บันทึกการเดินทาง
28-31 ธันวาคม 2545
จากตำนานการเดินทางที่บอกเล่ากันจนนาม
ภูกระดึง
คือที่สุดของการท่องเที่ยวชมธรรมชาติในเมืองไทย
หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่ต้องการท้าพิสูจน์ความแกร่งของการเดินทางละก็
สักครั้งหนึ่งในชีวิตควรจะหาโอกาส
พิชิตภูกระดึง
จะได้รู้ซึ้งว่าหฤโหดตามคำบอกเล่าเพียงใด
เมื่อคุณเตรียมร่างกายตัวเองให้แกร่งพอสำหรับการเดินด้วยกำลังขา
มาพร้อมกำลังใจที่มุ่งมั่นจะฝ่าฟันเดินตามเส้นทางที่ลาดชันและก้อนหินตะปุ่มตะป่ำตลอดเส้นทางจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจนถึง
หลังแป ระยะทาง
9 กิโลเมตร
และเดินทางราบตามแนวป่าสนที่ไม่มีร่มเงาอีก
3.5
กิโลเมตรถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง
วันแรก 28
ธันวาคม 2545
พวกเรารวมตัวกันที่หอพักจิ๊บแถวบางขุนนนท์
มุ่งหน้าสู่จุดนัดพบข้างศาลพระภิกฆเนตร
หน้าเวิร์ดเทรด เซ็นเตอร์ตามเวลา
นัดหมายคือ
20.30 น. หน้าเวิร์ดเทรดเต็มไปด้วยแสงสีและผู้คนจำนวนมาก
นั่งรอผู้ร่วมเดินทางอีกกลุ่ม
หลังทุกคนมาพร้อมกัน
ออกเดินทางเวลา 21.30 น.
ด้วยรถตู้ 4 คัน
รวมผู้ร่วมเดินทางทริปนี้
30 กว่าชีวิต
เนื่องจากพวกเราใช้บริการบริษัท
ไทยโอเชียน ทัวร์ค่ะ
จุดประสงค์เพื่อจะได้สะดวกในการเข้าพักในบ้านพักและการยกขนสัมภาระ
แม้ว่าจะไม่ได้นอนเต๊นส์สัมผัสธรรมชาติบนยอดภูแต่ก็ประทับใจมิรู้ลืม
การจราจรช่วงจากกรุงเทพ
ฯ
เรื่อยมาจนถึงทางแยกสีคิ้วรถหนาแน่นมาก
ผ่านบ้านกลางดงตอนตี 2
ลำตะคองตี 3
และหลังเลี้ยวซ้ายมาตามเส้นทางสู่
จ.ชัยภูมิการจราจรเริ่มสะดวกขึ้น
ถึงตลาดด่านขุนทดตอนตี 4
หากเป็นช่วงวันปกติตามเส้นทางจาก
กทม.ถึงด่านขุนทดใช้เวลาไม่เกิน
3 ชั่วโมง
แวะพักเข้าห้องน้ำแถวปั้มน้ำมันด่านขุนทดเดินทางต่อใช้เส้นทาง
อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
สู่ อ.ภูกระดึง
วันที่สอง 29
ธันวาคม 2545
ถึงที่ทำการประมาณ
7 โมงเช้า
ทีมงานบริษัททัวร์จัดการด้านสัมภาระ
ซื้อบัตรผ่านเข้าอุทยานและยืนยันการเข้าบ้านพักที่จองไว้ล่วงหน้า
ส่วนพวกเราพากันเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน
รับประทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารปักษ์ใต้ใกล้ที่ทำการ
หลังอิ่มท้องเริ่มเดินทางเวลาประมาณ
09.00 น.
