คุณอ้อย ชะนะมา อยู่ที่กรุงเทพฯ มีอาชีพค้าขายเธอเล่าว่า สามีของเธอชอบปฏิบัติธรรมบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาสมาธิเป็นประจำ
เธอได้ตามสามีมาทำบุญบ้าง
เป็นบางครั้ง ในงานบุญพิธีใหญ่ๆ ของวัดพระธรรมกาย
ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ ที่ผ่านมา เธอได้อ่านหนังสือพิมพ์ พบข่าวอัศจรรย์ตะวันแก้วที่มีผู้คนร่วมเห็นเหตุการณ์นับหมื่นคน
เห็นภาพและบทสัมภาษณ์ของ
ผู้อยู่ใน
เหตุการณ์แล้วคิดได้ ว่า เรามัวแต่ทำมาหากิน หาเงินมากเกินไปหรือเปล่า ทำไมเราไม่แบ่งเวลาเข้าวัดหาความสุขที่เกิดจากความสงบบ้าง
คิดได้เช่นนี้
เธอจึงเป็นฝ่ายชวนสามี
เข้าวัดเสียเอง
ตั้งแต่นั้นมา ทั้งครอบครัว ๕ คน พ่อ-แม่-ลูก ก็จะพากันมาวัดทุกอาทิตย์ เมื่อความคิดของ คนในบ้านไปทางเดียวกันแล้ว บรรยากาศในบ้านก็มีแต่ความอบอุ่น
เพราะต่างคน
ต่างมุ่งฝึกตนเอง นำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน จิตใจผ่องใสคิดแต่สิ่งที่ดี การค้าขายหยิบจับอะไรก็ดูขายดี
เธอตัดสินใจลาออกจากงานประจำ หันมาทำการค้า ครั้งแรกขายเสื้อผ้ามือสอง ตระเวนขายไปในที่ต่างๆ เธอบอกว่าขายดีมาก ทุกครั้งที่นำมาลงขายแทบหมดเกลี้ยง เหลือแค่ ๒-๓ ตัว จากจำนวน ๑ คันรถปิคอัพ แต่การค้าแบบนี้มีพื้นที่ขายไม่เป็นหลักแหล่งบางคราวขับตระเวนออกไปขายไกลถึงชายแดน เสี่ยงอันตรายไม่น้อยสำหรับครอบครัว
ต่อมาเธอและสามีจึงเปลี่ยนจากการขายของเร่มาเป็นซื้อผักผลไม้ จากสวนคัดเกรดแล้วนำไปส่งตามห้างสรรพสินค้า พอทำแบบนี้จึงสามารถจัดสรรเวลาได้
มีเวลาเข้าวัด ได้สะดวก ขึ้น ไปติดต่อส่งสินค้าเขาก็ตอบรับดี กำไรก็ดีอีก ทุกเที่ยวได้กำไรไม่ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท
เธอและครอบครัวประสบอานุภาพบุญที่ช่วยชีวิตเธอและครอบครัว อย่างอัศจรรย์ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒ วันนั้นได้นำแคนตาลูป จากอรัญประเทศ
ไปส่งที่ห้างสรรพ สินค้า
ในจังหวัดขอนแก่น บรรทุกไป ๑ ตัน ออกเดินทางกัน ๕ ชีวิต เธอและสามีลูกน้อยอีก ๓ คน รถที่ใช้เป็นพาหนะเป็นรถปิ๊คอัพแค็บ เธอให้ลูกๆ นั่งอยู่เบาะหลัง
ตลอดการเดิน ทาง
ก็จะเปิดเทปบทสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ สลับกับเทปพระธรรมเทศนา นำนั่งสมาธิสลับกัน บริเวณหน้ารถนำองค์พระมหาสิริราชธาตุแขวนไว้
เมื่อไปถึงขอนแก่น ก็ส่งแคนตาลูปให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนกลับจึงชวนสามีแวะเยี่ยมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นที่รวมใจสวดมนต์ทำสมาธิ
เพื่อการเข้าถึง
พระธรรมกายของชาวขอนแก่น ได้เจอกับผู้นำบุญของจังหวัดขอนแก่นหลายคน และได้เข้าไปกราบนมัสการรูปเหมือนหลวงพ่อสด โดยถือโอกาสทำบุญที่ศูนย์ด้วย
เพราะวันนี้เธอ รู้สึก
ไม่ค่อยสบายใจเท่าไร มีความรู้สึกวิตกกังวลลึกๆ ว่า ขณะเดินทางกลับจะไม่ปลอดภัยเหมือนเมื่อครั้งตอนเดินทางมา สามีก็เช่นกันมาบอกตอนหลังว่า ตอนที่อุ้มลูกสาวขึ้นรถ เห็นเงาของตัวเอง ที่สะท้อนจากแสงแดด แต่ไม่มีหัว ไม่กล้าบอกให้คุณอ้อยรู้ กลัวเธอกังวล คุณอ้อยต้องการเติมบุญให้ตัวเอง ก่อนจะเดินทางกลับ
ขากลับยังซื้อกระหล่ำปีมาอีก ๑ ตัน เมื่อทุกๆ คนพักผ่อนกันพอหายเหนื่อยแล้ว เธอก็บอกให้เด็กๆ ขึ้นรถ ขา กลับนั่งในรถเหมือนเดิม ผู้ใหญ่นั่งตอนหน้า เด็กๆ นั่งแค็ปหลัง
พอออกเดินทาง
เธอและลูกสาวก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย สามีทำหน้าที่สารถีแก้ว
ขับรถพาลูกน้อยและภรรยา
เดินทางกลับบ้าน
