คุณรัตดารณี กลิ่นหอมรื่น อยู่ที่เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เคยมาวัดพระธรรมกายตั้งแต่สมัยที่วัดยังใช้พื้นที่ ในบริเวณ ๑๙๖ ไร่ ฟังธรรมที่ศาลาจาตุมหาราชิกา
จำได้ว่า ศาลานี้
ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในสมัยนั้น คนนั่งกันเต็มศาลาแล้วยังมีล้นออกมาข้างนอก นั่งสมาธิฟังธรรมกันตามใต้ร่มไม้อีกจำนวนมาก บรรยากาศภายในวัดสงบร่มรื่นใจยิ่งนัก
คุณรัตดารณีห่างวัดไปร่วม ๑๐ ปี เพราะมุ่งแต่ประกอบอาชีพเพื่อสร้างฐานะให้กับครอบครัว จนกระทั่งในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๑ ได้ทราบข่าวการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์
ประจวบ กับช่วงนั้น เธอกำลังประสบกับความทุกข์ เนื่องจากธุรกิจที่ทำอยู่เกิดสะดุดลง ครั้งนี้จึงมาด้วยความตั้งใจ มั่นที่จะศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
และน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อ
ชีวิตจะได้รับความสงบสุข พอทราบรายละเอียดของการสร้างพระแล้ว ยิ่งทำให้เกิดศรัทธาเต็มเปี่ยม นึกทบทวนดูมีเงินเหลือในบัญชีก้อนสุดท้าย หมื่นกว่าบาท
ก่อนหน้านั้น
ก็คิดไว้ว่าจะนำเงินนี้ไปลง ทุนประกอบอาชีพใหม่อีก แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี จึงขอสร้างบุญใหญ่ ติดตัวไว้ก่อน
เมื่อประกอบเหตุดีแล้วผลดีย่อมตาม คิดได้ดังนี้จึงตัดสินใจปิดบัญชี นำเงินที่เหลือก้อนสุดท้ายในชีวิต
ลงทุนข้ามภพข้ามชาติ
ร่วมสถาปนามหาธรรมกายเจดีย์
ด้วยความปีติ เบิกบานใจ เกิดมหากุศลยิ่งใหญ่ สามารถฆ่าความตระหนี่ในใจออกไปได้ ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิ
ตรึกระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยสวดสรรเสริญ
พระมหาสิริราช ธาตุมิได้ขาด
บ้านของคุณรัตดารณีอยู่ติดกับถนนใหญ่และมีพื้นที่ว่าง เธอจึงเกิดความคิดว่า ถ้าแบ่งให้เขาเช่าเป็นหน้าร้านคงจะดี คุณรัตดารณี จึงปิดป้ายประกาศ
ปรากฏว่า ภายในสัปดาห์ นั้น
หลังจากที่ได้ทำบุญสร้างพระ ก็มีคนมาขอดูร้านและขอเช่า โดยนำเงินมาวางมัดจำให้ทันที ซึ่งเงื่อนไขก็เช่าเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท เขายินดีจ่ายล่วงหน้า ๒ เดือน
และนำเงินสด มามอบให้เลย ๗,๐๐๐ บาท แต่ยังไม่ขนของมา สร้างความอัศจรรย์ให้เธอยิ่งนัก เพราะขณะนั้นก็ไม่ทราบว่าจะไปหาเงินสักก้อนที่ไหนดี สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของ
ลูกที่กำลังใกล้ จะเปิดเทอม เธอดีใจมากที่มีรายได้เข้ามาคลี่คลายปัญหานี้ได้อย่างอัศจรรย์ใจ
เธอเริ่มประกอบอาชีพใหม่ด้วยการแบ่งพื้นที่ชั้นล่างของตัวบ้านเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง มีโต๊ะสำหรับลูกค้า นั่งทานอาหาร ๕ โต๊ะ มีรายได้เข้ามาในครอบครัวทุกวัน วันอาทิตย์ก็หยุดขาย เพื่อสร้างบุญกุศลต่อด้วยการไปวัดทุกวันอาทิตย์ พยายามนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ทุกๆ วันเป็นวันที่ดีที่สุด
ระยะกลางเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด และทางกรมอุตุแจ้งว่าอาจจะเกิดพายุร้อนขึ้นในช่วงนี้ พายุนี้เวลาพัดมันจะหมุนเหมือนลูกข่าง
ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า พายุ
