[ Map of Thailand ]
dp dmbc kk mp
"สวัสดีครับ มาหาใครครับ กรุณารอสักครู่ครับ เชิญครับ ขอบคุณครับ"
สำนักงาน
ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง

ประวัติ , ผังการจัด

ทำไม? จึงเข้มงวดเรื่องทำบัตรผ่าน
การขอบัตรผ่านเข้า-ออก เขต ทอ.
การขับขี่ยานพาหนะในเขต ทอ.
กำหนดการปิด-เปิด ช่องทาง ทอ.
การขอใบอนุญาตประเภทบุคคล
การใช้ยานพาหนะในเขต บก.ทอ.
กฎ ระเบียบ แบบธรรมเนียม ทอ.
ส.ค.ส. 2541 พระราชทานสู่ชาวไทย
กองทัพอากาศของท่าน
Royal Thai Air Force Day
งบประมาณ กองทัพไทย ปี 41
นโยบาย ทอ. ปีงบประมาณ 41
ข่าวสารในกิจการของทหารไทย
มาร์ชสี่เหล่า และเพลงปลุกใจ
การตรวจเยี่ยมสายวิทยาการ สห.
โครงการ สขว.ทอ.

โทรศัพท์ฉุกเฉิน ทอ.
แจ้งเหตุด่วน, เหตุร้าย 191
เพลิงไหม้ 192
รถพยาบาลฉุกเฉิน 194
อากาศยานอุบัติเหตุ 196
พัน.สห.ทอ. 2-2197 - 9
ศูนย์รวมข่าวดับเพลิง 2-2126,7
ศูนย์รับแจ้งเหตุ ทอ.ทุ่งสีกัน 3-0065
สถานีดับเพลิงย่อยทุ่งสีกัน 2-2129, 3-0083
ศูนย์โทรศัพท์กลาง ทอ. 523-6151, 523-6161


Supreme Command Headqurters
,
Royal Thai Armed Forces"

กรมธนารักษ์




คำสั่งกระทรวงกลาโหม
ที่ 279/23761
เรื่อง ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย
-----------------------------
ด้วยทางราชการได้พิจารณาเห็นเป็นการสมควรที่จะได้มีระเบียบปฏิบัติและการประสานงานระหว่างทหาร พนักงานฝ่ายปกครอง และตำรวจ ในกรณีที่มีเรื่องผิดพ้องหมองใจเกิดขึ้นระหว่างทหาร พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ เพื่อเป็นทางป้องกันมิให้เกิดเหตุร้าย อันจะเป็น การบั่นทอนความสามัคคีในระหว่างกันขึ้น จึงได้ทำ
ความตกลงกับกระทรวงมหาดไทย กำหนดข้อปฏิบัติขึ้นไว้ตามที่ได้แนบไว้ท้ายคำสั่งนี้ ทั้งนี้ โดยได้รับความ
เห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
ฉะนั้น เพื่อบรรลุผลสมความมุ่งหมายของทางราชการ จึงให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติตามข้อตกลง
ที่กล่าวนี้โดยเคร่งครัด ตั้งแต่ 1 ส.ค.98 เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2498
(ลงชื่อ) จอมพล ป. พิบูลสงคราม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

คำสั่งกระทรวงกลาโหม
ที่ 210/07
เรื่อง ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย
--------------------------
ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 279/23761 ลง 26 พ.ย.98 ได้ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ปฏิบัติตามข้อตกลง
ระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การปฏิบัติและการประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหาร
เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.2498 และได้มีคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 19/16887
ลง 15 ก.ย.99 แก้ไขข้อตกลงดังกล่าวบางประการ นั้น
บัดนี้ กระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยได้ทำความตกลงแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเรื่องการปฏิบัติ
และประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.2498 เพื่อให้เหมาะสม
และสะดวกแก่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ยิ่งขึ้นแล้ว ฉะนั้น จึงให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่าง
กระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย แก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเรื่องการปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่
ทหารเป็นผู้เสียหายหรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.2498 (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2507 ท้ายคำสั่งนี้ต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ส.ค.07
สั่ง ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2507
    (ลงชื่อ) จอมพล ถ. กิตติขจร
    (ถนอม กิตติขจร)
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

