สำนักงาน ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง
ประวัติ , ผังการจัด
ทำไม? จึงเข้มงวดเรื่องทำบัตรผ่าน
การขอบัตรผ่านเข้า-ออก เขต ทอ.
การขับขี่ยานพาหนะในเขต ทอ.
กำหนดการปิด-เปิด ช่องทาง ทอ.
การขอใบอนุญาตประเภทบุคคล
การใช้ยานพาหนะในเขต บก.ทอ.
กฎ ระเบียบ แบบธรรมเนียมทหาร
ส.ค.ส. 2541 พระราชทานสู่ชาวไทย
กองทัพอากาศของท่าน
Royal Thai Air Force Day
งบประมาณ กองทัพไทย ปี 41
นโยบาย ทอ. ปีงบประมาณ 41
ข่าวสารในกิจการของทหารไทย
มาร์ชสี่เหล่า และเพลงปลุกใจ
การตรวจเยี่ยมสายวิทยาการ สห.
โครงการ สขว.ทอ.

โทรศัพท์ฉุกเฉิน ทอ.
แจ้งเหตุด่วน, เหตุร้าย 191
เพลิงไหม้ 192
รถพยาบาลฉุกเฉิน 194
อากาศยานอุบัติเหตุ 196
พัน.สห.ทอ. 2-2197 - 9
ศูนย์รวมข่าวดับเพลิง 2-2126,7
ศูนย์รับแจ้งเหตุ ทอ.ทุ่งสีกัน 3-0065
สถานีดับเพลิงย่อยทุ่งสีกัน 2-2129, 3-0083
ศูนย์โทรศัพท์กลาง ทอ. 523-6151, 523-6161



 Supreme Command Headqurters, Royal Thai Armed Forces"



กรมธนารักษ์
|
พระราชบัญญัติ
ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๕๒๒ ---------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ปร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒ เป็นปีที่ ๓๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๕๒๒"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
- (๑) พระราชบัญญัติป้องกันภัยทางอากาศ พุทธศักราช ๒๔๘๒
- (๒) พระราชบัญญัติป้องกันภัยทางอากาศ (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๔๘๗
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
"การป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน" หมายความว่า การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
ในการป้องกันและบรรเทาอันตรายหรือความเสียหายอันเนื่องจากสาธารณภัยภัยทางอากาศหรือการก่อ
วินาศกรรม ไม่ว่าการดำเนินการนั้นจะได้กระทำก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัยหรือภายหลังที่ภัยได้ผ่าพ้นไปแล้ว
และหมายความรวมถึงการอพยพประชาชนและส่วนราชการเพื่อการนั้น
"สาธารณภัย" หมายความว่า อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีมาเป็นสาธารณะ
ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติหรือมีผู้ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตของประชาชนหรือความเสียหาย
แก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐ
"ภัยทางอากาศ" หมายความว่า ภัยอันเกิดจากการโจมตีทางอากาศ
"การก่อวินาศกรรม" หมายความว่า การกระทำใด ๆ อันเป็นการมุ่งทำลายทรัพย์สินของประชาชน
หรือของรัฐ หรือสิ่งอันเป็นสาธารณูปโภค หรือการรบกวนขัดขวาง หน่วงเหนียวระบบการปฏิบัติงานใด ๆ
ตลอดจนการประทุษร้ายต่อบุคคล อันเป็นการก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมือง การเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ โดยมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ
"หน่วยอาสาสมัคร" หมายความว่า หน่วยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
"เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน" หมายความว่า ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและบุคคล
ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
"พนักงานป้องกันภัย" หมายความว่า บุคคลซึ่งผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแต่งตั้งให้มีอำนาจ หน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจ
แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ออกกฎกระทรวง กำหนด
ข้อบังคับและระเบียบเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
กระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑ คณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ
มาตรา ๖ ให้มีคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
มหาดไทย เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวง
กลาโหมหรือผู้แทน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้แทน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทน
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณหรือผู้แทน เลขาธิการสภาความมั่นคงหรือผู้แทน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
หรือผู้แทน อธิบดีกรมตำรวจหรือผู้แทน อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์หรือผู้แทน อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา
หรือผู้แทน ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกิน ๕ คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ และอธิบดีกรมการปกครองเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๗ ให้คณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
