในสมองออกมาเป็นเหตุให้เกิดอาการปวด ซึ่งน่าจะมีเหตุมาจาก

► อาการเครียด
► อดนอน หรือนอนมากเกินไป
► การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ
► เจอกับแสงจ้า
► ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่
► สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า
► อาการขาด คาเฟอีน
► กลิ่นเหม็น
► ช่วงมีประจำเดือน
► รับประทานยาขยายหลอดเลือด
► ทานอาหาร ที่มีส่วนผสมของสาร เอมีน ไนไตร และไทรามีน เช่น อาหารพวก เบคอน ฮ๊อทดอกไทรามีน เช่น ไวน์แดง เปปเปอโรนี่ ชีส เนย พิซซ่า ช๊อคโกแลต กล้วยหอม ผงชูรส

การรักษาและการป้องกัน
ถ้าหากเป็นไม่มากและนานๆ เป็นที ก็ซื้อยาแก้ปวดพวก แอสไพริน พาราเซตามอล
ไอบูโปรเฟน รับประทานจะบรรเทาอาการได้ใน 30-60 นาที หรือในบางรายที่อาการรุนแรงอาจจะต้องใช้ แอสไพรินร่วมกับพาราเซตามอล

คนที่เป็นบ่อย (มากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน) ยาส่วนใหญ่จะเป็นยาที่ใช้เพื่อลดการเกิดและเบาเทา
อาการ ไมเกรน เช่น ยากลุ่ม beta-blockers ยากลุ่ม antidepressants ยากลุ่ม Calcium Channel blocker และยาสำหรับอาการไมเกรนโดยเฉพาะ เช่น sumatriptan นอกจากนี้อาจจะต้องพิจารณายาที่จะแก้ไขสำหรับอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาการปวดร่วมด้วย

ยาต่างๆ ที่ใช้มักมีจุดประสงค์เพื่อรักษาและลดการเกิดอาการที่รุนแรงของ ไมเกรน แต่ในผู้ป่วยบางรายก็อาจจะมีอาการข้างเคียงยาที่รับประทาน จึงมีบางสถานพยาบาลแนะนำให้ให้ใช้การรักษาทางเลือกอื่นร่วมด้วย เช่น การฝังเข็ม
aromatherapy ฯลฯ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดร่วมด้วยก็ตามไม่ควรหยุดยาเพื่อรักษาอาการไมเกรน
ชนิดใดๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน และทางที่ดีก่อนจะใช้โปรแกรมทางเลือกใดๆ ในการรักษาอาการ ไมเกรน ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อน

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
แคลซียม และแมกนีเซียม จะช่วยให้บำรุงเส้นเลือดให้แข็งแรงจึงควรที่จะรับประทานสม่ำเสมอสำหรับคนที่มีอาการ
ไมเกรน จะช่วยให้ลดความรุนแรงและความถี่ของการเกิด

Feverfew ก็เป็นพืชที่มีการรายงานว่าสามารถลดอาการอัดเสบและอาการปวดจาก ไมเกรน
ได้ดี 5-HTP (5-hydroxytryptophan) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของ กรดอมิโน ก็ช่วยเพิ่มระดับ เซอโรโตนินในสมอง จึงทำให้ลดการเกิด ไมเกรน ได้ดี แต่ก็ต้องรับประทานติดต่อกันจึงจะให้ผลดีในการป้องกันการเกิดอาการ ไมเกรน สำหรับ
5-HTP ต้องระมัดระวังหากรับประทานร่วมกับยากลุ่ม antidepressant ที่เรียกว่า SSRI

วิตามินบี ก็มีรายงานว่าสามารถช่วยในรายที่มีอาการ ไมเกรน บ่อยได้

การบรรเทาอาการไมเกรนด้วยตนเอง
► ใช้ก้อนน้ำแข็ง หรือกระเป๋าน้ำแข็งปะคบที่ศีรษะ เพื่อช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลงและบรรเทาอาการปวด
► นอนพักในห้องที่เงียบและมืด
► การนวดด้วยกลิ่นหอม ก็จะช่วยผ่อนคลายได้ ส่งผลให้อาการ ไมเกรน บรรเทาลง
► จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้น เช่น วันเวลา ระยะเวลาที่ปวด อาการอื่นที่เกิดร่วมด้วย ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงสาเหตุนั้นๆ เช่น แสง เสียงที่รบกวน รอบเดือน (ในผู้หญิง) แสง อาหารที่รับประทาน และ อื่นๆ
► คอยสังเกตอาการก่อนเริ่มมีอาการปวด เช่น อาการหิว ง่วงนอน อ่อนเพลีย แสง เสียงที่รบกวน
► งดอาหารบางชนิดที่อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการ เช่น ผงชูรส พิซซ่า ชีส เหล้า กาแฟ เนย ช๊อกโกแลต เป็นต้น
► พยายามพักผ่อนให้พอเพียง หลีกการอดนอน
► การรับประทานอาการพวกปลาซึ่งจะมีสารอาหาร Omega-3 ก็จะทำให้ลดการเกิดอาการ
ไมเกรน ได้
► การออกกำลังกายก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการ ไมเกรน ได้เช่นกัน
► คนที่มีอาการบ่อยๆ แนะนำให้ให้พกยาติดตัวไว้อย่างน้อย 1 ชุดเสมอ

Thanarat Hospital : Tel. 0 3262 2155 . 0 3262 1341 E-mail : hosreport@hotmail.com . thanarat@amed.go.th
webmaster : hosarmy@hotmail.com