พิชิตเส้นทางที่กล่าวขานว่าตำนานมหาโหดคือ
ซำแฮก อันที่จริงคำว่าซำแฮกภาษาอีสานมีความหมายว่าด่านแรกนั่นเอง
แต่เหตุเพราะเส้นทางเดินขึ้นเป็นทางลาดชันเกือบแนวดิ่ง
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินนักท่องเที่ยวต่างก็เข้าใจคำว่าซำแฮก
หมายถึงหอบแฮก ๆ
กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้
พวกเราใช้เวลาพักผ่อนที่ซำแฮกเพียงเล็กน้อยเพราะได้รับคำแนะนำจากพี่
ๆ
ที่เคยพิชิตภูกระดึงมาก่อนว่าอย่าได้นั่งพักนานเป็นอันขาดจะทำให้เมื่อยขามากเดินต่อไม่ไหว
ซึ่งก็น่าจะเป็นจริงดั่งที่บอก
พวกเราแวะพักตามซำต่าง ๆ
ไม่นานนักเพียงแต่ต้องทายาที่พกพาไปด้วยเมื่อเมื่อยขาสุด
ๆ จนเดินไม่ไหว
เส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินขึ้นไม่ลำบากมาก
แต่เดินยากที่สุดก็เห็นจะเป็นซำแฮกนั่นเองคิดว่าเดินยากกว่าซำแคร่
(สุดท้าย)
เราแวะทานอาหารกลางวัน (ข้าวหมูทอดกระเทียม)
กันที่ซำกกโตน
เพราะมีห้องน้ำไว้บริการสะดวกสบายพอสมควร
หลังอิ่มท้องเริ่มลุยกันต่อ
พักอีกครั้งที่ซำแคร่
ก่อนที่จะต้องปีนป่ายไปตามก้อนหินสู่หลังแป
ซึ่งเป็นซำสุดท้ายที่มีเส้นทางแนวดิ่ง
แต่ก็มีบันไดให้ปีนป่ายอย่างสบาย
จากบันไดขั้นแรก ๆ
ถึงขั้นสุดท้ายที่สูงชันมาก
ต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ
คอยกำกับการใช้เส้นทางเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการแย่งกันขึ้นลงบันได
หลังปีนป่ายถึงพื้นที่ราบหลังแปพวกเราบางคนหมดแรงนั่งพักกันนานพอโข
แต่ก็ไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอย
หลังพิชิตเส้นทางหฤโหดก็ต้องเก็บภาพที่ระลึกตรงป้าย
เราคือผู้พิชิตภูกระดึง
เป็นหลักฐาน ว่าเราทำได้
. ปลื้มซะ !!!!!!!!
จากหลังแปเดินทางราบอีก
3.5 กม.
ครานี้เราเดินได้ช้าและปวดขามากจนถึงตะคิวจับ
อาจจะเป็นเพราะเท้าเคยชินกับการเดินขึ้นเขามาหลายชั่วโมงยังปรับตัวไม่ทัน
ต้องหยุดพักระหว่างทางหลายหน
ยาทาแก้ปวดเมื่อยสารพัดที่พกพาถูกนำมาใช้บรรเทาความปวดเมื่อย
ถึงศูนย์วังกวางแทบก้าวขาไม่ไหวแต่ก็ยังมีกำลังใจแวะไปให้เจ้าหน้าที่ประทับพาสปอร์ตท่องเที่ยวที่ติดตัวมาด้วย
เพื่อเป็นหลักฐานว่าเรามาถึงแล้ว
ภูกระดึง มีเต็นส์นักท่องเที่ยวเต็มไปหมดมากจนไม่สามารถจะนับจำนวนได้
เดินทางถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง
15.10 น.
รวมเวลาเดินทางขาขึ้นทั้งสิ้น
6 ชั่วโมง 10 นาที รวมระยะทาง
12.5 กิโลเมตร (จากที่ทำการถึงหลังแประยะทางขึ้นเขา
9 กิโลเมตร จากหลังแปทางราบ
3.5 กิโลเมตร)
จากที่ทำการเดินไปบ้านพัก
นาคราช
ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1
กม.
ที่พักเป็นบ้านเดี่ยวกลางดงต้นสนเส้นทางเดินผ่านลำธารเล็ก
ๆ
หน้าบ้านมีต้นดอกกุหลาบขาวกำลังผลิดอกตูมอยู่หลายต้น
น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นดอกกุหลาบขาวที่บานสะพรั่งเต็มต้นคาดว่าคงจะสวยมาก
บ้านพักมี 3 ห้องนอน 2
ห้องน้ำ พักห้องละ 5 คนราคา
3,500.- บาท/หลัง/คืน
ซึ่งจะต้องจองกันล่วงหน้าเป็นเวลานาน
หลังแยกย้ายเข้าห้องพักรอคิวอาบน้ำที่เย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง
ร่างกายเริ่มสดชื่นคลายอ่อนล้า
พักผ่อนจนเกือบ
6 โมงเย็น
เดินไปยังร้านอาหารปักษ์ใต้จุดนัดพบทานอาหารเย็นที่ทางบริษัททัวร์จัดไว้
ทานข้าวท่ามกลางความหนาวเย็นแม้น้ำดื่มก็เย็นฉ่ำดุจน้ำจากตู้เย็น
ทานอาหารเย็นเสร็จยังไม่ดึกเดินเลือกซื้อของฝากที่มีทั้งภาพโปสการ์ด
ปฏิทินตั้งโต๊ะ พวงกุญแจ
เสื้อและอื่น ๆ อีกมากมาย
>>>>>>>>>>>>>>
อ่านต่อ |