ฟ้าผ่าแรงมากครับเสียงดังจนหูอื้อ ดีนะครับที่ มาผ่าในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์
ถ้าผ่าตามทุ่งนาแถวบ้านผม รับรองทั้งคน ทั้งควาย ดำเป็นตอตะโกครับ
คุณจำลอง จูงทรัพย์ เป็นชาวจังหวัดพิษณุโลก เขาและภรรยาคือคุณชลอได้พาครอบครัว มาทำบุญนั่งสมาธิบูชา แด่ปูชนียาจารย์ครบรอบ ๘๒ ปีที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ เข้าถึงธรรม และในวันนี้เอง ที่ทำให้คุณจำลองและทุกคน ได้ซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัย ที่ท่านได้ปกป้องคุ้มครองรักษา ให้ทุกคนรอดพ้นจากวิกฤตตรงนี้ได้ และเข้าใจคำว่า กฎแห่งกรรม ได้อย่างชัดเจน
ตัวคุณจำลองเอง
เมื่อเข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้ว
ได้หันหลังให้กับขวดเหล้า
อย่างสิ้นเชิง และยังให้ทุกคน ในครอบครัวรักษาศีล ๕ เป็นปกติ
คุณจำลองบอกว่า
ก่อนที่จะนำธรรมะ มาปฏิบัติ
อย่างจริงจังนั้น ที่บ้านทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง อิฐ, หิน, ดิน,ทราย และมีกิจการบ้านพัก
รีสอร์ทแบบครบวงจร คือ
เปิดร้านอาหาร
ก็ต้องมีเครื่องดื่ม
ของมึนเมา ควบคู่กันไปด้วย
คุณจำลองบอกว่าพอนั่งสมาธิฟังธรรมมากๆ เข้า พระ-อาจารย์เทศน์เรื่อง อาชีพต้องห้าม ๕ อย่างที่ควรเว้น ซึ่งที่ร้านขาย เครื่องดื่ม มึนเมา ก็เข้าข่ายในนั้นด้วย พอลงมือนั่งสมาธิ ทีไร เมื่อจิตเริ่มสงบ หิริโอตัปปะเกิดขึ้น ทนไม่ไหว ปรึกษากับครอบครัวแล้ว เลิกขายไปเลย ขายแต่อาหารอย่างเดียว ต่อมา ข่าวแพร่ออกไปทั่วจังหวัด ชาวบ้านต่างพูดกันว่า สงสัย บ้า เปิดร้านอาหาร แต่ไม่ขายเครื่องดื่ม ไม่ขายเหล้า แต่ในความเป็นจริง คุณจำลองกลับมีความสุขเพิ่มขึ้น สบายทั้งกายและใจ ไม่ต้องประกอบ ทางมาแห่งอกุศลอีกเลย
สองสามีภรรยา ผู้นำหลักของครอบครัว ประกอบทางมาแห่งบุญกุศล ทั้งบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา เป็นแบบอย่าง ที่ดีของลูกหลาน รู้ว่าลูกๆ กำลังอยู่ในวัย ต้องสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะให้กับ ครอบครัวของตนเอง แต่จากชีวิตที่ผ่านมา ประกอบกับ การได้ศึกษาธรรมะ ในพุทธศาสนา ทำให้ทั้งสองท่าน ทราบดีว่า เบื้องหลังแห่ง ความสำเร็จนั้น มีบุญกุศลเท่านั้น ที่เป็นเครื่องสนับสนุน ให้ประสบความสำเร็จ
ฉะนั้น ทุกครั้งที่งานบุญพิธีใหญ่ๆ ทั้งสองจึงหากุศโลบาย ให้ลูกหลานได้มาประกอบการกุศล ด้วยตนเอง ผลัดกันขับรถมาส่งบ้าง ถึงไม่เข้าไปร่วมในพิธี นั่งหลับบ้างตื่นบ้าง ก็ยังดีหวังว่า จังหวะไหนบุญส่ง เสียงบรรยาย ธรรมลอยไปเข้าหู เดี๋ยวบุญกุศลในตัวเขาเกิด เขาก็คงเข้าไปบำเพ็ญบุญเอง