- (๑) กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๒) วางแผนหลักในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๓) กำหนดวิธีการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลตามแผนการป้องกันภัย
ฝ่ายพลเรือน รวมทั้งการฝึกซ้อมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๔) วางระเบียบเกี่ยวกับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๕) พิจารณาและกำหนดกิจการอื่น เกี่ยวกับการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๘ แผนหลักในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจะต้องมีกิจการดังต่อไปนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง แล้วแต่กรณีและความจำเป็น
- (๑) การประชาสัมพันธ์
- (๒) การจัดหากำลังคน
- (๓) การจัดระบบสัญญาณภัย
- (๔) การจัดที่หลบภัย
- (๕) การจัดพื้นที่รับการอพยพ
- (๖) การพรางและการควบคุมแสงไฟ
- (๗) การรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยและการจราจร
- (๘) การป้องกันและทำลายล้างยุทธภัณฑ์ วัตถุระเบิด สารเคมี ชีวะและรังสีที่เป็นอันตราย
- (๙) การช่วยผู้ประสบภัยและการจัดการกับผู้เสียชีวิต
- (๑๐) การขนย้ายผู้ประสบภัย
- (๑๑) การรักษาพยาบาลและการอนามัย
- (๑๒) การสงเคราะห์ผู้ประสบภัย
- (๑๓) การโยธา
- (๑๔) การสาธารณูปการ
- (๑๕) การติดต่อสื่อสาร การควบคุมการใช้คลื่นวิทยุ และการส่งวิทยุกระจายเสียง
- (๑๖) กิจการอื่นที่จำเป็น
มาตรา ๙ ให้กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
ในกรณีที่กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรี
แต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับตำแหน่ง
ให้ดำรงตำแหน่งแทน หรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งแต่งตั้ง ไว้แล้ว
กรรมการซึ่งพ้นตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีก
มาตรา ๑๐ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๙
กรรมการพ้นตำแหน่งเมื่อ
- (๑) ตาย
- (๒) ลาออก
- (๓) เป็นบุคคลล้มละลาย
- (๔) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
- (๕) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด หรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วย
กฎหมายให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
มาตรา ๑๑ ในการประชุมของคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ ถ้าประธานกรรมการ
ไม่มาประชุม หรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการ
และรองประธานกรรมการไม่มาประชุม หรือไม่อยู่ในที่ประชุมให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็น ประธานในที่ประชุม
มาตรา ๑๒ การประชุมคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ ต้องมีกรรมการมาประชุม
ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
มาตรา ๑๓ การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงในการลง
คะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๑๔ คณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ อาจตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการ
อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่จะมอบหมายก็ได้
การประชุมคณะอนุกรรมการให้นำมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๑๕ คณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ หรือคณะอนุกรรมการ มีอำนาจออกคำสั่ง
เรียกบุคคลใด ๆ มาสอบถามหรือให้ชี้แจ้งข้อเท็จจริงในกิจการใด ๆ หรือให้ส่งเอกสาร หรือวัสดุเพื่อประโยชน์
แก่การป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
หมวด ๒ สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๑๖ ให้อธิบดีกรรมการปกครองเป็นเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนโดยตำแหน่งและให้
กรมการปกครองทำหน้าที่สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๑๗ ให้สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
- (๑) ทำหน้าที่เป็นกองอำนวยการของผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร
- (๒) ดำเนินงานธุรการของคณะกรรมการป้องกับภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ
- (๓) ศึกษา ค้นคว้า และวิจัยทางด้านวิชาการ ตลอดเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกับภับ
ฝ่ายพลเรือน
- (๔) จัดทำแผนหลักในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและพิจารณาทบทวน หรือปรับปรุงแผน
ดังกล่าวอย่างน้อยทุกสามปี เสนอคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ
- (๕) จัดให้มีการฝึกอบรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๖) ประสานงาน ติดตามผล และประเมินผล ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติงานตาม
แผนการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๗) ปฏิบัติการอื่นตามที่คณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติมอบหมาย
หมวด ๓ ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๑๘ ให้รัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร มีอำนาจหน้าที่
ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนทั่วราชอาณาจักร จัดตั้งหน่วยปฏิบัติงานเพื่อดำเนินการป้องกันภัยและ
บังคับบัญชาผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและพนักงานป้องกันภัย ทั่วราชอาณาจักร
ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นรองผู้อำนวนการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร มี
อำนาจหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรมอบหมาย และในกรณีที่
ผู้อำนวนการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรไม่อยู่หรือไฝาสามารถปฏิบัติราชการได้ให้
รองผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรปฏิบัติราชการแทน
มาตรา ๑๙ ให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร มีอำนาจประกาศกำหนด
ท้องที่ขึ้นเป็นภาคตามความจำเป็นในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและแต่งตั้งผู้อำนวยการป้องกันภัย ฝ่ายพลเรือนภาค
ให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนภาค มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ตามที่
ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรมอบหมาย แต่งตั้งพนักงานป้องกันภัยจัดตั้ง
กองอำนวยการเพื่อดำเนินการป้องกันฝ่ายพลเรือน และบังคับบัญชาผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และพนักงานป้องกันภัยในเขตภาค
มาตรา ๒๐ ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกรุงเทพ
มหานคร มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน แต่งตั้งพนักงานป้องกันภัย จัดตั้งหน่วยปฏิบัติงาน
เพื่อดำเนินการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และบังคับบัญชาพนักงานป้องกันภัยในเขตกรุงเทพมหานคร
มาตรา ๒๑ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการป้องกันฝ่ายพลเรือนจังหวัด มีอำนาจหน้าที่
ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตจังหวัด แต่งตั้งพนักงานป้องกันภัย จัดตั้งหน่วยปฏิบัติงาน
เพื่อดำเนินการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และบังคับบัญชาผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและ
พนักงานป้องกันภัยในเขตจังหวัด
มาตรา ๒๒ ให้นายอำเภอเป็นผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอ มีอำนาจหน้าที่ในการ
ป้องกันภัยพลเรือนในเขตอำเภอเฉพาะนอกเขตเทศบาล แต่งตั้งพนักงานป้องกันภัยบังคับบัญชา
พนักงานป้องกันภัยในเขตอำเภอเฉพาะนอกเขตเทศบาลกับหน้าที่สนับสนุนผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่าย
พลเรือนจังหวัดในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและควบคุมดูแลการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตเทศบาล ตำบลด้วย
มาตรา ๒๓ ให้นายกเทศมนตรีเป็นผู้อำนวยการป้องกันฝ่ายพลเรือนเทศบาล มีอำนาจหน้าที่ในการ
ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตเทศบาล แต่งตั้งพนักงานป้องกันภัย บังคับบัญชาพนักงานป้องกันภัยในเขต
เทศบาล กับมีหน้าที่สนับสนุนผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัดในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
แต่สำหรับเทศบาลตำบลให้นายกเทศมนตรีมีหน้าที่สนับสนุนผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนอำเภอ ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนด้วย
มาตรา ๒๔ ให้ปลัดเมืองพัทยาเป็นผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเมืองพัทยา มีอำนาจหน้าที่
ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตเมืองพัทยา แต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันภัย บังคับบัญชาพนักงาน
ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตเมืองพัทยา กับมีหน้าที่สนับสนุนผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัด
ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนด้วย
มาตรา ๒๕ ผู้อำนวยการป้องกันฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรอาจแต่งตั้งผู้อำนวยการป้องกันภัย
ฝ่ายพลเรือนขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะภัยทางอากาศหรือการก่อวินาศกรรมในท้องที่ใดก็ได้
ให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่ได้รับแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการ
ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรมอบหมาย
หมวด ๔ หน่วยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๒๖ ให้จัดตั้งหน่วยอาสาสมัครขึ้นทุกเขตในกรุงเทพมหานครและทุกอำเภอทั่วราชอาณาจักร
เพื่อช่วยเหลือในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๒๗ การรับสมัคร คุณสมบัติ การพ้นจากสมาชิกภาพ เครื่องแต่งกาย เครื่องหมายบัตรประจำตัว
สิทธิและวินัยของสมาชิกหน่วยอาสาสมัคร การปกครอง การบังคับบัญชา การจัดหน่วยอาสาสมัคร การฝึก
อบรมและหลักสูตรให้เป็นไปตามข้อบังคับและระเบียบกระทรวงมหาดไทย
มาตรา ๒๘ สมาชิกหน่วยอาสาสมัครมีหน้าที่
- (๑) ปฏิบัติการตามคำสั่งของผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และผู้ที่ผู้อำนวยการ
ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนมอบหมายในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๒) ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่าย
พลเรือน
หมวด ๕ การป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
ตอนที่ ๑ การเตรียมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๒๙ ให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ วางแผนเฉพาะในการ
ป้องกันภัยฝ่านพลเรือนขึ้นและพิจารณาทบทวนหรือปรับปรุงแผนดังกล่าวทุกปีให้สอดคล้องกับแผนที่
คณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่คณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติได้ไว้วางใจตาม
มาตตรา ๗ (๒) และเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว ให้ถือปฏิบัติได้
แผนเฉพาะหรือปรับปรุงใหม่ตามวรรคหนึ่งสำหรับแผนของกรุงเทพมหารนครและจังหวัดให้เสนอ
รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร ส่วนแผนของ อำเภอ
เทศบาล และเมื่องพัธยาให้เสนอรับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัด
มาตรา ๓๐ ในการเตรียมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขต
ท้องที่ที่รับผิดชอบมีอำนาจหน้าที่ต่อไปนี้
- (๑) สำรวจสภานที่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ และยานพาหนะของทาง
ราชการฝ่ายพลเรือน หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เพื่อใช้ในการป้องกันภัยฝ่าย พลเรือนได้ตามความจำเป็น
- (๒) จัดให้มีวัสดุ อุปกรณษ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ และที่หลบภัย สาธารณะ ในการ
ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนได้ตามความจำเป็น
- (๓)จัดให้มีการอบรมและดำเนินการฝึกซ้อมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
- (๔)เตรียมการอื่นตามความจำเป็น
มาตรา ๓๑ ใก้กระทรวง ทบวง กรม ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่
ปฏิบัติในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ตอนที่ ๒ การป้องกันและบรรเทาภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๓๒ ในกรณีที่สาธารณภัย ภัยทางอากาศ หรือการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้นหรือใกล้จะเกิดขึ้น ให้
ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ หรือเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่ได้
รับมอบหมายมีอำนาจหน้าที่ตามความจำเป็นดังต่อไปนี้
- (๑) สั่งข้าราชการฝ่ายพลเรือน สมาชิกหน่วยอาสาสมัครและบุคคลใด ๆ ในเขตท้องที่
ที่ให้ปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งในการป้องกันและบรรเทาอันตรายหรือความเสียหายทั้งนี้
นอกจากบุคคลที่รัฐมนตรีประกาศยกเว้น
- (๒) สั่งใช้สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ของทางราชการ ฝ่ายพลเรือน
หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่อยู่ในเขตท้องที่นั้น
- (๓) สั่งใช้ยนพาหนะของทางราชการฝ่ายพลเรือน หน่วยงานของรัฐรัฐวิสาหกิจ และเอกชน
ที่อยู่หรือเข้าไปในเขตท้องที่นั้น
- (๔) สั่งใช้เครื่องมือสื่อสารทุกระบบที่อยู่ในเขตท้องที่นั้น
- (๕) สั่งหรือจัดทำการพลางอาคารสถานที่ ตลอดจนการพรางและการควบคุมแสงไฟ
- (๖) สั่งห้ามเข้าบริเวณหรือสถานที่ที่กำหนด
- (๗) อำนวยการและควบคุมการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยให้เป็นระเบียบโดยทั่วถึงและรวดเร็ว
มาตรา ๓๓ ในกรณีฉุกเฉินเมื่อมีสาธารณภัย ภัยทางอากาศ หรือการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้นและยังไม่มี
การป้องกันหรือระงับให้ทันท่วงที ให้พนักงานป้องกันภัยมีอำนาจเข้าจัดการใด ๆ และสั่งให้บุคคลใด ๆ
เข้าช่วยเหลือเท่าที่จำเป็น เพื่อขจัดภัยเช่นว่านั้นไปพลางก่อนได้
มาตรา ๓๔ ในกรณีที่สาธารณภัย ภัยทางอากาศ หรือการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้นหรืออันตรายจากภัย
ดังกล่าวใกล้มาถึง และผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบเห็นว่าสภาพขอ
