ภาพ Wall Paper  หลากหลายความงามบนภูกระดึง ภูกระดึง       ฃมภาพทุ่งหญ้าสีทองและป่าสนสองใบค่ะ ทุ่งหญ้า-ป่าสน      ดอกไม้นานาพรรณบนภูกระดึง ดอกไม้ป่า    ชมภาพดวงตะวันยามเช้าที่ผานกแอ่น และยามเย็นที่ผาหมากดูก เก็บตะวัน    

   บันทึกความทรงจำ
  
วันแรก  เริ่มเดินทาง+เดินขึ้นพิชิตภูกระดึง                                      รวมภาพบรรยากาศเส้นทางตั้งแต่ซำแฮกถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง
  
วันที่สาม เดินเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวระยะทาง 20 กว่ากิโลเมตร    รวมภาพบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวบนภูกระดึง
  
วันที่สี่   เดินทางกลับ                                                                                                                                    
............

กลเม็ดเคล็ดไม่ลับและสาระน่ารู้ในการเดินขึ้นภูกระดึง   สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการเดินทาง   ข้อมูลจากแผ่นพับแจกฟรีที่ทำการอุทยานศรีฐาน
    ตัวอย่างโปรแกรมเที่ยวภูกระดึง


บันทึกการเดินทาง
28-31 ธันวาคม 2545

วันที่สามของการเดินทาง 30 ธันวาคม 2545

ตื่นนอนตอนตี 3 ทะยอยเข้าห้องน้ำจนครบทุกคนประมาณตี 4 ชวนกันนอนต่อตื่นตอนตีห้ากว่า ๆ เนื่องจากนัดกันตอนตี 5 เพื่อเดินไปพร้อมกัน ชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น กลเม็ดเคล็ดลับของพวกเราที่ตื่นก่อนใคร ๆ แล้วนอนต่อ พวกเรามักนำมาใช้เสมอหากต้องพักรวมกับเพื่อนนักท่องเที่ยวจำนวนมากและมีห้องน้ำไว้บริการไม่มาก เพื่อป้องกันปัญหามิให้เพื่อนร่วมทริปต้องรอคอยนานที่จุดนัดหมายค่ะ

ออกเดินท่ามกลางอากาศเย็นยะเยือกด้วยอาการหนาวสั่น ระยะทาง 2 กิโลเมตร ถึงจุดชมวิวผานกแอ่นประมาณ 6 โมง ผู้คนมากมายจับจองมุมมองด้านหน้าจนไม่มีพื้นที่เหลือ พวกเราค่อย ๆ แทรกตัวเดินลัดเลาะฝูงคนจนเข้าไปเกือบจะใกล้ชิดหน้าผา นั่งรอดวงตะวันจนวินาทีระทึกใจมาถึง แสงสีทองค่อย ๆ ทาบขอบฟ้าเบื้องหน้าเจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่เห็นดวงตะวัน

เมฆหมอกหนาเริ่มบดบังแสงอาทิตย์ นักท่องเที่ยวเริ่มหมดหวังกับการยลความงามอันร่ำลือของดวงตะวันยามเช้า เหลือนักท่องเที่ยวไม่มากนัก พอที่เราจะหามุมเก็บภาพงามยามเช้า ณ ต้นสนต้นเดียวที่สวยที่สุด ณ จุดนั้น หลังเก็บภาพจนหนำใจก็เริ่มชักชวนกันหันหลังเดินกลับ แต่เพียงเราย่างเท้าไปไม่ถึง 10 ก้าว เพื่อนนักท่องเที่ยวที่ยังคงยืนหยัดบริเวณหน้าผาก็ตะโกนบอกว่าดวงอาทิตย์เริ่มโผล่จากก้อนเมฆแล้ว ตัวเรากะโอมรีบวิ่งไปยังหน้าผาอีกครั้งครานี้นักท่องเที่ยวที่เหลืออยู่ไม่มากนัก ได้เลือกมุมเก็บภาพถูกใจ ความงดงามของดวงอาทิตย์ยามเช้าที่ไม่ร้อนแรง มีเส้นคาดสีส้มสดสลับกับสีส้มอ่อนสวยงามเกินคำบรรยาย ไม่มีแสงแสบจ้าให้ระคายเคืองสายตา นับเป็นบุญตาที่ได้มาเห็นเพราะไม่เคยเห็นดวงตะวันที่ไหนไหนจะงดงามเช่นนี้มาก่อน คิดว่านี่คือสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มายลได้อย่างหนึ่งอย่างแน่นอน

หลังเก็บภาพจนหนำใจก็จากลาผานกแอ่นด้วยความปิติ ขากลับเดินช้า ๆ ชมวิวทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อย ได้เก็บภาพต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ดอกกระดุมเงินที่เริ่มเหี่ยวเฉามีสีดำแต่ยังคงความสวยแก่สายตาผู้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปล่อยให้ 4 คนในกลุ่มเดินล่วงหน้าไปก่อน เราถึงจุดนัดหมายคนสุดท้ายของกลุ่มด้วยพะวงกับการเก็บภาพพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ระหว่างทาง หลังทานอาหารเช้าด้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ เดินกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวเดินทางบนเส้นทางอันยาวนานตลอดทั้งวันกว่า 20 กิโลเมตร