ล่าสุดได้ชวนให้ลูกๆ มาร่วมงานบุญในวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๒
ให้ลูกเขยที่ชื่อคุณคำนึง
ทำหน้าที่สารถีแก้ว
พาทุกคนมาทำบุญ
โดยใช้รถตู้เป็นพาหนะ
ก่อนจะขึ้นรถ
ทุกคนต่างไม่ลืม
ที่จะอาราธนาองค์พระ
มาคล้องคอ แต่สำหรับคุณคำนึง
ลืมสนิทเลย
เรื่องสร้อยคอห้อยพระ
ภรรยาคือคุณรัชดา
เห็นสามีไม่หยิบสวมคอ
จึงนำใส่กระเป๋าถือ มาด้วย พอขึ้นรถพร้อมกันเรียบร้อย
ก่อนสตาร์ทรถ
คุณรัชดาก็ส่งสร้อย
รวมองค์พระให้สามีอีกครั้ง
คุณคำนึงก็รับมา
แต่นำไปวางไว้หน้ารถ
และได้กล่าวว่า ยังไม่ต้อง
เอาไว้ก่อน
เมื่อถึงวัดแล้ว
ทุกคนต่างเบิกบานอยู่ในบุญกัน
ได้ร่วมพิธี
จนกระทั่ง ถึงเวลาบ่ายสามโมง เมฆฝนตั้งเค้ามารอบทิศ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ สาธุชนทุกคน ที่อยู่ในสภาธรรมกาย ตั้งใจจะออกเดินกันไปที่ลาน มหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อไป ร่วม อธิษฐานจิต เวลาผ่านไปไม่ถึง ๑๐ นาที สาธุชนเรือนหมื่น ที่อยู่ในสภาฯ ก็ออกเดินทางมุ่งหน้า ไปลานเจดีย์กันหมด กลุ่มคุณจำลองตกลงกันว่า จะขับรถตู้ไปหาที่จอด บริเวณใกล้ๆ ลานเจดีย์ทางทิศเหนือ
แล้วทั้งหมดรวม ๘ คน จึงเดินออกจากสภาธรรมกาย เพียงแค่ก้าวแรกของหมู่คณะนี้ จู่ๆ ฟ้าก็เริ่มคำรามดัง...เปรี้ยง ทุกคนยังไม่สนใจ มุ่งหน้าขึ้นรถ พอขึ้นกันเรียบร้อย กำลัง สตาร์ทรถ มีเปรี้ยง ดังขึ้นมาครั้งใหญ่อีกครั้ง คราวนี้มันใกล้มาก ผ่าลงบริเวณห่างออกไป ทางด้านหลังของรถตู้เลยทีเดียว รู้สึกใกล้มาก จนทุกคนสะดุ้ง
เริ่มมีลางสังหรณ์ขึ้นแล้วถึงสองครั้ง
แต่ทุกคนก็ไม่สนใจ
ยังคงมุ่งหน้าไปเจดีย์อย่างเดียว
คิดว่า
มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ
ฝนฟ้าคะนอง
ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ขับออกไปทางซ้ายมือ เพื่อนำรถไปจอดทางด้าน บริเวณคลังเก็บวัสดุของ บริษัทคริสเตียนนี่ ซึ่งเป็น สำนักงานภาคสนาม คุมการก่อสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ อยู่ห่างจากองค์เจดีย์ เกือบกิโลเมตร เมื่อหา ที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัว ออกเดินกันทันที เพราะศูนย์กลางพิธี ยังอยู่อีกไกล และพิธี ก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว
ฟ้ายังคงคำราม สายฟ้าแลบจากที่ไกลๆ คนในกลุ่มนี้มีอยู่ ๘ คน คนเดินนำหน้าคือ น้องกัลยาณมิตร ผู้หญิง ถัดไปคือ คุณจำลอง อยู่ในตำแหน่งที่ ๒ เดินอย่างสง่า ห้อยพระมหาสิริ ราชธาตุ และเหรียญ หลวงปู่สด รวมแล้ว ๕ องค์ อันดับ ๓ ถัดจากคุณจำลองคือ คุณคำนึง ซึ่งได้ให้ลูกสาววัย ๖ ขวบ น้อง ณัญธิดา ขี่หลังอยู่ ส่วนคุณชลอ กับลูกชาย เดินเกาะ แขนซ้ายลูกสาว เดินคลอกันไป หลังสุดคือ เพื่อน กัลยาณมิตร คุณบรรจง คงเนตร ทุกคนต่างก็เดินคุยกันไป
จะด้วยถึงคราวเคราะห์ของคุณคำนึงหรือไม่ เพราะจังหวะที่เห็นฟ้าแลบ คุณคำนึงนึกสนุกพูดเล่นๆ ว่า คุณพ่อระวังเดี๋ยวฟ้าผ่านะ เดี๋ยวฟ้าผ่านะ ทุกคน ไม่ได้คิดอะไร เร่งฝีเท้า เพื่อให้ทัน ไปสมทบกับเพื่อนกัลยาณมิตร ซึ่งยืนอยู่หน้า ธรรมกายเจดีย์นับหมื่น ยังอีกไกลกว่าจะไป ถึงเพราะเพิ่งเดิน ออกห่างจากคลังวัสดุ ได้ประมาณ ๒๐ เมตรเท่านั้น
แต่อีก อึดใจเดียว หลังจากสิ้นเสียง ลูกเขยที่พูดบอกให้คุณจำลองเก็บพระ เดี๋ยวฟ้าผ่า เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เสียงดังเปรี้ยง พร้อมกับสายฟ้าสีเขียวปั๊ด แล่นลงมายัง กลุ่มคนทั้ง ๘ พุ่งลงมาหมายพิฆาตทุกชีวิต ในเวลาไม่ถึงเสี้ยวของวินาที ทุกคนกลุ่มนี้ ล้มคว่ำหน้ากับพื้นดินหมดสติ ยกเว้นคุณจำลอง และคุณชลอเท่านั้น
สองสามีภรรยา ผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยยืนงง และตกใจที่ในช่วงเวลา พริบตาเดียว ลูกเป็นอะไรไปหมด ทุกคนนอนนิ่ง คุณชลอเห็นลูกเขยล้มไป ต่อหน้าต่อตา หลานสาว ที่เกาะ หลังขี่คอพ่ออยู่ กระเด็นห่างออกไป คุณชลอ นึกลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อกี้พวกเราถูกฟ้าผ่า แล้วเราสองตายาย รอดมาได้อย่างไร คุณชลอไม่มีเวลาคิดอีกแล้ว เพราะ บุคคล อันเป็นที่รัก ที่เดินคุยคลอเคลียกันมา บัดนี้หมดสติหมดแล้ว
คุณชลอเข้าไปปลุกคุณคำนึงก่อน จับข้อมือดูชีพจรไม่เต้นเสียแล้ว พอดีคุณจำลอง รีบเข้ามาดูลูกเขยอีกแรง พยายามปั๊มหัวใจให้ คุณชลอรีบไปปลุกลูกสาว ด้วยใจที่เชื่อมั่นว่า เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นบนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนต้องปลอดภัย บุญกุศลที่ร่วมกันสร้างมา ต้องช่วยได้ เรียกลูกสาวอยู่ครู่หนึ่ง จนลูกเริ่มรู้สึกตัว ตอบรับว่า ได้ยินแม่เรียกแล้ว ใจเริ่ม ชื้น หันไปเขย่าลูกชาย ปลุกให้ตื่น ลูกชายก็รู้สึกตัวลุกขึ้น แล้วถามแม่แบบงงๆ ว่า เกิดอะไรครับแม่
ครู่ต่อมา ทุกคนที่ล้มคว่ำหน้าอยู่ฟื้นได้สติกันหมด ยกเว้นคุณคำนึง เพียงคนเดียว คุณคำนึงยังไม่ฟื้น
ทำไมเขาต้องประสบเคราะห์กรรมหนักกว่าคนอื่นๆ แม้แต่ลูกน้อยไร้เดียงสา ซึ่งตอนที่ฟ้าผ่าลงมานั้น ยังเกาะหลังพ่อเ ป็นชีวิตเดียวกัน แต่สายฟ้ายังไม่ลงทัณฑ์