คำสั่งกระทรวงกลาโหม
ที่ 100/13
เรื่อง ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย
---------------------------
เนื่องจากกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยได้ทำความตกลงแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเรื่องการปฏิบัติ
และประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.2498 บางประการ
เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ฉะนั้น จึงให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย แก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเรื่องการปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหา
ในความผิดอาญา พ.ศ.2498 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2512 ซึ่งแนบท้ายคำสั่งนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.13
สั่ง ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2513
    (ลงชื่อ) จอมพล ถ. กิตติขจร
    (ถนอม กิตติขจร)
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

( สำเนา )
คำสั่งกระทรวงกลาโหม
ที่ 1041/18
เรื่อง ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย
-------------------------------
เนื่องจากกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย ได้ทำความตกลงแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเรื่อง
การปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.2498
บางประการเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ฉะนั้น จึงให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย
แก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเรื่องการปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหา
ในความผิดอาญา พ.ศ.2498 (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2518 ซึ่งแนบท้ายคำสั่งนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 พ.ย.18
สั่ง ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2518
    (ลงชื่อ) พล.ต. ป. อดิเรกสาร
    ( ประมาณ อดิเรกสาร )
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย
หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา
พ.ศ.2498

---------------

ลักษณะ 1
การประสานงานระหว่างทหาร พนักงานฝ่ายปกครอง และตำรวจ

ข้อ 1. ให้ผู้บังคับบัญชาของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแต่ละแห่งที่อยู่ใกล้เขตที่ตั้งของทหาร
พยายามหาทางส่งเสริมสามัคคีกับทหาร ทางฝ่ายทหารก็ให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานที่
ดังกล่าวแล้วพยายามส่งเสริมสามัคคีกับพนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจเช่นเดียวกัน หากมีเรื่องผิดพ้องหมองใจกัน
ก็ให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละฝ่ายหาทางระงับและเรียกตัวมาชี้แจงเหตุผลให้เข้าใจดีซึ่งกันและกันแต่ต้นมือ อย่าให้
เรื่องลุกลามใหญ่โตขึ้นได้
เขตที่ตั้งของทหาร หมายความว่า อาคาร สถานที่ หรือบริเวณซึ่งมีหน่วยทหารตั้งอยู่
ข้อ 2. เมื่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้ทราบว่าทหารจะกระทำสิ่งใดอันเป็นการส่อไปในทาง
ไม่ชอบไม่ควรภายนอกเขตที่ตั้งของทหารก็ให้พิจารณาหากเห็นว่าเป็นการสมควรที่จะตักเตือนหรือแจ้งให้ฝ่าย
ทหารทราบเป็นการร่วมมือก็ให้ตักเตือนหรือแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทหารสารวัตรทหาร หรือหน่วยทหารที่อยู่ใกล้
ที่สุดทราบแล้วแต่กรณี ให้ฝ่ายทหารรีบติดต่อกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจัดการระงับมิให้เหตุการณ์
อันไม่สมควรนั้นเกิดขึ้น