09.00 น. เริ่มออกจากที่พักลัดเลาะไปตามแนวสนตามเส้นทางลัดหลังบ้านพัก แวะไหว้พระพุทธเมตตา ที่นั่นมีต้นกล้วยไม้และดอกกุหลาบขาวมากมายแต่ยังไม่มีดอกให้เห็น แวะชมใบเมเปิลสีแดงสดต้นใหญ่ที่น้ำตกถ้ำใหญ่ น่าเสียดายที่ต้นเมเปิลสูงใหญ่มากจนไม่มีโอกาสชื่นชมใกล้ ๆ ได้ ส่วนบริเวณน้ำตกก็อยู่ลึกลงเบื้องล่างยากแก่การปีนป่ายลงไปเนื่องจากมีตะไคร่น้ำจับตามก้อนหิน ช่วงระหว่างทางเดินขึ้นจากน้ำตกรู้สึกเหนื่อยมากจนหอบ ต้องนั่งพักอยู่นานมากกว่าจะเดินต่อไปได้

จุดหมายต่อไปคือสระอโนดาด ชมแอ่งน้ำใสที่มีแนวต้นสนรายล้อมและทานอาหารกลางวัน “ข้าวหมูทอด” ธรรมดาแต่มีความรู้สึกว่าอร่อยมากที่สุด เหตุเนื่องมาจากตัวเองลืมห่อข้าวของตัวเองไว้ที่องค์พระ    ก็เลยต้องแบ่งข้าวคนอื่นทานแทน.........ที่นั่น นั่งพักท่ามกลางสายลมเย็น ๆ กำลังสบายอยู่นานโข และออกเดินทางต่อไปยังผาหล่มสัก สัญลักษณ์ของภูกระดึง ผ่านน้ำลำธารน้ำตกเล็ก ๆ บางช่วงต้องเดินลุยน้ำแฉะ+หญ้าจนเท้าเปียกชุ่ม    ณ ผาหล่มสักมีร้านอาหารหลายร้าน มีห้องน้ำไว้บริการ และเป็นที่ชุมนุมนักท่องเที่ยวมากมายต้องต่อคิวเก็บภาพกับหน้าผา เป็นที่สังเกตุว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะรักษามารยาทกันดีมาก  จุดไหนที่โดดเด่นสวยงามพวกเขาจะต่อแถวกันโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่มีใครมากำกับสั่งการ  ไม่ก่อให้เกิดการขัดแย้งระหว่างการท่องเที่ยว จากนั้นก็เดินต่อไปยังจุดหมายสุดท้ายคือผาหมากดูก เพื่อชมดวงอาทิตย์ตก  เหตุที่ไม่รอชมดวงอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักเพราะเส้นทางจากผาหล่มสักไปยังสูญบริการนักท่องเที่ยววังกวางไกลมากไม่สะดวกที่จะเดินกลับยามมืดค่ำ คณะทัวร์จึงเลือกชมที่ผาหมากดูกแทน    ระยะทางถึงที่ทำการเพียง 2 กม. เท่านั้น ระหว่างทางไปผาหมากดูกผ่านหน้าผาและทิวทัศน์สวยงามหลายจุด แวะเก็บภาพไปเรื่อย ๆ ถึง "ผาหมากดูก" เกือบ 6 โมงเย็น รอชมดวงอาทิตย์ลับฟ้า ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวมากมายเช่นเดียวกับที่ผาหล่มสัก หลังดวงตะวันลับฟ้าต่างพากันเดินกลับที่พักเป็นทิวแถว ถึงที่ทำการวังกวางแทบก้าวขาไม่ออก อาการปวดเมื่อยขาเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะทาถูด้วยยาทาแก้ปวดเมื่อยก็ยังไม่ทุเลา เราจึงจำเป็นต้องซื้อยาคลายกล้ามเนื้อที่มีขายตามร้านค้าในบริเวณนั้นมาทานคนละ 1 เม็ด ราคาเม็ดละ 5.- บาท สำหรับยาทานคลายกล้ามเนื้อถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ไม่อยากแนะนำให้ซื้อหามารับประทาน นอกจากจะนำติดตัวมาเอง ไก๊ด์เล่าว่ามีนักท่องเที่ยวเคยซื้อยานี้มาทานแล้วเกิดอาการแพ้ยาถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แต่สำหรับพวกเรายอมเสี่ยงเพราะรู้ตัวว่าไม่มีใครมีประวัติแพ้ยามาก่อน ซึ่งยาขนานนี้ต้องทานหลังอาหารทันที เนื่องจากจะออกฤทธิ์กัดกระเพราะอาหารด้วย คืนนั้นรู้สึกว่าอาการปวดขาเริ่มทุเลา ( อาจจะเป็นเพราะความเจ๋งของยาคลายกล้ามเนื้อก็เป็นได้ )


>>>>>>>>>>>>>>  อ่านต่อ 

พบกับบันทึกเรื่องเที่ยวของพวกเรา    ตามน้องนกไปเลยค่ะเที่ยวที่อื่นต่อกับพวกเรา      คุยกับพวกเรา........ยินดีต้อนรับค่ะ รู้จัก+ทักทายคนบ้านนี้  
~~~~~~~~~~~