งบสิ่งก่อสร้าง วัสดุหรือทรัพย์สินใดอาจเป็นอุปสรรคต่อการบำบัดปัดป้องภยันตราย หรือจะได้รับ
ความเสียหาย ให้มีอำนาจดังต่อไปนี้
- (๑) ดัดแปลงหรือทำลายสิ่งก่อสร้าง วัสดุหรือทรัพย์สิน
- (๒) เคลื่อนย้ายวัสดุหรือทรัพย์สิน
ทั้งนี้ ให้กระทำได้เฉพาะเท่าที่จำเป็นแก่การบำบัดปัดป้องภยันตรายนั้น
มาตรา ๓๕ ในกรณีที่สาธารภัย ภัยทางอากาศ หรือการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้น ให้ผู้อำนวยการ
ป้องกันภัยทางอากาศฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่ติดต่อกับเขตท้องที่ที่เกิดภัยมีหน้าที่สนับสนุนใน
การป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และในการนี้ให้มีอำนาจสั่งการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๒ ในเขตท้องที่
ที่รับผิดชอบของตนเพื่อสนับสนุนในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
มาตรา ๓๖ ให้ผู้อำนวยการฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบสำรวจความเสียหายจากภัย
ที่เกิดขึ้นและทำบัญชีรายชื่อผู้ประสบภัยไว้เป็นหลักฐานเพื่อประโยชน์ในการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย
และเมื่อผู้ประสบภัยร้องขอหลักฐานเพื่อรับการสงเคราะห์หรือบริการอื่นใดให้ผู้อำนวยการป้องกันภัย
ฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบออกหนังสือรับรองให้ตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด
มาตรา ๓๗ การปฏิบัติตามหน้าที่ป้องกันและบรรเทาภัยทางอากาศ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ใดที่จะ
เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนใด ๆ
มาตรา ๓๘ การจำหน่ายเคมีภัณฑ์หรือเครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาภัยทางอากาศ
แก่ประชาชนเฉพาะสิ่งที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาต้องได้รับอนุญาตจากพนักงาน
เจ้าหน้าที่ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเพื่อการนี้ และให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดใน กฏกระทรวง
ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่กรณีที่ทางราชการจัดจำหน่าย
มาตรา ๓๙ เพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภัยทางอากาศ หรือการก่อวินาศกรรมที่จะเกิด
แก่รัฐหรือประชาชน ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร มีอำนาจสั่งการปฏิบัติ
การอพยพประชาชนและส่วนราชการออกจากพื้นที่อันตราย หรือพื้นที่ที่จะกีดขวางต่อการปฏัติการ
ทางทหารเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หรือพื้นที่การอพยพ
มาตรา ๔๐ เมื่อผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร พิจารณาเห็นว่าพื้นที่ใด
จะเป็นพื้นที่อันตรายหรือไม่เหมาะสมในการเข้าอยู่อาศัย จะประกาศจำกัดพื้นที่มิให้ประชาชนเข้าอยู่
อาศัยในพื้นที่นั้น จนกว่าอันตรายหรือความไม่เหมาะสมนั้นจะผ่านพ้นไปแล้วก็ได้
มาตรา ๔๑ ในกรณ๊ฉุกเฉินและจำเป็นอย่างยิ่ง หากจะรอให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
แห่งราชอาณาจักรสั่งปฏิบัติการอพยพตาม มาตรา ๓๙ หรือ ประกาศจำกัดพื้นที่ตามมาตรา ๔๐ จะไม่
ทันต่อเหตุการณ์ ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบสั่งปฏิบัติตามมาตรา ๓๙ หรือ
มาตรา ๔๐ ได้ แล้วรายงานให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรทราบโดยไม่ชักช้า
มาตรา ๔๒ ในการป้องกันและระงับอัคคีภัย ให้นำกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย
มาใช้บังคับ เว้นแต่ที่มิได้บัญญัติไว้ในกฏหมายนั้น ให้นำพระราชบัญญัตินี้มาใช้
หมวด ๖ เบ็ดเตล็ด
มาตรา ๔๓ ให้เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและพนักงานป้องกันภัย ซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่
ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฏหมายอาญา
มาตรา ๔๔ บุคคลซึ่งปฏับติหน้าที่ หรือได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการหรือช่วยเหลือในการป้องกันภัย
ฝ่ายพลเรือน ให้ได้รับการสงเคราะห์ตามกฏหมายว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือ ราชการ การปฏัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม
มาตรา ๔๕ ในกรณีที่ลูกจ้างต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งมาตรา ๓๒ (๑) มาตรา ๓๓ หรือมาตรา ๓๕
ถ้ามีกำหนดระยะเวลาไม่เกินปีละสามสิบวัน ห้ามมิให้นายจ้างงดจ่ายค่าจ้างลดค่าจ้าง ลงโทษ หรือขัดขวาง
การทำงานในหน้าที่ของลูกจ้าง และไม่ถือว่าการที่ลูกจ้างต้องปฏับัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นการขาดงาน
มาตรา ๔๖ ให้มีเครื่องหมายและหนังสือสำคัญประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
และพนักงานป้องกันภัยเพื่อแสดงตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และให้มี