ข้อ 3. สถานที่ใดมีทหารไปเที่ยวเตร่มาก เช่น โรงมหรสพ ตลาด สถานีรถไฟ ท่าเรือ ที่ชุมนุมชน งาน
นักขัตฤกษ์ประจำปี เป็นต้น ให้ฝ่ายทหารที่ตั้งอยู่โดยใกล้ชิดจัดส่งสารวัตรทหาร หรือหมู่ระงับเหตุไปร่วม
รักษาความสงบเรียบร้อยกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่ในเมื่อฝ่ายทหารเห็นสมควรหรือเมื่อ
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่ร้องขอแล้วแต่กรณี
ข้อ 4. กรณีที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่สืบทราบว่า ทหารสมคบกับราษฎรจะกระทำ
ความผิดอาญาก็ดี ราษฎรยุยงส่งเสริมให้ทหารเป็นเครื่องมือกระทำความผิดอาญาก็ดี หรือใช้อิทธิพลในทาง
อันมิชอบหรือพยายามจะก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนพลเมืองก็ดี ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือ
ตำรวจท้องที่แจ้งเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทหาร สารวัตรทหาร หรือหน่วยทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดทราบโดยด่วน ให้ฝ่าย
ทหารที่รับแจ้งเหตุร่วมมือกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่จัดการสอดส่องและตรวจตราพยายาม
ระงับอย่าให้มีเหตุเกิดขึ้นได้
ข้อ 5. กรณีที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่สืบทราบว่า ทหารยกพวกจะก่อเหตุวิวาทกับ
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจก็ดี จะก่อเหตุวิวาทกับราษฎรก็ดี จะก่อเหตุวิวาทในระหว่างทหารด้วยกัน
เองก็ดี ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่รีบแจ้งเหตุไปยังผู้บังคับบัญชาทหาร สารวัตรทหาร หรือ
ผู้บังคับหน่วยทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดทราบโดยด่วน ให้ฝ่ายทหารรีบส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไปช่วยระงับและจัดการ
ป้องกันโดยเร็วที่สุด โดยให้ติดต่อกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่ให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ อย่าให้เกิด
การเข้าใจผิดกันขึ้นได้ ห้ามการใช้อาวุธ เว้นแต่เมื่อมีความจำเป็นจริง ๆ
ในกรณีที่ทหารยกพวกจะก่อเหตุวิวาทกับราษฎรก็ดี หรือกับในระหว่างทหารด้วยกันเองก็ดี ถ้าฝ่ายทหาร
ยังไม่มา ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจท้องที่รีบดำเนินการไปก่อนได้โดยใช้กำลังตำรวจพอควรแก่กรณี
ที่เกิดขึ้น ถ้ามีสารวัตรทหารอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุก็ให้สารวัตรทหารร่วมมือกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
ดำเนินการป้องกันและจับกุมผู้กระทำผิดส่งพนักงานสอบสวนจัดการตามกฎหมายต่อไป
กรณีที่ทหารกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะวิวาทกันไม่ว่าจะเป็นจำนวนน้อยหรือมากก็ตาม
ให้รีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละฝ่ายทราบ และจัดการหาทางระงับเหตุโดยด่วน
ข้อ 6. เจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจและฝ่ายทหารที่จะออกระงับเหตุดังกล่าวข้างต้น ให้สวมเครื่องแบบ ส่วนอาวุธ
ที่จะนำไปด้วยหรือไม่นั้น ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา แต่ชั้นผู้บังคับกองร้อย หรือผู้บังคับกองตำรวจ หรือ
สารวัตรท้องที่ หัวหน้าสถานีตำรวจ หรือผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้น ๆ ขึ้นไปเป็นผู้สั่งการ หัวหน้าที่จะควบคุม
ไปนั้น ต้องเป็นนายทหาร นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือหัวหน้าสถานีตำรวจ แล้วแต่กรณี ห้ามมิให้ทหารหรือ
ตำรวจที่มิได้รับคำสั่งไปยังสถานีเกิดเหตุเป็นอันขาด

ลักษณะ 2
วิธีปฏิบัติร่วมกันเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย
หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา

หมวด 1
การจับกุมทหารกระทำผิดอาญา

ข้อ 7. ทหารที่มิได้สวมเครื่องแบบกระทำผิดอาญาทุกกรณี  ภายนอกเขตที่ตั้งของทหาร ให้พนักงานฝ่าย
ปกครองหรือตำรวจดำเนินการจับกุมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ให้ทำการจับกุม
โดยละม่อม
ส่วนนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการที่มิได้สวมเครื่องแบบกระทำผิดอาญาภายนอกเขตที่ตั้งของทหาร
ในการจับกุมให้ดำเนินการเช่นเดียวกับทหารที่สวมเครื่องแบบกระทำผิดอาญาภายนอกเขตที่ตั้งของทหารโดยอนุโลม
ข้อ 8. ทหารสวมเครื่องแบบกระทำผิดอาญาฐานลหุโทษหรือกระทำผิดต่อกฎหมายอื่นอันมีโทษปรับ
สถานเดียว ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชี้แจงให้ผู้กระทำผิดไปสถานีตำรวจโดยดี หากปรากฏว่าทหาร
ไม่ยอมไป ก็ให้จด ยศ, ชื่อ เครื่องหมายและสังกัดไปแจ้งให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการติดต่อกับผู้บังคับ
บัญชาทหารให้ส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนดำเนินการทางคดี แต่ถ้ามีสารวัตรทหารอยู่ในที่เกิดเหตุให้พนักงาน
ฝ่ายปกครองหรือตำรวจแจ้งให้สารวัตรทหารจับกุมไปส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
ข้อ 9. ทหารสวมเครื่องแบบเสพสุราเมาจนเสียกิริยาหรือแสดงกิริยาวาจาเกะกะหยาบคายต่อประชาชน
ภายนอกเขตที่ตั้งของทหาร ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทหาร สารวัตรทหาร หรือ
ผู้บังคับหน่วยทหารที่อยู่ใกล้ที่สุด ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจพิจารณาจัดการโดยสุภาพตามควรแก่กรณี
ข้อ 10. ทหารหนีราชการซึ่งทางฝ่ายทหารได้มีหนังสือขอร้องให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับกุม
ให้นั้น ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับตัวไว้เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่ผู้นั้นสังกัดอยู่ แต่ถ้าหากว่า
มีสารวัตรทหารอยู่ในที่นั้น ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแจ้งให้สารวัตรทหารเป็นผู้จับกุม และดำเนินการ
ตามระเบียบราชการทหารต่อไป
ข้อ 11. ทหารสวมเครื่องแบบกระทำผิดอาญานอกจากที่กล่าวมาในข้อ 8. ภายนอกเขตที่ตั้งของทหาร
ไม่ว่าจะกระทำซึ่งหน้าหรือพยายามจะกระทำผิด หรือสงสัยว่าจะกระทำผิด หรือมีผู้บอกให้จับหรือมีหมายสั่งจับก็ดี
ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจพิจารณาดูก่อนว่า ในที่นั้นมีสารวัตรทหารอยู่หรือไม่ ถ้ามีสารวัตรทหารก็บอก
ให้สารวัตรทหารเป็นผู้จับและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปโดยด่วน แต่ถ้าไม่มีสารวัตรทหาร
ก็ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับกุมได้ โดยบอกให้ทหารไปที่ทำการพนักงานสอบสวนโดยดี ห้ามใช้
กุญแจมือหรือผูกมัดจำจองแต่อย่างใด หากขัดขืนไม่ยอมไปโดยดีจึงให้จับกุมตัวไป
ในการจับกุมทหารสวมเครื่องแบบนี้ ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ จด ยศ, ชื่อ, เครื่องหมายและ
สังกัดไว้ ถ้าหากว่าทหารหลบหนี ให้แจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาทหารผู้นั้นทราบให้ผู้บังคับบัญชาทหารให้ความ
สะดวกทุกประการในการที่จะได้ตัวทหารผู้กระทำผิดให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจดำเนินการต่อไป
ตามกฎหมาย ถ้าหากมีการต่อสู้ขัดขวางการจับกุมให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจพยายามหลีกเลี่ยงการใช้
อาวุธให้มากที่สุด เว้นแต่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
ข้อ 12. ทหารสวมเครื่องแบบหรือไม่สวมเครื่องแบบหลายคนกำลังกระทำผิดอาญานอกเขตที่ตั้งของทหาร
ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจรีบแจ้งเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทหาร สารวัตรทหาร หรือผู้บังคับหน่วยทหารที่
อยู่ใกล้ที่สุดทราบโดยด่วน ให้ฝ่ายทหารร่วมมือกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจัดการระงับและจับกุม
ผู้กระทำผิดส่งที่ทำการพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป แต่ถ้าเป็นกรณีที่ทหารกับตำรวจกำลังก่อการวิวาทกัน
ให้ทั้งสองฝ่ายรีบรายงานผู้บังคับบัญชาของตนทราบในโอกาสแรก ให้ผู้บังคับบัญชารีบออกไปยังที่เกิดเหตุและ
จัดการระงับโดยเร็ว
ข้อ 13. ในกรณีที่ทหารก่อการไม่สงบขึ้นภายนอกเขตที่ตั้งของทหารให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
รีบแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นนั้นให้ผู้บังคับบัญชาทหาร สารวัตรทหาร หรือผู้บังคับหน่วยทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดทราบและให้
ฝ่ายทหารร่วมมือกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจัดการจับกุมส่งไปที่ทำการพนักงานสอบสวนและพยายาม
หาหลักฐานให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป กับให้ทุกฝ่ายรายงานให้ผู้บังคับบัญชาของตนทราบโดยด่วน

