ความหมายคำว่า แปลน
รูปด้าน รูปตัด |
เริ่มต้นมารู้จักการเขียนแบบสัมมเลขาก่อน
และจะได้รู้ความหมายของคำว่าการเขียนแบบกันอย่างลึก
ๆ ไปเลยครับ
ผมเชื่อมั่นว่าน้อยคนนักที่ได้รู้จักกับคำว่า
สัมมเลขา
การเขียนแบบสัมมเลขา มีความหมายตามศัพท์จากภาษาสันสกฤต 2 คำ คือ
"สมม" ถูกต้อง ดี
ชอบแล้วคำหนึ่ง
และ"เลข"ซึ่ง แปลว่า การขีดเขียน
อีกคำหนึ่ง
รวมทั้งสองคำเข้าด้วยกันก็แปลว่า
การเขียนรูปแบบอย่างถูกต้องดีแล้ว
การเขียนแบบ มีความหมายโดยทั่วไปว่า
คือ การแสดงความคิดอ่านใด ๆ ออกมาให้ปรากฎแก่ตาด้วยวิธีเขียนเป็น
รูปฉะนั้นการแสดงความคิดอ่านให้ปรากฎแก่ประสาททางอื่นเช่นทางหูจึงไม่ใชวิธีเขียนเป็นรูปหากแต่ใช้วิธีเปล่งเสียงให้ได้ยิน
เป็นเสียงพูด เสียงร้องสำหรับงานทางสถาปัตยกรรมแต่เดิมทีสถาปนิกมักไม่เขียนแบบขึ้นดูเสียก่อนดังเช่นสมัยปัจจุบัน
สถาปนิกมักใช้วิธีการอย่างเดียวกันกับช่างปั้นสลักกล่าวคือ
กะโครงการไว้ในความคิดอย่างเรียบร้อยถี่ถ้วนล่วง
หน้าแล้วจึง ลง
มือก่อสร้างไปตามความคิดนั้นเลยทีเดียวด้วยความชำนาญงานอย่างยอดเยี่ยมหรือแม้จะมีการร่างแบบขึ้นดูเสียก่อน
โดย
ใช้วิธีปั้นสลักเป็นหุ่นจำลองก็มักเป็นแบบอย่างเคร่า ๆ เท่านั้น
ความหมายของคำว่า
แปลน(plan) |
รูปแบบแผนผัง (PLAN)
เมื่อกล่าวถึงรูปแบบแผนผังในการเขียนแบบสถาปัตยกรรมแล้วย่อมหมายความถึง
เรื่องการฉายเส้นขนานทางดิ่ง
จากเบื้องบนลงมาสู่ผืนราบนอน
เป็นเกณฑ์
เว้นแต่มีบางโอกาสที่ผู้เขียนแบบหรือสถาปนิกต้องการจะแสดงรูปแบบของส่วนบนซึ่ง
ไม่อาจมองเห็นได้ภายนอกอาคารเช่น เพดาน เป็นต้น จึงจะใช้วิธีฉายเส้นขนานทางดิ่งขึ้นจากพื้นเบื้องล่างไปสู่ผืนราบเบื้องบนซึ่ง
เปรียบเหมือนกับฝากล่อง รูปแบบชนิดนี้ก็คงเรียกว่า
แผนผังเหมือนกันแต่จะบอกชื่อเพิ่มเติมให้ชัดว่าเป็น "รูปแผนผังเพดาน"
ความ
มุ่งหมายของรูปแผนผังเพดานนี้คงไม่มีอะไรสำคัญนักนอกจากจะแสดง
ให้เห็นลวดลายเพดานหรือตำแหน่งเครื่องประดับเพดาน
หรือเครื่องประกอบที่ติดตั้งไว้บนเพดาน เช่น สายไฟ ท่ออากาศ ฯลฯ
รูปตั้งด้านต่าง ๆ (ELEVATION)
รูปแบบที่เรียกว่ารูปตั้งนั้น หมายถึง
การฉายเส้นขนานทางระดับนอนให้ผ่านจุด
หรือเส้นต่างที่ปรากฎอยู่บนด้าน
ของอาคารซึ่งหันรับทางฉายของเส้น
ขนานผ่านไปสู่ผืนราบที่ตั้งเป็นฉากกับเส้นฉายนั้นทางเบื้องหลังตามปกติอาคารที่เป็นรูปร่าง
เหลี่ยมธรรมดาก็จะมีรูปตั้งที่ฉายเส้นมาจากทิศต่างๆ 4 ทิศทาง และได้รูปตั้งเป็น 4 รูปแบบ
|
การออกแบบ สถาปัตยกรรมอาจเป็นอาคารที่มีรูปร่างเป็นกิ่งก้านอย่างอื่น ๆ
ซึ่งมิได้เป็นการต่อเนื่องกัน
เป็นมุมฉากเสมอ
ไปในรูปแบบอาคารประเภทนี้อาจมีรูปตั้งด้านต่าง ๆ มากกว่า 4 ด้านก็ได้แล้วแต่ผู้ออกแบบประสงค์จะแสดงรูปแบบ
ทาง
รูปตั้งให้ถี่ถ้วนเพียงใดสำหรับรูปแบบรูปตั้งอาคารตามปกติอาจแสดงน้อยกว่า 4 ด้านก็ได้ ในเมื่อมีด้านที่มีลักษณะซ้ำหรือเหมือน
กันทุกประการก็อาจแสดงรูปแบบเพียงด้านเดียว เช่นอาคารที่มีด้านหน้าและด้านหลังเหมือนกันและด้านข้างทั้งสองด้านก็เหมือนกัน
อีกดังนี้ การแสดงรูปแบบก็คงแสดงเพียง 2 รูปด้านเท่านั้นมีข้อพึงสังเกตุเพิ่มเติมในการเขียนรูปแบบรูปตั้งอยู่ ณ ที่นี้ประการหนึ่งว่า
เส้นระดับดินมีส่วน สำคัญมากที่จะต้องแสดงให้ปรากฎในรูปแบบนั้นๆเสมอ ทั้งนี้มีเหตุผลว่านอกจากเส้นระดับดินจะเป็นเส้นระดับ
มาตรฐานที่จะใช้กำหนด
ความสูงต่ำของอาคารที่แน่นอนแล้วยังเป็นเส้นที่จะแสดงให้เข้าใจว่า สิ่งที่แสดงนั้นตั้งอยู่ในลักษณะ
อย่างไรด้วย เช่นว่าตั้งอยู่บนพื้นดิน ลอยสูงจากพื้นดินมากน้อยเพียงด หรือว่าจมลงไปในดินลึกมากน้อยอย่างไร เป็นต้น
รูปแบบด้านตัด(SECTION)
คือ จุดมุ่งหมายที่จะแสดงให้เห็นถึงการจัดช่องว่างภายในอาคารซึ่งตามปกติไม่อาจแสดงให้เห็นได้จากภายนอก
(แบบรูปตั้ง) ส่วนข้อแตกต่างกันนั้นคงอยู่ที่วิธีการแสดงเป็นรูปแบบสัมมเลขาเท่านั้น ในรูปแผนผังพื้นหมายความว่าได้ตัดเอาส่วน
บนของอาคารทางระนาบนอนแล้วยกส่วนบนนั้นออกแต่ในรูปตัดนั้น หมายถึง
การตัดส่วนด้านต่าง ๆ ทางระนาบดิ่ง
แล้วยกหรือ
ถอยออกให้พ้นทางฉายเส้นขนานทางราบ
สรุป
ผมคาดว่ารูปที่โชว์ด้านบนคงทำให้เพื่อน
ๆ ได้เข้าใจ
ความหมายของคำว่า แปลน
รูปด้าน รูปตัด
อย่ามากเพราะภายในรูปจะแสดงให้เห็นทั้งหมด
ถ้าไม่เข้าใจอย่าไรก็ เมล์
มาถามหรือจะโทรมาถามก็ได้ครับ
|