ขับอย่างระมัดระวังด้วย
ความห่วงใยในบุคคล
อันเป็นที่รัก โดยมีเสียงจากเทปบทสวดพระมหาสิริราชธาตุดังเป็นเพื่อน
เธอมารู้สึกตัวตื่นในตอนเช้า หันไปมองเบาะหลังลูกๆ สามคนยังหลับอยู่พอเธอหันหน้ากลับมา แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น บึ๊ม! เสียงดังก้องสนั่นไปทั่วป่า
เป็นเสียง ระเบิด
ของยางรถด้านซ้ายซึ่งขับมาด้วยความเร็ว ๘๐ กม./ชม. รถเสียหลักเอียงไปทางไหล่เขาสูง รถเริ่มเสียการทรงตัว สามีเธอรีบหักพวงมาลัยกลับมาทางขวาสามารถดึงรถกลับมาได้ แต่รถเสียการทรงตัวเอียงไปทางซ้ายอีก เมื่อน้ำหนักรถกลับมาทางขวา ตัวรถกลับยกล้อด้านซ้ายขึ้น กำลังจะพลิกคว่ำ
ด้วยสัญชาตญาณการรักษาชีวิต เธอรีบคว้าองค์พระมหาสิริราชธาตุ ในใจนึกขอให้หลวงพ่อช่วยลูกด้วย ปากตะโกนออกมาได้อย่างเดียวว่า "สัมมา อะระหัง สัมมาอะระหัง" สิ้นเสียง มองออกไปนอกกระจกเห็นมือใหญ่มาก อยู่หน้ารถ ในวินาทีนั้นเธอมองลอดช่วงระหว่างนิ้วที่ใหญ่มหึมานั้น ภาพที่เธอเห็นคือหลวงพ่อวัดปากน้ำ
และเมื่อเธอเห็นเธอรู้สึก
ปีติ และอบอุ่นใจมาก เพราะรู้ว่า ท่านมาช่วยพวกเรา มือใหญ่นั้น ค่อยจับรถที่กำลังจะพลิกคว่ำลงไปในไหล่ทางลึกลงไปประมาณ ๒ เมตรให้ตะแคงพลิกมาอีกด้านหนึ่ง
แต่ล้อยัง
ยกขึ้นอยู่ในท่าตะแคง แล้วหยุดตัวมันเองแค่นั้น เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทุกคนไปนอนกองรวมกันอยู่ที่พื้นรถด้านล่างข้างซ้ายมือ
รถที่ขับผ่านมาเห็นเหตุการณ์
ได้รีบให้ความ ช่วยเหลือ พยายามหาวิธีนำคนออกจากซากรถและต้องระวังเป็นพิเศษเพราะรถที่ตะแคงอาจจะพลิกตกหล่นจากพื้นถนนที่ต่างระดับและทำให้เกิดอันตรายได้
เมื่อช่วยผู้ประสบอุบัติเหตุออกมาจากรถได้แล้ว พอสำรวจดูว่ามีใครบาดเจ็บสาหัสบ้าง ปรากฏว่าสร้างความฉงนให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์ไม่ใช่น้อย
เพราะแทบไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เลย มีแค่ตัวคุณอ้อยคนเดียว ที่ข้อศอกด้านซ้ายถูกเศษกระจกบาดเพียงนิดเดียวเท่านั้น ชายใจดีที่ให้ความช่วยเหลือ เห็นเหตุการณ์ของอุบัติเหตุครั้งนี้โดยตลอด
ถามขึ้นด้วย ความทึ่ง
แกมสงสัยว่า "มีพระอะไรดีครับ ทำไมรถถึงทรงตัวขึ้นมาได้เอง" พร้อมกับขอดูหน้ารถ ก็พบองค์พระมหาสิริราชธาตุและรูปหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ รูปคุณยายอุบาสิกา จันทร์ ขนนกยูง รูปหลวงพ่อธัมมชโย และภาพครอบครัวคุณอ้อยที่ไปทำบุญร่วมกัน เขาก็ยกมือ "สาธุ" และบอกว่า "แล้วผมจะไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายสักครั้ง"
การที่สามีคุณอ้อยได้เห็นเงาศีรษะไม่มี แสดงว่าเทวดาที่ดูแลรักษามีความกรุณานิมิตภาพให้เห็นเพื่อเตือนสติว่า หมดบุญให้รีบทำบุญเพิ่มเสีย
พอเกิดอุบัติเหตุ คุณอ้อยมีสติดี รีบนึกถึงบุญ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อุทานเรียกให้ท่านช่วย และก็ได้มองเห็นด้วยตาเนื้อว่า มีมือใหญ่โตมาก มาหยิบรถยกขึ้นวางตั้งไว้ ไม่พลิกคว่ำ ทำให้ทุกคนปลอดภัย รถไม่เสียหายอะไรมาก
การนึกถึงบุญกุศล นึกถึงคุณของพระศรีรัตนตรัยในยามคับขันของคุณอ้อย ทำให้จิตรวมตัวหยุดสนิทที่ศูนย์กลางกาย ใจของกายมนุษย์หยาบ และกายมนุษย์ละเอียดอยู่ตรงกัน อวัยวะส่วนอื่นๆ ก็พลอยซ้อนอยู่ตรงกันไปด้วยตาของกายมนุษย์จึงมองเห็นภาพในมิติละเอียดของกายฝัน มองเห็นมือใหญ่โตในอีกภพหนึ่งมาช่วยเหลือ
เรื่องที่สำคัญที่สุด คือต้องมีบุญกุศลทำเก็บสะสมเอาไว้ เวลาใดนึกถึงให้บุญช่วย บุญจะได้ช่วยเหลือเต็มที่ ถ้าไม่มีบุญอยู่ จะเรียกเอาบุญที่ไหนมาช่วย