หมวด 2

ข้อ 14. ทหารกระทำผิดอาญาที่ถูกจับกุมตัวมาถึงที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ถ้ามิได้
สวมเครื่องแบบให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจนำตัวเข้าห้องควบคุมได้ ถ้าสถานีตำรวจใดมีห้องควบคุมที่
มิดชิดก็ให้ใช้ห้องควบคุมที่มิดชิดนั้น
ถ้าทหารนั้นสวมเครื่องแบบมิให้เอาตัวเข้าห้องควบคุม เว้นแต่ทหารผู้นั้นแสดงกิริยาอาละวาดหรือพยายาม
จะหลบหนี จึงให้นำตัวเข้าห้องควบคุมและห้ามบังคับให้ถอดสวมเครื่องแบบ ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
บันทึกเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องให้ทหารผู้นั้นเข้าห้องควบคุมไว้ในรายงานประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานด้วย กับให้
ชี้แจงให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อมิให้เกิดการเข้าใจผิด
ถ้าทหารผู้กระทำผิดนั้นเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการจะสวมเครื่องแบบหรือไม่ก็ตาม ถ้าจำเป็น
ต้องควบคุมไว้ตาม ข้อ 21. การควบคุมให้อนุโลมเช่นเดียวกับทหารสวมเครื่องแบบ
ข้อ 15. ทหารหนีราชการที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับตัวได้นั้นให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือ
ตำรวจควบคุมไว้แล้วแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทหารทราบโดยเร็วที่สุด
ข้อ 16. ในกรณีที่ทหารกระทำผิดวินัยหรือกระทำผิดอาญา และฝ่ายทหารเป็นผู้จับกุมตัวถ้าหากจะขอร้อง
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ อันเกี่ยวกับการใช้สถานที่ก็ดีการใช้เครื่องสื่อสารก็ดี การใช้พาหนะก็ดี ให้
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจให้ความสะดวกตามสมควร

หมวด 3

ข้อ 17. การแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการที่ทหารกระทำผิดอาญาก็ดี หรือกำลังจะกระทำผิดอาญาก็ดี หรือ
จะขอเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมาร่วมระงับปราบปรามเหตุที่เกิดขึ้นก็ดีในกรุงเทพมหานครให้ปฏิบัติดังนี้
    (1) ติดต่อไปยังผู้บังคับบัญชาทหารที่กระทำผิดหรือกำลังกระทำผิด หรือผู้บังคับหน่วยทหารที่
    อยู่ใกล้เคียงโดยทางหนังสือ หรือส่งนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรหรือชั้นประทวนไปชี้แจง
    (2) ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายแรง เช่น ตำรวจ ทหาร ยกพวกวิวาทกันหรือเกิดการจลาจล
    ซึ่งมีทหารร่วมอยู่ด้วย เป็นต้น และต้องขอเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารช่วยเหลือโดยรีบด่วน ให้ติดต่อทาง
    โทรศัพท์หรือทางอื่นใดได้ ดังนี้
      ก. ทหารบก ให้ติดต่อไปยังผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 1 ณ ที่ทำการหรือบ้านพัก
      หรือติดต่อไปยังกองพันทหารสารวัตรที่ 1 มณฑลทหารบกที่ 1
      ข. ทหารเรือ ให้ติดต่อไปยังกองพันสารวัตร กรมนาวิกโยธิน (สถานีทหารเรือกรุงเทพ)
      ค. ทหารอากาศ ให้ติดต่อไปยังกองบัญชาการกองทัพอากาศ หรือกองพันทหารสารวัตร
      ทหารอากาศ
ถ้าไม่สามารถจะแจ้งไปยังสถานที่ดังกล่าวนั้น ๆ ได้ ให้แจ้งตรงไปยังกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 1
ในจังหวัดอื่น ให้แจ้งต่อผู้บังคับหน่วยทหารที่ทหารผู้นั้นสังกัดอยู่ หรือผู้บังคับหน่วยทหารที่อยู่
ใกล้เคียงทราบ
ข้อ 18. เมื่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับทหารที่กระทำผิดอาญาได้ให้แจ้งให้ฝ่ายทหารทราบ
ในโอกาสแรกที่จะแจ้งได้ นับแต่วันที่นำตัวมาถึงที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจและให้ฝ่ายทหาร
รีบมาติดต่อในโอกาสแรกที่ได้รับทราบการแจ้งนั้น ส่วนการที่ฝ่ายทหารจะขอรับตัวไปหรือไม่ให้ผู้มาติดต่อ
ทำความตกลงกับพนักงานสอบสวนโดยตรง หากเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา
ได้จะต้องไม่ให้เป็นการขัดข้องในการที่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย
ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง
การแจ้งให้ฝ่ายทหารมารับตัวทหารที่ถูกจับดังกล่าวในวรรคก่อนในกรุงเทพมหานครให้ปฏิบัติดังนี้
ก. ทหารบก ให้แจ้งไปยังหน่วยกองพันหรือกรมกองทหารที่ผู้ต้องหาสังกัดอยู่ ถ้าเป็นทหารที่มาจากต่างจังหวัด
หรือไม่ทราบสังกัดแน่นอน ให้แจ้งไปยังกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 1
ข. ทหารเรือ ให้แจ้งไปยังกองพันสารวัตร กรมนาวิกโยธิน (สถานีทหารเรือกรุงเทพ)
ค. ทหารอากาศ ให้ติดต่อไปยังกองบัญชาการกองทัพอากาศ หรือกองพันทหารสารวัตรทหารอากาศ
ในการที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแจ้งไปแล้ว แต่ฝ่ายทหารยังไม่มาติดต่อประการใด ถ้าเป็นคดี
ที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน ให้พนักงานสอบสวน ผู้ว่าคดี หรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณีดำเนินการไปตาม
กฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา ถ้าเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร ให้นำตัวไปมอบให้แก่มณฑลทหารบกที่ 1
หรือที่ทำการสารวัตรทหารเรือ หรือกองบัญชาการกองทัพอากาศแล้วแต่กรณี ให้ฝ่ายทหารรับตัวควบคุมไว้และ
จัดการต่อไป
ส่วนจังหวัดอื่น ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันโดยอนุโลม แต่การนำตัวไปมอบให้แก่ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด
ถ้าทหารที่กระทำผิดมาจากต่างจังหวัด หรือไม่ทราบสังกัดแน่นอน ให้นำตัวส่งผู้บังคับหน่วยทหารที่อยู่ใกล้เคียง
รับตัวควบคุมไว้ดำเนินการต่อไป
ข้อ 19. การรับและมอบตัวทหารให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจกับฝ่ายทหารปฏิบัติดังนี้
    (1) การรับตัว ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเป็นผู้นำหนังสือสำคัญสำหรับรับตัวทหาร (แบบ 1)
    ของผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นผู้บังคับกองพัน หรือผู้บังคับการเรือ หรือผู้บังคับการกองบินขึ้นไป
    มาแสดง เว้นแต่ในจังหวัดใดที่มีหน่วยทหารตั้งอยู่อิสระหรือหน่วยทหารเคลื่อนที่ไปปฏิบัติราชการ
    ฐานะต่ำกว่ากองพัน ก็ให้ใช้หนังสือราชการของผู้บังคับหน่วยนั้น ๆ ได้
    คดีที่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ให้นายทหารชั้นสัญญาบัตรมารับตัว คดีนอกจากนี้
    ให้นายทหารชั้นประทวนขึ้นไปเป็นผู้นำหนังสือสำคัญสำหรับรับตัวทหาร (แบบ 1) มารับตัว
    (2) การมอบตัว ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแล้วแต่กรณี ดูหนังสือสำคัญสำหรับ
    รับตัวทหารนั้นถูกต้องหรือไม่ เมื่อถูกต้องแล้วจึงให้ทำหนังสือมอบตัว (แบบ 2) หนังสือนี้ให้ทำเป็น
    2 ฉบับ ข้อความตรงกัน ลงชื่อผู้รับและผู้มอบทั้ง 2 ฉบับ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแล้ว
    แต่กรณี ติดสำนวนการสอบสวนฉบับหนึ่งมอบให้ฝ่ายทหารไปฉบับหนึ่งพร้อมกับมอบตัวทหารไป
    หากมีการกำหนดวันเวลานัดหมายอย่างไรก็ให้ทั้ง 2 ฝ่ายติดต่อประสานงานกันให้ชัดแจ้ง อย่าให้เสีย
    ผลทางราชการได้
    ส่วนการรับตัวและมอบตัวทหารต้องหาทางคดีอาญาที่มีบาดเจ็บซึ่งถูกควบคุมไว้และส่งตัวไป
    รักษาที่โรงพยาบาลนั้น ให้ปฏิบัติการรับและมอบตัวดังกล่าวข้างต้น แต่ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือ
    ตำรวจแจ้งให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทราบทันที
ข้อ 20. ในกรณีที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับทหารหนีราชการที่ฝ่ายทหารมีหนังสือ
ขอร้องให้จับได้ ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจและฝ่ายทหารปฏิบัติดังนี้
    (1) ในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแจ้งไปยัง ผู้บังคับบัญชาทหารโดยเร็วที่สุด และให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารรีบมารับตัวไปอย่างช้าไม่เกิน 24 ชั่วโมง
    นับแต่เวลาที่รับแจ้ง
    ในการแจ้งให้ฝ่ายทหารมารับตัวทหาร ให้ปฏิบัติตามข้อ 18 วรรค 2 โดยอนุโลม
    (2) สำหรับจังหวัดอื่น ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจรีบแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทหารหรือ
    ผู้บังคับหน่วยทหารที่อยู่ใกล้เคียงมารับตัวไปโดยเร็ว
จังหวัดใดกรมกองทหารตั้งอยู่ห่างไกลกับที่ตั้งจังหวัด ไม่สะดวกในการที่จะติดต่อให้ฝ่ายทหารทราบ
หรือไม่มีกรมกองทหารตั้งอยู่ ก็ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจควบคุมตัวทหารไปส่งยังกรมกองทหาร
ที่อยู่ใกล้เคียงเป็นผู้รับตัวไว้ แล้วส่งไปยังกรมกองทหารต้นสังกัดจัดการต่อไป
ข้อ 21. นายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการต้องหาในคดีอาญาที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ
ไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้พนักงานสอบสวนยอมให้นายทหารผู้นั้นประกันตัวเองได้ แต่ถ้า
คดีที่ต้องหามีโทษสูงกว่าที่กำหนดไว้ จะต้องมีผู้ประกันหรือหลักประกันที่สมควร แล้วรายงานให้ผู้บังคับบัญชา
ทหารทราบ
ในกรณีที่คดีต้องมีโทษสูงกว่าที่กำหนดไว้ในวรรคต้น และนายทหารผู้ต้องหานั้นไม่มีผู้ประกัน หรือ
หลักประกันก็ดี พนักงานสอบสวนเห็นไม่ควรให้ประกันก็ดี ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาฝ่าย
ทหารมารับตัวตามระเบียบ
ข้อ 22. ในกรณีที่ฝ่ายทหารได้รับแจ้งแล้ว ไม่มารับตัวทหารไปจากพนักงานสอบสวนหรือพนักงาน
อัยการแล้วแต่กรณี หรือการมารับตัวนั้นไม่ถูกต้อง ตามข้อ 19. ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ
แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทหารชั้นเหนือขึ้นไปทราบ

หมวด 4 การตรวจค้นทหาร (มีต่อ)
เหตุด่วน, เหตุร้าย แง ศูนย์ควบคุมและสั่งการ พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2117 - 9 ทอ. 2-2197 - 9
แจ้งเบาะแสแหล่งอบายมุข, ยาเสพติดให้โทษ, แหล่งการพนัน ผบ.พัน.สห.ทอ. โทร. 534-2113 โทรสาร. 523-7596
E-mail:dmbc4@ksc.th.com