จนท.ป่าไม้บุกจับขบวนขนสัตว์ป่าออกนอกคาหนังคาเขา ได้งูเหลือมงูหลามเกือบ 2 พันตัว ตะกวด
กว่า 100 ชีวิต พร้อมจระเข้น้ำจืดร่วม 5 ตัว เผยเตรียมส่งไปทำเปิบพิสดารที่ซัวเถา ประเทศจีน ระบุเดือนกว่าสามารถ
สกัดจับสัตว์ป่าส่งออกได้กว่า 5,000 ตัวแล้ว
เมื่อเวลา 15.30 น. ของวันที่ 10 ก.ย.41 นายสมชัย เพียรสถาพร ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและปราบปราม กรมป่าไม้ และคณะได้ทำการจับกุมการลักลอบส่งสัตว์ป่าออกนอกประเทศที่อาคารส่งสินค้าขาออกที่ 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง ขณะกำลังลำเลียงเข้าตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเครื่องบิน จากกรุงเทพฯ-ซัวเถา เพื่อลำเลียงไปยัง
ประเทศจีน โดยสามารถยึดของกลางได้ทั้งหมดเป็นสัตว์นานาชนิดร่วม 2 พันตัว บรรจุอยู่ในหีบห่อทั้งสิ้น 90 ห่อ ประกอบด้วยเป็นสัตว์หวงห้าม จำนวน 1,535 ตัว แยกเป็น ตะกวดจำนวน 119 ตัว จระเข้น้ำจือ 49 ตัว งูสิงหางลาย 1,334 ตัว งูหลาม 54 ตัว งูเหลือม 2 ตัว นิ่มหรือลิ่มจำนวน 2 ตัว โดยสัตว์ป่าทุกรายการเป็นสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกตัว
จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า บริษัทที่อ้างตัวป็นเจ้าของสินค้าและผู้ส่งออก คือ บริษัท ซีเอเอส แอสโซซิเอท จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 118/27 อาคารคอนโดวิว ถนนสาธรเหนือ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. โดยเป็นการส่งออกผ่านบริษัท ซัน แอนด์ มูน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้ง ตั้งอยู่เลขที่ 308 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ส่วนบริษัทผู้รับสินค้าปลายทางคือ บริษัท ซานโต เชียงนาม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
(นายสินชัย ผาสุข กรรมการบริษัททั้งสองแห่ง ถูกจับเมื่อวันที่ 11 ก.ย.41 ในข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.คุ้มครอง
สัตว์ป่าและสัตว์หวงห้าม พ.ศ.2535 มาตรา 19, 20 และ 27)
กลุ่มผู้ส่งออกจะบรรจุสัตว์แพ็คใส่กล่องแล้วเจาะรู้ให้อากาศระบายออกมาได้ โดยระบุกับเจ้าหน้าที่ว่า
สินค้าทั้งหมดเป็นปลามีชีวิต เพื่อส่งสินค้าไปยังชานเมืองซัวเถา ประเทศจีน สัตว์จำนวนนี้คาดว่าจะถูกนำไปเป็น
อาหาร โดยจะมีราคาเป็น 20 เท่า ของราคาในเมืองไทยหรือประมาณ 10 ล้านบาท
นายสมชัย กล่าวว่า สัตว์ป่า พันธุ์ไม้และพืชหายากในเมืองไทยเวลานี้เป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติมาก เฉพาะแค่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กรมป่ไม้สามารถจับกุมสัตว์ป่าหวงห้าม เป็นงูชนิดต่าง ๆ ได้ถึง 3,500 ตัว ในส่วนนี้มีหมีควายจำนวน 3 ตัว รวมอยู่ด้วย เมื่อรวมกับการจับกุมครั้งนี้แล้วเพียงแค่เดือนกว่าสามารถยึด
ของกลางได้มากถึง 5,000 กว่าตัว
นายสมชัย กล่าวว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน กลุ่มผู้บริโภคสัตว์ป่า หายากที่เป็นชาวต่างประเทศนิยมเดินทางมา
เปิบพิศดารในเมืองไทย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง และมาเลเซีย โดยผ่าน
บริษัทท่องเที่ยวที่ได้จัดทำโบร์ชัวร์แจกจ่ายให้นักเปิบได้ทราบว่า มีสินค้าต้องห้ามไว้ขายบริการ แต่หลังจากที่
บริษัททัวร์พวกนี้โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน แทนที่การลักลอบค้าสัตว์ป่าจะลดลงกลับทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะกลุ่มพ่อค้าใจบาปเหล่านี้กลับเป็นฝ่ายลักลอบส่งสินค้าไปขายในประเทศเหล่านั้นเอง
"ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา คาดว่าสัตว์ป่าหวงห้ามนับจำนวนหลายหมื่นตัวได้ถูกส่งไปขายยังต่างประเทศ ซึ่งทำให้สัตว์ป่าบางชนิด เช่น หมีควาย ถูกล่าจนแทบจะสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทย นายปองพล อดิเรกสาร รมว.เกษตรและสหกรณ์ จึงได้สั่งการให้อธิบดีกรมป่าไม้ ปราบปรามและกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ให้หมดและ
ให้มีการขยายผลการจับกุมถึงขั้นสืบสาวให้ ลงลึกไปถึงกลุ่มผู้ส่งออกและบริษัทชิปปิ้งที่รับจ้างขนสิ้นค้าด้วย

ศุลการกรร่วมขบวน ส่งสัตว์ป่าออกนอก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เสาร์ที่ 12 ก.ย.41 หน้า 1.
ป่าไม้แฉแหลกขบวนการส่งออกสัตว์ป่าออกนอก มั่นใจศุลกากรมีส่วนรู้เห็นเพราะต้องตรวจสอบสินค้า
ส่งออกว่าตรงตามที่แจ้งในใบสินค้าหรือไม่ ระบุไม่แจ้งความดำเนินคดีเนื่องจากเห็นว่าเป็นข้าราชการด้วยกัน
ทำเพียงบันทึกรายงานเสนอรัฐมนตรีคลังเท่านั้น ส่วนเจ้าของสินค้าเปิบพิสดารนั้นป่าไม้ยืนยันตามหาหลักฐาน
มานานแล้ว
จากเอกสารรายการขนสินค้าไปเมืองจีนทั้งหมดนี้ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ตีตราและบันทึกลงใน
รายการแสดงสินค้าว่า เป็นสัตว์น้ำส่งออก คือป่ากะพงทะเลแช่แข็ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่า ตีตราประทับเพื่อ
อนุมัติให้ขนย้ายไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่รายการสินค้าส่งออกกับสินค้าในกลุ่มไม่ตรงกัน และสามารถมองเห็น
ด้วยตาไม่ต้องแกะเปิดดู เพราะสัตว์ป่าพวกนี้เป็นสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ มีการเจาะรูอากาศไว้รอบกล่อง หากเป็น
ปลากะพงจริงก็ต้องปกปิดมิดชิดไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้

Back to the Top or