ลูกข่าง ตอนเที่ยงของวันนั้น ในร้านมีลูกค้าทยอยเข้ามาสั่งอาหารทานมื้อกลางวันเรื่อยๆ อากาศข้างนอกค่อนข้างอบอ้าว มองดูท้องฟ้ามีหมู่เมฆตั้งเค้าฝนดำทมึนมาแต่ไกล
ลมพัด ค่อนข้างแรง ส่อเค้าว่าอาจจะเกิดพายุใหญ่ขึ้นได้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ทุกคน จึงต่างเร่งทำภาระกิจของตนให้ เสร็จแล้วรีบกลับเข้าบ้านเพื่อ ตั้งรับกับภัยธรรมชาติที่จะมาถึง
พายุก็เริ่มก่อตัวขึ้นเสียงหวีดหวิวของพายุดังเสียดสีกับอากาศอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงของต้นไม้ กิ่งไม้หัก และเศษวัสดุต่างๆ ที่ปะทะกับพายุดังโครมคราม กระเบื้องหลังคา บ้านปลิวว่อน และหล่นลงสู่พื้นเสียงดังสนั่นจนเป็นน่าหวาดกลัว แม้แต่ป้ายคัตเอาท์ขนาดใหญ่ๆ ก็โค่นล้มลงในพริบตา คนที่อยู่บริเวณนั้นตกใจมาก
เพราะไม่เคยเกิดเหตุเช่นนี้
มาก่อนในบริเวณนี้ รถยนต์ที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนไม่สามารถขับฝ่าพายุที่โหมกระหน่ำ จำเป็นต้องจอดอยู่กับที่ก่อนเพื่อความปลอดภัย
คุณรัตดารณีทำอะไรไม่ถูก เพราะเหตุการณ์รุนแรงมาก เธอรีบนำองค์พระมหาสิริราชธาตุที่คล้องคออยู่มาพนมมือตั้งจิตอธิษฐานขอความช่วยเหลือว่า
"ขออานุภาพ พระมหาสิริ
ราชธาตุช่วยให้ลูกแคล้วคลาดจากภัยพิบัตินี้ด้วยเถิด พายุอย่าได้พัดบ้านพังเสียหายเลย
เพราะลูกยังไม่มีเงินซ่อมร้านซ่อมบ้าน"
แล้วรีบพาตัวเองไปยืนหลบอยู่ในจุดที่ปลอดภัยที่สุด ให้ห่างจากสิ่งที่จะตกหรือล้มลงมา เสียงโครมคราม ยังคงดังไปทั่ว ปนกับเสียงโกลาหล ทุกคนต่างเอาชีวิตรอดหาที่หลบตัวให้ปลอดภัยมากที่สุด
แล้วเธอต้องสะดุ้งตกใจสุดขีดอีกครั้งเมื่อมีเสียงดังครืนใหญ่ เป็นเสียงของต้นไม้ล้มลงทางด้านหลังบ้าน เพราะติดกับตัวบ้าน มีต้นสะเดาต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่งเธอพนมมือขึ้นกล่าวว่า คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกด้วยขออย่าได้เป็นอะไรเลย พายุร้ายยังคงทำหน้าที่บุกเข้าไปในสวนหลังบ้าน ซึ่งมีบ้านของคุณแม่ที่ปลูกลึกเข้าไป เสียงพังพินาศของโลหะ
หลังคา กระเบื้อง และต้นไม้ยังคงดังอยู่โครมคราม ต้นมะพร้าวที่มียอดสูง ถูกลมพัดหมุนติ้วเป็นลูกข่าง
พายุยังคงโหมกระหน่ำอยู่นานนับร่วมชั่วโมงจึงยอมหมดฤทธิ์ลง ผู้คนเริ่มออกมาสำรวจความเสียหาย หน่วยราชการ รีบนำรถออกช่วยผู้ประสบภัย นำผู้เคราะห์ร้ายส่งโรงพยาบาล
ผลงานของเจ้าพายุร้าย ทำให้ป้ายคัตเอาท์ใหญ่ล้มลงมาทับรถยนต์ที่วิ่งอยู่ บนถนน มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
บ้านที่อยู่คนละฟากถนน
กับบ้านคุณ รัตดารณี มีต้นไม้ล้มทับบ้าน พายุพัดเข้ามาแรงเป็นแนวดิ่งตรงมาบริเวณบ้านคุณรัตดารณีมากที่สุด แล้วพุ่งไปด้านหลังซึ่งเป็นบ้านคุณแม่ และบ้านอื่นๆ ในละแวกนั้น
ไกลออกไป
มีคอนโดมีเนียมหลังคาเปิดหมด บ้านของคุณแม่เธอดงกล้วยราบเป็นหน้ากลอง หลังคาบ้านเปิดไป ๑ แถบ ถัดจากบ้านนี้ไปหลังคาเปิดเกือบหมดหลัง
ส่วนบ้านของคุณรัตดารณี เมื่อสำรวจแล้วไม่มีความเสียหายใดเลยราวกับปาฏิหาริย์ ขณะที่พายุบุกเข้ามานั้น ข้าวของในร้านที่เก็บไม่ทันก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม
ตู้โชว์อาหาร
ไม่มีกระจกแตกเลยแม้แต่ใบเดียว มีแต่กันสาดที่หลุดลงมาเท่านั้น เมื่อช่วยกันยกขึ้นที่เดิมก็ใช้ได้ดังเดิม คุณรัตดารณีบอกว่า
"น่าอัศจรรย์ใจมากสมดังที่อธิษฐานจิต
ขอให้พระมหา สิริราชธาตุช่วยจริงๆ"
จากเหตุการณ์พายุหมุนที่พุ่งตรงมา ซึ่งต้องวิ่งผ่านบ้านเธอก่อนที่จะไปถล่มบ้านหลังถัดไปคือบ้านแม่ แต่แปลกที่หลังบ้านของเธอสูงกว่าบ้านคุณแม่
แถมหลังคามีอายุใช้งาน
นานกว่า
เพราะนำของเก่ามาใช้ส่วนบ้านคุณแม่กระเบื้องยังใหม่อยู่และหลังคาเตี้ยกว่า แต่บ้านของเธอกลับรอดพ้นจากหลังคาเปิดมาได้
สร้างความแปลกใจให้กับคนแถวนั้น
ไม่น้อย มีป้าคนหนึ่งมาบอกว่า ห็นพายุมันพัดถล่มในจุดนี้รุนแรงมากต้นมะพร้าวหลังบ้านนี้มองไกลๆ หมุนเป็นลูกข่างเลย คุณรัตดารณีนั้น เชื่อมั่น ๑๐๐%
ว่าที่บ้านตนเสียหาย ไม่มาก เป็นเพราะอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุที่อธิษฐานขอให้ท่านช่วยคุ้มครอง
คุณรัตดารณี เล่าว่ามีรายได้และทำมาหากินรุ่งเรืองขึ้นหลังจากตัดสินใจทำบุญสร้างองค์พระประจำตัว ชนิดปิดบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ ทำบุญครั้งนี้ด้วยใจที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยม
มีปีติ โสมนัสเต็มที่ ทำอย่างรู้ความหมายว่าทำเพื่ออะไร คือมีปัญญา และคิดทำด้วยตนเอง เรียกว่ามีมหากุศลจิตชนิดที่มีอานุภาพสูงสุด
ผลบุญจึงมีกำลังแรงมากส่งผล
ให้ได้ทรัพย์
มารวดเร็วทันตาเห็น ภายในไม่กี่วันและทันกับความต้องการพอดี
ถ้าเราเชื่อว่า แรงใดไม่เท่าแรงกรรม ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมพายุฤดูร้อนที่เล่าไว้ จึงทำอันตรายที่อยู่อาศัยของคุณรัตดารณีน้อยที่สุด
น้อยกว่าบ้านเรือนของผู้อื่น
ที่อยู่บริเวณ เดียวกัน ทั้งนี้เพราะนอกจากมีบุญที่กระทำจากการสร้างองค์พระไว้แล้ว ขณะเกิดเหตุยังได้กระทำบุญใหม่เพิ่มด้วยการอธิษฐานจิตระลึกถึงคุณ ของพระรัตนตรัย
แทนที่จะขาดสติ ตกอกตกใจ วิ่งหนีวุ่นวาย
เมื่อครั้งหลายปีมาแล้ว มีใต้ฝุ่นชื่อ
"เกย์" พัดผ่านชายทะเลแถวจังหวัดชุมพร ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทางปาณาติบาต ทำนากุ้ง ทำความเสียหายยับเยิน
แต่มีเจ้าของเกาะ เล็กๆ ริมฝั่งอยู่รายหนึ่ง มีอาชีพปลูกบ้านพักให้ผู้คนเช่าพักผ่อน และบ่อยครั้งที่จัดให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมโดยไม่คิดราคาที่พัก ปรากฏว่า
วาตภัยครั้งนั้น ไม่ทำอันตรายเกาะนั้นเลย แม้แต่ต้นมะพร้าวต้นเดียวไม่หัก ใครๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พายุนั้นเหมือนมีหัวใจ พัดทำลายเรื่อยมา พอถึงเกาะคนมีบุญ กลับกระโดดข้าม แล้วทำลายต่อจนเรียบ น่าแปลก ถ้าเชื่อเรื่องกรรม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เจ้าของเกาะเป็นคนชอบทำบุญ อาชีพสุจริต ไม่ได้ทำลายปาณาติบาตเหมือนคนอื่นๆ
แรงบุญของเขาย่อมคุ้มครองทรัพย์สมบัติ
เอาไว้ได้เป็น อัศจรรย์ เหมือนรายคุณรัตดารณี
ด้วยเหตุนี้ถ้าเราสังเกตด้วยใจเป็นธรรมแล้ว ในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติใดก็ตาม ในที่ต่างๆ เมื่อค้นดูอาชีพ ความประพฤติ และจิตใจของผู้คนในที่นั้นๆ
มักร่วมกันทำอกุศลเรื่องใด
เรื่องหนึ่ง ไว้เป็นส่วนใหญ่ เมื่อผลกรรมตามมาทันพร้อมกัน จึงเกิดมหันตภัยรุนแรง เช่นแผ่นดินไหว อุทกภัย อัคคีภัย เหล่านี้เป็นต้น