เครื่องหมายสำหรับพื้นที่ปฏิบัติการ ที่ตั้งที่ทำงานหรือยานพาหนะ
เครื่องหมายและหน้งสือสำคัญตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฏกระทรวง
มาตรา ๔๗ ห้ามมิให้บุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนนำเอาความลับซึ่งตนได้มา
ในฐานะนั้นๆ ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเปิดเผยความลับนั้นแก่ผั้อื่นโดยไม่มีอำนาจโดยชอบ
ด้วยกฏหมายในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือแก่การประกอบอาชีพของผู้นั้น
มาตรา ๔๘ ความในมาตรา ๓๐ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๔๑ ไม่ให้ใช้บังคับแก่เจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของทางราชการทหาร
หมวด ๗ บทกำหนดโทษ
มาตรา ๔๙ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ
หรืออนุกรรมการตามมาตรา ๑๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๐ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามมาตรา ๓๒ (๑) หรือ(๖) หรือมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน
หนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๑ ผู้ใดมีหน้าที่ประจำในการใช้เครื่องมือสื่อสารฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตาม
มาตรา ๓๒ (๔) ต้องระวางโทษจำคุไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำและปรับ
มาตรา ๕๒ ผู้ใดขัดขวางมิให้ปฏิบัติการหรือดำเนินการตามคำสั่งตาม มาตรา ๓๒ (๑) (๒) (๓) (๔)
หรือ (๕) หรือขัดขวางมิให้ดำเนินการตาม มาตรา ๓๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๓ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๔ เมื่อมีคำสั่งอพยพประชาชนและส่วนราชการออกจากพื้นที่อันตราย มาตรา ๓๙ หรือ
เมื่อมีประกาศจำกัดพื้นที่ตามมาตรา ๔๐ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือประกาศดังกล่าว ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๕ เมื่อมีคำสั่งอพยพประชาชนและส่วนราชการออกจากพื้นที่ที่จะกีดขวางต่อการปฏิบัติ
การทางทหารมาตรา ๓๙ ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๖ ผู้ใดเปลื่ยนแปลง ยักย้าย หรือทำลายเครื่องหมายสำหรับเขตพื้นที่ปฏิบัติการที่ตั้ง
ที่ทำการ หรือยานพาหนะตามมาตรา ๔๖ หรือใช้เครื่องหมายนั้นแก่สถานที่ หรือยานพาหนะอื่นโดย
มิชอบด้วยกฏหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๗ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกิน
สองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๘ ผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือพนักงานป้องกันภัยฝ่าย
พลเรือน หรือประดับเครื่องหมายสำหรับเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือพนักงานป้องกันภัย
ฝ่ายพลเรือนโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือพนักงานป้องกันภัยและกระทำการ
นั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนหรือพนักงานป้องกันภัย ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๙ ผู้ใดอวดอ้างหรือนำเอาชื่อของหน่วยงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนไปใช้ในกิจการใด ๆ
เพื่อหาประโยชน์ให้แก่ตนหรือผู้อืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๖๐ เมื่อพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจัดทำแผนหลัก
ในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเสนอต่อคณะกรรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติ เพื่อพิจารณา
วางแผนหลักในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนโดยไม่ชักช้า
ในระหว่างที่ยังไม่มีแผนหลักในการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
ในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบวางแผนเฉพาะ และตั้งหน่วยปฏิบัติการขึ้นเพื่อดำเนินการป้องกันภัยฝ่าย พลเรือนเป็นการชั่วคราว
มาตรา ๖๑ ในระหว่างที่กระทรวงมหาดไทยยังมิได้ออกข้อบังคับหรือระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยหน่วยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนตามมาตรา ๒๗ ให้ใช้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย
ไทยอาสาป้องกันแห่งชาติที่ใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับบังคับแก่สมาชิกหน่วยอาสาสมัคร และหน่วยอาสาสมัครเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้
เหตุด่วน, เหตุร้าย แจ้ง ศูนย์ควบคุมและสั่งการ พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2117 - 9 ทอ. 2-2197 - 9
แจ้งเบาะแสแหล่งอบายมุข, ยาเสพติดให้โทษ, แหล่งการพนัน ผบ.พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2113 โทรสาร. 523-7596
E-mail:dmbc4@ksc.th.com
|
|
|