[ Home ]
[ คำนำ ] [ เบื้องต้นเรื่องพระธาตุ ] [ พระธาตุเจดีย์ทั่วไทย ] [ พระธาตุเจดีย์องค์สำคัญ ] [ รวมภาพพระธาตุ ] [ ประวัติวัดพนัญเชิง ] [ สมุดเยี่ยม ]
1. วัดพระธาตุดอยกองมู
วัดพระธาตุดอยกองมูมีชื่อเรียกแต่เดิมว่าวัดปลายดอน ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุด ประกอบด้วย พระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย"จองต่องสู่" เมื่อ พ.ศ. 2403 ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย"พญาสิงหนาทราชา"เจ้าผู้ครอง แม่ฮ่องสอนคนแรกจากวัดพระธาตุดอยกองมูนี้ สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจนและสวยงามมาก ปัจจุบันมีถนนลาดยางขึ้นสู่พระธาตุ ดอยกองมูเป็นระยะทางราว 5 กม.วัดนี้มีงานเทศกาลประจำปีหลายงานเช่น ในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ โดยเฉพาะในวันออกพรรษาจะมีการตักบาตร ดาวดึงส์ หรือตักบาตร เทโวด้วย
2. วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ
ผู้ที่จะไปนมัสการพระบรมธาตุดอยสุเทพมักจะลงนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเพื่อความเป็นสวัสดิมงคล ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ริเริ่มชักชวนให้ประชาชนชาวเหนือร่วมแรงร่วมใจ กันสร้างถนนจากเชิงดอยขึ้นไปสู่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ โดยเริ่มลงมือเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477และแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2478 รวมระยะทางจากเชิงดอยไปถึง วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ 10 กม. วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ เดินทางตามถนนห้วยแก้วผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยไปตามทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ระหว่างทางจะมองเห็น ตัวเมืองเชียงใหม่อยู่เบื้องล่าง ระยะทางจากเชิงดอยประมาณ 11 กม. เมื่อขึ้นมาถึงจะมองเห็นบันไดทอดยาวขึ้นไปสู่วัดและมีนาค 2 ตัวอยู่สองข้างบันไดซึ่งสูง 300 กว่าขั้น วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,051 ฟุตจะมีงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุในวันเพ็ญวิสาขบูชาทุกปี3. พระธาตุดอยตุง
พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 ของทางหลวงหมายเลข1149 เป็นสถานที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย(กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้าซึ่งนำมาจากมัธยม ประเทศนับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษา พื้นเมืองเรียกว่า ตุง)ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็กำหนดหมายเป็นฐานพระสถูปเพียงนั้นด้วยเหตุนี้ ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่ง ล้านนาไทยจึงปรากฏนามว่า"ดอยตุง"จนบัดนี้ พระธาตุดอยตุงประดิษฐานอยู่ในกิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง เป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงนี้ จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงใน รัฐฉาน ประเทศสหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เมืองเวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี4. วัดพระธาตุช่อแฮ
วัดพระธาตุช่อแฮ อยู่ที่ตำบลป่าแดง ห่างจากตัว-เมืองแพร่ไปตามถนนช่อแฮประมาณ 9 กม.(ใช้เส้นทางหมายเลข 1022)สร้างเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19 ในสมัยพญาลิไท ขุนลั่วอ้ายก้อมชาวละว้าได้สร้างองค์พระธาตุบุด้วยทองดอกบวบ สูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ10 เมตร ย่อมุมไม้สิบสองอันเป็นศิลปะเชียงแสนเพื่อเป็นที่ประดิษฐาน พระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธาตุช่อแฮนี้ ได้มาจากชื่อผ้าแพรชั้นดี ซึ่งทอมาจากสิบสองปันนา ชาวบ้านนำมาผูกบูชาพระธาตุทุกปีจะมีงานนมัสการ พระธาตุในวันขึ้น11ค่ำ-15 ค่ำ เดือน 4 (ประมาณเดือนมีนาคม) ของทุกปี
5. วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร
วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูนห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 150 เมตร มีถนนล้อมรอบสี่ด้าน คือ ถนนอัฏฐารสทางทิศเหนือ ถนนชัยมงคลทางทิศใต้ถนนรอบเมืองทางทิศตะวันออก และถนนอินทยงยศทางทิศตะวันตก สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1651 ในรัชสมัยพระเจ้าอาทิตยราชต่อมาได้รับ การบูรณะ ต่อเติมมาเป็นลำดับภายในบริเวณวัดพระธาตุหริภุญชัยยังมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ ซุ้มประตู ก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณวัดต้องผ่านซุ้มประตูก่ออิฐถือปูน ประดับลวดลายวิจิตรพิสดารเป็นฝีมือโบราณสมัยศรีวิชัย ประกอบด้วยซุ้มยอดเป็นชั้นๆเบื้องหน้าซุ้มประตูมีสิงห์ใหญ่คู่หนึ่งยืนเป็นสง่าบนแท่นสูงประมาณ 1 ม. สิงห์คู่นี้ปั้นขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช เมื่อทรงถวายวังให้เป็นสังฆาราม เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปแล้วจะเห็นวิหารหลังใหญ่เรียกว่า"วิหารหลวง" เป็นวิหารหลังใหญ่มีพระระเบียงรอบด้านและมีมุขออกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เป็นวิหารที่สร้างขึ้นใหม่แทนวิหารหลังเก่าซึ่งถูกพายุพัดพังทลายไปเมื่อ พ.ศ.2466 วิหารหลวงใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศลและประกอบศาสนากิจทุกวันพระภายในวิหารประดิษฐานพระปฏิมาใหญ่ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง บนแท่นแก้วรวม 3 องค์และพระพุทธปฏิมาหล่อโลหะขนาดกลางสมัยเชียงแสนชั้นต้น และชั้นกลางอีกหลายองค์ พระบรมธาตุหริภุญชัยเป็นพระเกศบรมธาตุบรรจุในโกศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์ตั้งอยู่หลังวิหารหลวงเป็นเจดีย์แบบล้านนาไทยแท้ๆที่ลงตัวสวยงามประกอบด้วยฐานปัทม์แบบฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยมเจดีย์มีลักษณะใกล้เคียงกับ พระธาตุดอยสุเทพที่จังหวัดเชียงใหม่ สูง 25 วา 2 ศอก ฐานกว้าง6. พระธาตุพนม
พระธาตุพนม ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารในเขตอำเภอธาตุพนม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 50 กม.(ทางหลวงหมายเลข 212) ผลจากการขุดค้น ทางโบราณคดีลงความเห็นว่าพระธาตุพนมสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ.1200-1400 ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ลักษณะของ สถาปัตยกรรมมีแหล่งที่มาที่เดียวกันกับปราสาทของขอม และได้ทำการบูรณะเรื่อยมา ในปี พ.ศ.2485 ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ขึ้นเป็น"วรมหาวิหาร"ต่อมาในวันที่11สิงหาคม 2518 เวลา 19.38 น.พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพนมและประจวบ กับระหว่างนั้นฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวัน ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2522 นอกจากพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในองค์พระธาตุแล้ว ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้นโดยเฉพาะฉัตรทองคำ บนยอดพระธาตุ มีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม ปัจจุบันองค์พระธาตุสูง 53.60 เมตร เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูงแลดูสง่างาม งานนมัสการองค์พระธาตุเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 12 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี
7. พระปฐมเจดีย์
พระปฐมเจดีย์ มีมาแต่เมื่อครั้งพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย ทรงส่งสมณทูตเดินทางมาเผยแพร่ พระพุทธศาสนายังดินแดนสุวรรณภูมิ และเมื่อประมาณ พ.ศ. ๓๐๐ ก็ได้มีการสร้าง พระปฐมเจดีย์ขึ้นเป็นครั้งแรก และผ่านความเจริญเรื่อยมาหลายยุคหลายสมัย จนกลายเป็นเมืองร้างในที่สุด เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 17 จนมาถึงในสมัยรัตน โกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดฯให้บูรณะพระปฐมเจดีย์ ซึ่งอยู่รกร้างกลางป่า ซึ่งไช้เวลาถึง 17 ปี มาเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว มื่อปี พ.ศ.2413วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นที่ประ-ดิษฐานองค์พระปฐมเจดีย์ที่ใหญ่และสูงที่สุดของไทย องค์พระปฐมเจดีย์เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่มากที่สุดมีความสูง 3 เส้น 1 คืบ 10 นิ้ว ฐานวัดโดยรอบได้ 5 เส้น 17 วา 3 ศอกต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6ได้ทรงบูรณะวัดพระปฐมเจดีย์ให้ สง่างามยิ่งขึ้น และถือว่าวัดพระปฐมเจดีย์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6
8. พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง มีเนื้อที่ 25 ไร่ 2 งานวัดพระมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชั้นวรมหาวิหาร เดิมชื่อวัดพระบรมธาตุ ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศจดทะเบียนวัดพระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ตามตำนานกล่าวว่าสร้างมามากกว่า 1,500 ปีมีศิลปะการก่อสร้างแบบศรีวิชัย ต่อมาปี พ.ศ.1093 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชได้ทำการก่อสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่เป็นทรงสาญจิ และในปี พ.ศ.1770 พระเจ้าจันทรภาณุกษัตริย์ แห่งนครศรีธรรมราช จึงได้รับเอาพระภิกษุจากลังกามาตั้งคณะสงฆ์ และบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ ให้เป็นไปตามแบบสถาปัตยกรรมลังกาอันเป็นแบบที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน คือ เป็นทรงระฆังคว่ำหรือโอคว่ำ มีปล้องไฉน 52 ปล้อง สูงจากฐานถึงยอด 37 วา ยอดสุดของปล้องไฉนหุ้มทองคำเหลืองอร่าม สูง 6 วา 1 ศอก แผ่เป็นแผ่นหนาเท่าใบลานหุ้มไว้ น้ำหนัก 800 ชั่ง(หรือ 960 กิโลกรัม) ภายในวัดพระมหาธาตุฯ มีโบราณวัตถุมากมายเก็บรักษาอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระวิหารหลวง ซึ่งเป็นศิลปะสมัยอยุธยา วิหารพระมหา ภิเนษกรม (พระทรงม้า)ทางขึ้นไปบนฐานองค์เจดีย์ วิหารทับเกษตรวิหารเขียนและวิหารโพธิ์ลังกา ซึ่งเป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศ ในปีงบประมาณ 2530 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการจัดทำโครงการพัฒนาสภาพกายภาพ วัดมหาธาตุวรวิหารขึ้น คือ ก่อสร้างรั้วพร้อมบ่อต้นไม้ด้านทิศเหนือ และ ทิศใต้ ห้องสุขา ขนาด 8 ที่ 1 หลัง และแผ่นป้ายแสดงประวัติและผังบริเวณวัด9. พระบรมธาตุไชยา
วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ตั้งอยู่ในเขตตำบลเวียง อำเภอไชยาห่างจากที่ตั้งอำเภอไชยา 1 กม. องค์พระเจดีย์เป็นโบราณสถานที่สร้างขึ้นตามแบบลัทธิมหายานตั้งแต่ครั้ง
อาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรือง รอบองค์พระธาตุมีเจดีย์เล็กๆ 4 ทิศ ล้อมรอบด้วยวิหารคดซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ขนาดต่างๆ โดยรอบทั้ง 4 ด้าน พระธาตุไชยานับเป็น
ปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
10. พระธาตุเรณู จังหวัดนครพนม
11. พระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร
12. พระธาตุวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี