[ Map of Thailand ]
dp dmbc kk mp
"สวัสดีครับ มาหาใครครับ กรุณารอสักครู่ครับ เชิญครับ ขอบคุณครับ"
สำนักงาน
ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง

ประวัติ , ผังการจัด

ทำไม? จึงเข้มงวดเรื่องทำบัตรผ่าน
การขอบัตรผ่านเข้า-ออก เขต ทอ.
การขับขี่ยานพาหนะในเขต ทอ.
กำหนดการปิด-เปิด ช่องทาง ทอ.
การขอใบอนุญาตประเภทบุคคล
การใช้ยานพาหนะในเขต บก.ทอ.
กฎ ระเบียบ แบบธรรมเนียมทหาร
ส.ค.ส. 2541 พระราชทานสู่ชาวไทย
กองทัพอากาศของท่าน
Royal Thai Air Force Day
งบประมาณ กองทัพไทย ปี 41
นโยบาย ทอ. ปีงบประมาณ 41
ข่าวสารในกิจการของทหารไทย
มาร์ชสี่เหล่า และเพลงปลุกใจ
การตรวจเยี่ยมสายวิทยาการ สห.
โครงการ สขว.ทอ.

โทรศัพท์ฉุกเฉิน ทอ.
แจ้งเหตุด่วน, เหตุร้าย 191
เพลิงไหม้ 192
รถพยาบาลฉุกเฉิน 194
อากาศยานอุบัติเหตุ 196
พัน.สห.ทอ. 2-2197 - 9
ศูนย์รวมข่าวดับเพลิง 2-2126,7
ศูนย์รับแจ้งเหตุ ทอ.ทุ่งสีกัน 3-0065
สถานีดับเพลิงย่อยทุ่งสีกัน 2-2129, 3-0083
ศูนย์โทรศัพท์กลาง ทอ. 523-6151, 523-6161


Supreme Command Headqurters
,
Royal Thai Armed Forces"

กรมธนารักษ์


พระราชบัญญัติ
ป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕
ภูมิพลอดุลยเดช ปร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๕
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า " พระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ใช้พระราชบัญญัติในเขตเทศบาลทุกแห่ง และเมื่อเห็นสมควร จะให้ใช้ในเขตท้องที่อื่นใด เมื่อใด ให้ประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา
ความในมาตรา ๓ เดิมนี้ถูกยกเลิก และใช้ความใหม่แทนแล้วโดยมาตรา ๓ แห่ง พ.ร.บ.ฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติจัดการดับเพลิงไหม้ ร.ศ.๑๑๗
มาตรา ๕ พระราชบัญญัตินี้
"รัฐมนตรี" หมายความว่ารัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
"เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น" ในท้องถิ่นที่ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลแล้ว หมายความว่า นายกเทศมนตรี หรือ
เทศมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมาย เว้นแต่ในท้องถิ่น
ซึ่งมีความจำเป็น รัฐมนตรีจะแต่งตั้งบุคคลที่เห็นสมควรให้เป็น "เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น" ตามความจำเป็นนั้น
ก็ได้ ทั้งนี้ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
"เจ้าพนักงานดับเพลิง" หมายความว่า บุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแต่งตั้งให้มีอำนาจหน้าที่ดับเพลิง
ตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
ความในมาตรา ๕ เดิมนี้ถูกยกเลิก และใช้ความใหม่แทนแล้วโดยมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ.ฯ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๔๙๙
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้ และให้มี
อำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อกิจการ ดังต่อไปนี้
    (๑) กำหนดเงื่อนไขในการใช้ การเก็บรักษา หรือการมีไว้ซึ่งสิ่งที่อาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย
    (๒) กำหนดให้ผู้ที่ประกอบกิจการอันอาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย มีไว้ซึ่งสิ่งที่จำเป็นในการ
    ป้องกัน หรือระงับอัคคีภัยตามสมควรแก่สภาพ แห่งอาคารหรือกิจการนั้น
    (๓) กำหนดลักษณะของอาณัติสัญญาณ หรือเครื่องหมายเกี่ยวกับการป้องกัน หรือระงับ
    อัคคีภัย
    (๔) กำหนดเครื่องแบบหรือเครื่องหมายประจำตัวเจ้าหน้าที่ในการป้องกัน หรือระงับ
    อัคคีภัย
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา ๗ ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจและหน้าที่ในการป้องกัน และระงับอัคคีภัยและจัดให้มีไว้ซึ่ง
    (๑) เครื่องดับเพลิงและอุปกรณ์ วัตถุเคมีสำหรับดับเพลิง หรือเครื่องมือเครื่องใช้
    อย่างอื่นสำหรับดับเพลิง ตามความจำเป็นแห่งท้องถิ่น
    (๒) สถานที่สำหรับเก็บรักษาสิ่งของต่าง ๆ ดังกล่าวในข้อ ๑ โดยแยกเป็นหน่วย ๆ
    ตามความจำเป็น เพื่อใช้ดับเพลิงได้ทันท่วงที

หมวด ๑
การป้องกันอัคคีภัย
มาตรา ๘ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้ง เทศมนตรี ปลัดเทศบาล พนักงานเทศบาล ตั้งแต่ชั้นตรี
ขึ้นไป ปลัดอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตั้งแต่ชั้นตรีขึ้นไป หรือ
นายตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรีขึ้นไปให้เป็นนายตรวจ
ความในมาตรา ๘ เดิมนี้ถูกยกเลิก และใช้ความใหม่แทนแล้วโดยมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.ฯ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙
มาตรา ๙ ให้นายตรวจมีหน้าที่
    (๑) ตรวจตราดูว่ามีสิ่งใดอยู่ในภาวะอันอาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย
    (๒) ตรวจตราดูบุคคลผู้มีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกัน อัคคีภัย ซึ่งบัญญัติไว้ในกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่น ว่าได้ปฏิบัติโดยถูกต้องหรือไม่
มาตรา ๑๐ ให้นายตรวจมีอำนาจ
    (๑) เข้าไปในอาคารในระหว่างอาทิตย์ขึ้นถึงอาทิตย์ตก เมื่อมีเหตุผลอันแสดงให้เห็นว่า
    มีสิ่งใดอยู่ในภาวะอันอาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย
    (๒) แนะนำเจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคาร ให้ขนย้าย ทำลาย เปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งซึ่ง
    อาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย หรือจัดให้มีขึ้นซึ่งสิ่งที่จำเป็นในการป้องกันหรือระงับอัคคีภัยตามที่
    ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๑ ให้การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ให้นายตรวจแสดงเครื่องหมายประจำตัว หรือ
บัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน และชี้แจงเหตุผลในการเข้าไปในอาคารหรือการแนะนำการปฏิบัติตามความ
ในมาตรา ๑๐
ความในมาตรา ๑๑ เดิมนี้ถูกยกเลิก และใช้ความใหม่แทนแล้วโดยมาตรา ๖ แห่ง พ.ร.บ.ฯ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙
มาตรา ๑๒ ให้นายตรวจรายงานผลต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทุกครั้ง เมื่อได้ปฏิบัติการตามมาตรา ๙
และมาตรา ๑๐
เมื่อนายตรวจได้แนะนำตามความในมาตรา ๑๐ (๒) แล้ว เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร
ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น ให้นายตรวจรายงานต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อพิจารณา
เมื่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ตรวจพบเหตุการณ์ด้วยตนเองก็ดี หรือเมื่อได้รับรายงานจากนายตรวจ
ตามความในวรรคก่อนก็ดี ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือกำหนดวันและเวลาอันสมควรให้
เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐ (๒)
ผู้ได้รับคำสั่งตามความในวรรคก่อน อาจอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต่อรัฐมนตรี โดย
ทำเป็นหนังสือยื่นต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นผู้ออกคำสั่งนั้น ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง
ในระหว่างอุทธรณ์คำสั่งนี้ ให้รอการปฏิบัติตามคำสั่งไว้ก่อน ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรีบรวบรวมหลักฐาน
และคำชี้แจงต่าง ๆ เสนอตามลำดับจนถึงรัฐมนตรี คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
มาตรา ๑๓ ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจ และหน้าที่เช่นเดียวกับนายตรวจตามความในมาตรา ๙
และมาตรา ๑๐
มาตรา ๑๔ เมื่อเห็นเป็นการสมควร รัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนไม่ต่ำกว่าชั้นตรี
หรือเทียบเท่าขึ้นไปให้เป็นนายตรวจพิเศษ
นายตรวจพิเศษ มีอำนาจ และหน้าที่แนะนำการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและมีอำนาจและหน้าที่
เช่นเดียวกับนายตรวจ ตามความในมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐

หมวด ๒
การระงับอัคคีภัย
มาตรา ๑๕ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้อำนวยการดับเพลิงประจำท้องถิ่น โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้อำนวยการดับเพลิง มีอำนาจหน้าที่อำนวยการดับเพลิง และซ้อมดับเพลิง และมีอำนาจบังคับบัญชา
เจ้าพนักงานดับเพลิงในขณะทำการดับเพลิง
มาตรา ๑๖ ในการดับเพลิงให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานดับเพลิง เจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าหน้าที่
ท้องถิ่น
มาตรา ๑๗ เจ้าของหรือผู้ครอบครอง หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษา ซึ่งอาศัยอยู่ใน
สถานที่ต้นเหตุเกิดอัคคีภัยมีหน้าที่ต้องทำการดับเพลิง และต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๖ ซึ่งอยู่
ใกล้เคียงทราบโดยด่วน
การแจ้งนั้น จะแจ้งด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้บุคคลอื่นไปแจ้งแทนก็ได้ แต่ถ้าไม่มีการแจ้ง
เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดตามมาตรานี้
มาตรา ๑๘ ผู้ใดพบเพลิงเริ่มไหม้ ให้ผู้นั้นแจ้งต่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองเพื่อทำการดับเพลิง
ถ้าไม่ปรากฏตัวเจ้าของหรือผู้ครอบครอง และเพลิงนั้นอยู่ในสภาพที่ตนสามารถทำการดับได้ ก็ให้ทำการ
ดับเพลิงนั้นทันที ถ้าเพลิงนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำการดับได้ ก็ให้รีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๖
ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้นั้นให้ทราบ
มาตรา ๑๙ ให้เจ้าพนักงานดับเพลิง เจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจใช้เครื่อง
ดับเพลิงและอุปกรณ์วัตถุเคมีสำหรับดับเพลิง หรือเครื่องมือเครื่องใช้อย่างอื่น สำหรับดับเพลิงของ
เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารที่เกิดเพลิงนั้นหรือของเจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารใกล้เคียงได้
เท่าที่จำเป็นเพื่อการดับเพลิงนั้น
มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการดับเพลิง ผู้อำนวยการดับเพลิงมีอำนาจหน้าที่จะสั่งให้เจ้าหน้าที่
ตามมาตรา ๑๖ กระทำการดังต่อไปนี้
    (๑) กำหนดสถานที่ชั่วคราวสำหรับรักษาทรัพย์สินของผู้ประสบอัคคีภัย
    (๒) จัดระเบียบการจราจรชั่วคราวในบริเวณที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการอัคคีภัย
    (๓) ปิดกั้นมิให้ผู้ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้
    (๔) จัดการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันเหตุโจรผู้ร้าย
    (๕) เข้าไปในอาคารที่เป็นต้นเพลิง และในที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้
    เพื่อทำการดับเพลิง ถ้าต้องเข้าไปในอาคารอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณเพลิงไหม้เพื่อทำการ
    ดับเพลิงต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารก่อน เว้นแต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง
    ซึ่งเป็นข้าราชการหรือพนักงานเทศบาลตั้งแต่ชั้นตรีขึ้นไป หรือมียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรี
    หรือเทียบเท่าขึ้นไป เป็นหัวหน้าควบคุมรับผิดชอบในการเข้าไปในอาคารนั้นอยู่ด้วย
    (๖) เข้าไปในอาคารหรือที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้เพื่อช่วยเหลือ
    ผู้ประสบอัคคีภัยหรือช่วยขนย้ายทรัพย์สินของผู้ที่จะประสบอัคคีภัยเมื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
    อาคารเจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้ประสบอัคคีภัยร้องขอ
    (๗) ใช้บ่อน้ำ สระน้ำ ท่อ ทางระบายน้ำ อันเป็นของเอกชนเพื่อให้ได้น้ำใช้ในการดับเพลิง
ความในมาตรา ๒๐ เดิมนี้ถูกยกเลิก และใช้ความใหม่แทนแล้วโดยมาตรา ๗ แห่ง พ.ร.บ.ฯ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙
มาตรา ๒๑ เพื่อประโยชน์ในการที่จะมิให้เพลิงลุกลามต่อไป ผู้อำนวยการดับเพลิง มีอำนาจสั่งให้
รื้อถอน ย้าย ทำลายทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน ซึ่งอาคารหรือสิ่งที่จะเป็นสื่อให้เพลิงลุกลามต่อไปได้ ตามที่จำเป็นอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
มาตรา ๒๒ เพื่อประโยชน์ในการซ้อมดับเพลิง ให้ผู้อำนวยการดับเพลิงมีอำนาจ และทำการ หรือ
สั่งให้เจ้าพนักงานดับเพลิง หรือเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง กระทำการตามที่สมควรและจำเป็น ดังต่อไปนี้
    (๑) กำหนดบริเวณและสถานที่สำหรับทำการซ้อมดับเพลิง
    (๒) จัดระเบียบการจราจรชั่วคราวในบริเวณที่จะเป็นประโยชน์แก่การซ้อมดับเพลิง
    (๓) ปิดกั้นมิให้ผู้ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่ซ้อมดับเพลิง

บทเบ็ดเตล็ด
มาตรา ๒๓ เมื่อเพลิงดับลงแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจัดการบรรเทาทุกข์หรือจัดสถานที่พักอาศัย
ชั่วคราว หรือจัดการรักษาความสงบเรียบร้อยตามที่รัฐมนตรีจะได้วางระเบียบไว้
มาตรา ๒๔ เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารที่จงใจทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยตนเอง หรือให้ผู้อื่น
กระทำ ซึ่งอาคารหรือทรัพย์สินที่ตนได้เอาประกันไว้ ต้องรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดับเพลิงเท่าที่จำเป็น
ให้แก่เทศบาลหรือจังหวัด แล้วแต่กรณี
ความในมาตรา ๒๔ เดิมนี้ถูกยกเลิก และใช้ความใหม่แทนแล้วโดยมาตรา ๘ แห่ง พ.ร.บ.ฯ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙
มาตรา ๒๕ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ลักษณะอาญา
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ หรือบุคคลที่ปฏิบัติการตามความในมาตรา ๑๘ ให้ได้
รับความคุ้มครองตามมาตรา ๔๕๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๒๖ บรรดาค่าปรับตามพระราชบัญญัตินี้ ในท้องถิ่นที่ได้ยกฐานะเป็นท้องถิ่นแล้วให้เป็น
รายได้ของเทศบาล ในท้องถิ่นที่ยังมิได้ยกฐานะเป็นเทศบาล ให้มอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอ
ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อบำรุงกิจการดับเพลิงท้องถิ่นนั้น
ความในมาตรา ๒๖ เดิมนี้ถูกยกเลิก และใช้ความใหม่แทนแล้วโดยมาตรา ๙ แห่ง พ.ร.บ.ฯ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙

หมวด ๔
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๒๗ ผู้ใดขัดขืนไม่ยอมให้นายตรวจเข้าไปในอาคาร ตามความในมาตรา ๑๐ (๑) มี
ความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท
มาตรา ๒๘ ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม
พระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามมาตรา ๑๒ มีความผิดต้อง
ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร้องขอ ศาลอาจสั่งให้ผู้กระทำผิดขนย้าย เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือทำลายสิ่งที่
อาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย ภายในระยะเวลาอันกำหนดให้ก็ได้ ถ้าผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะร้องขอให้ศาลอนุญาตให้กระทำการเหล่านั้นโดยให้ผู้กระทำผิดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก็ได้
มาตรา ๒๙ ผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๗ มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๐ ผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๐ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าสิบ
มาตรา ๓๑ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๒๐ (๓) หรือมาตรา ๒๒ (๓)
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา ๓๒ ผู้ใดไม่มีอำนาจที่จะทำได้ตามกฎหมาย แต่งเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายสำหรับ
เจ้าหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง อวดอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ก็ดี แกล้งแจ้งเหตุ
หรือแกล้งให้อาณัติสัญญาณหรือเครื่องหมายที่ใช้ในการป้องกันหรือระงับอัคคีภัยก็ดี มีความผิดต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายยกรัฐมนตรี
(๖๙ ร.จ.๙๙๕ ตอนที่ ๕๓ ลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๔๙๙)
พระราชบัญญัติ
ป้องกันและระงับอัคคีภัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๙
ภูมิพลอดุลยเดช ปร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙
เป็นปีที่ ๑๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และระงับอัคคีภัย
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๔๙๙"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.๒๔๙๕
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา ๓ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ในเขตเทศบาลและเขตสุขาภิบาลทุกแห่ง และเมื่อเห็นสมควร
ให้ใช้ในเขตท้องที่อื่นใด เมื่อใด ให้ประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕
และใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตินี้
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
"เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น" ในท้องถิ่นที่ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลแล้ว หมายความว่า นายกเทศมนตรี หรือ
เทศมนตรีซึ่งนายยกเทศมนตรีได้มอบหมาย ในท้องถิ่นที่ได้ยกฐานะเป็นสุขาภิบาลแล้ว หมายความว่า ประธานกรรมการสุขาภิบาลหรือกรรมการสุขาภิบาล ซึ่งประธานกรรมการสุขาภิบาลได้มอบหมาย
ส่วนในท้องถิ่นที่ยังมิได้ยกฐานะเป็นเทศบาล หรือสุขาภิบาล หมายความว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ
นายอำเภอ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมาย เว้นแต่ในท้องถิ่นซึ่งมีความจำเป็น รัฐมนตรีจะแต่งตั้งบุคคล
ที่เห็นสมควรให้เป็น "เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น" ตามความจำเป็นนั้นก็ได้ โดยให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
"เจ้าพนักงานดับเพลิง" หมายความว่า บุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแต่งตั้งให้มีอำนาจหน้าที่
ดับเพลิงตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕
และใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา ๘ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้ง เทศมนตรี กรรมการสุขาภิบาล ปลัดเทศบาล
ปลัดสุขาภิบาล พนักงานเทศบาลหรือพนักงานสุขาภิบาลแต่ชั้นตรีขึ้นไป ปลัดอำเภอ หัวหน้า
ส่วนราชการประจำอำเภอ ข้าราชการพลเรือนตั้งแต่ชั้นตรีขึ้นไป หรือนายตำรวจ ซึ่งมียศตั้งแต่
นายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป ให้เป็นนายตรวจ"
มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและ ระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา ๑๑ ในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ให้นายตรวจแสดงเครื่องหมายประจำตัว และชี้แจง
เหตุผลในการเข้าไปในอาคาร หรือการแนะนำการปฏิบัติตามความในมาตรา ๑๐"
มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการดับเพลิง ผู้อำนวยการดับเพลิงมีอำนาจหน้าที่จะสั่งให้เจ้าหน้าที่
ตามมาตรา ๑๖ กระทำการดังต่อไปนี้
    (๑) กำหนดสถานที่ชั่วคราวสำหรับรักษาทรัพย์สินของผู้ประสบอัคคีภัย
    (๒) จัดระเบียบการจราจรชั่วคราวในบริเวณที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ ใน การเกิดอัคคีภัย
    (๓) ปิดกั้นมิให้ผู้ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้
    (๔) จัดการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันเหตุโจรผู้ร้าย
    (๕) เข้าไปในอาคารที่เป็นต้นเพลิง และในที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้เพื่อ
    ทำการดับเพลิง ถ้าต้องเข้าไปในอาคารอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณเพลิงไหม้เพื่อทำการดับเพลิง
    ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารก่อน เว้นแต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งเป็น
    ข้าราชการหรือพนักงานเทศบาลตั้งแต่ชั้นตรีขึ้นไป หรือมียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรี หรือเทียบเท่า
    ขึ้นไป เป็นหัวหน้าควบคุมรับผิดชอบในการเข้าไปในอาคารนั้นอยู่ด้วย
    (๖) เข้าไปในอาคารหรือที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ
    อัคคีภัย หรือช่วยขนย้ายทรัพย์สินของผู้ที่จะประสบอัคคีภัยเมื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร
    เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้ประสบอัคคีภัยร้องขอ
    (๗) ใช้บ่อน้ำ สระน้ำ ท่อ ทางระบายน้ำ อันเป็นของเอกชนเพื่อให้ได้น้ำใช้ในการดับเพลิง
มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและ ระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕ และใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา ๒๔ เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารที่จงใจทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยตนเองหรือให้ผู้อื่น
กระทำซึ่งอาคารหรือทรัพย์สินที่ตนได้เอาประกันไว้ ต้องรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดับเพลิงเท่าที่
จำเป็นให้แก่เทศบาลหรือจังหวัด แล้วแต่กรณี"
มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๔๙๕
และใช้ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา ๒๖ บรรดาค่าปรับตามพระราชบัญญัตินี้ ในท้องถิ่นที่ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลหรือ
สุขาภิบาลแล้ว ให้เป็นรายได้ของเทศบาลหรือสุขาภิบาล แล้วแต่กรณี ในท้องถิ่นที่ยังมิได้ยกฐานะ
เป็นเทศบาลหรือสุขาภิบาล ให้มอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก
ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อบำรุงกิจการดับเพลิงท้องถิ่นนั้น

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายยกรัฐมนตรี
(๗๓ ร.จ.๑๖๖๑ ตอนที่ ๑๐๗ ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๙๙)

หมายเหตุ

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากสุขาภิบาลเป็น ท้องถิ่นที่มีความเจริญแล้ว มีชุมชนหนาแน่น ทั้งเป็นนิติบุคคล สามารถบริหารราชการในส่วน ท้องถิ่นของตนเองได้ จึงสมควรที่จะได้ดำเนินการในการป้องกันและระงับอัคคีภัยในเขต สุขาภิบาลเช่นเดียวกับเขตเทศบาล จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและระงับ อัคคีภัย พ.ศ.๒๔๙๕ ให้ใช้บังคับได้ในเขตสุขาภิบาล
พระราชกฤษฎีกา
มอบอำนาจของรัฐมนตรีในการแต่งตั้งนายตรวจพิเศษ และผู้อำนวยการ
ดับเพลิงประจำท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย
พ.ศ.๒๔๙๕ ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการ
จังหวัดทำการแทน พ.ศ. ๒๔๙๙
---------------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ปร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ มิถุนาน พ.ศ.๒๔๙๙
เป็นปีที่ ๑๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมอบอำนาจของรัฐมนตรี ในการแต่งตั้งนายตรวจ พิเศษและและผู้อำนวยการดับเพลิงประจำท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติป้องกันและ ระงับอัคคีภัย พ.ศ.๒๔๙๕ ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทำ การแทน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทยพุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ และมาตรา ๑๕ แห่ง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๙๕ ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๙ จึง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกามอบอำนาจของ รัฐมนตรีในการแต่งตั้งนายตรวจพิเศษและและผู้อำนวยการดับเพลิงประจำท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.๒๔๙๙ ให้ปลัดกระทรวงมหาด- ไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดทำการแทน พ.ศ.๒๔๙๙"
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราช กิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ อำนาจของรัฐมนตรีในการแต่งตั้งนายตรวจพิเศษและผู้อำนวย- การดับเพลิงประจำท้องถิ่น ตามมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.๒๔๙๕ นั้น สำหรับในเขตจังหวัดพระนครและ จังหวัดธนบุรี ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและสำหรับในเขตจังหวัดอื่น ให้ผู้ว่าราช การจังหวัด มีอำนาจทำการแทนในนามรัฐมนตรีได้ด้วย
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการ ตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายยกรัฐมนตรี
(๗๓ ร.จ.๘๐๐ ตอนที่ ๔๕ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๔๙๙)

หมายเหตุ

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐมนตรีในการแต่งตั้ง นายตรวจพิเศษและผู้อำนวยการดับเพลิงประจำ ท้องถิ่น และเพื่อส่งเสริมนโยบายการกระจายอำนาจบริหาร
เหตุด่วน, เหตุร้าย แง ศูนย์ควบคุมและสั่งการ พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2117 - 9 ทอ. 2-2197 - 9
แจ้งเบาะแสแหล่งอบายมุข, ยาเสพติดให้โทษ, แหล่งการพนัน ผบ.พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2113 โทรสาร. 523-7596
E-mail:dmbc4@ksc.th.com




LOCATION: [MY KING] [MY RTAF] [MY COUNTRY] [MY WEB]