คุณจำลอง สวมหัวใจ นักบุญ ผู้ไม่หวั่นไหวในชะตากรรม ต้องช่วยชีวิตของคุณคำนึง ฟื้นคืนมาให้ได้ ผลบุญต้องช่วย ผ่อนหนักให้เป็นเบา เขาคิด ว่า ถ้าเขาเชื่อภรรยาสักนิด ยอม คล้ององค์พระมหาสิริราชธาตุ ไว้กับตัว คงปลอดภัยเหมือนคนอื่นๆ คุณจำลองผู้เป็นพ่อตา พยายามปั๊มหัวใจช่วยลูกเขย ประจวบกับผู้เห็นเหตุการณ์ ต่างก็เข้ามาช่วยเหลือ รถของ บริษัทคริสเตียนนี่ รีบนำผู้ประสบเหตุทั้งหมด ส่งศูนย์พยาบาลภายในวัด คุณคำนึงก็ยังไม่ฟื้น คุณจำลองปั๊มหัวใจเป่าปาก พยายามต่อไปอีก ๑๕ นาที ทุกอย่างไม่ดีขึ้น คุณหมอ จึงนำคุณคำนึง ส่งโรงพยาบาลด่วน
คุณจำลองไปกับร่างที่ไร้ลมหายใจของลูกเขย พยายามเป่าปากลูกไปตลอดทาง นึกขึ้นได้รีบนำองค์พระ ที่สวมอยู่ ที่คอตัวเองทั้งพวง ๕ องค์ สวมให้คุณคำนึงทันที แล้วอธิษฐานจิต ขอให้ชีวิตของคุณคำนึง คืนมาอย่างเดียว ขอบารมีพระมหาสิริราชธาตุ หลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อ ทัตตชีโว คุณยายอาจารย์ ช่วยให้เขาฟื้นด้วย เหตุการณ์ ครั้งนี้ขออย่าให้เขาเป็นอะไรเลย ขอกรรมเก่าของเขา อย่าตามมาตัดรอนเลย ถ้าเขาต้องมาจบชีวิตที่นี่ ครอบครัวของคุณจำลอง จะรู้สึกเป็นหนี้พระพุทธศาสนา อย่าให้พระพุทธ ศาสนา มัวหมอง ด้วยกรรมที่ไม่ตั้งใจเลย ขอผลบุญใหม่ช่วยให้เขาฟื้น
พอถึงโรงพยาบาล คุณหมอต่างช่วยคนไข้กันอย่างเต็มที่ ตรวจเช็คร่างกายสักครู่ คุณหมอบอกหัวใจเริ่มเต้นแล้ว คุณจำลองดีใจ ที่หัวใจของลูกเขย กลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจาก หยุดการเต้นไป ร่วม ๑ ชั่วโมง แต่คุณหมอบอก ยังไม่หายใจ หมอได้ช่วยชีวิตคนไข้อีกครึ่งชั่วโมง จนคุณคำนึงเริ่มหายใจได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ ที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ร่วม ๑ ชั่วโมงแต่กลับขึ้นมาเต้นได้ดังเดิม เหมือนชุบชีวิตใหม่ แต่ถึงกระนั้น อาการก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ เพราะสมองไม่ได้รับอ๊อกซิเจน เป็นเวลานาน
คุณจำลองและคุณชลอ ยอดนักสร้างบารมี ผู้ไม่หวั่นไหวในการทำความดี มีจิตใจที่มุ่งมั่นแข็งแกร่ง รู้ได้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ เนื่องมาจากกฎแห่งกรรม มันเป็นของเฉพาะตน เข้าใจ อย่างชัดแจ้งว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จะให้บุคคลอื่น รับผลกรรม แทนตนเองไม่ได้ ทั้งกรรมในอดีต และกรรมในปัจจุบันชาติ
คุณจำลองและคุณชลอจะประกอบผลกรรมในอดีตมาอย่างไร เจ้าตัวไม่ทราบ แต่กรรมดีในปัจจุบัน ตามมาส่งผลคุ้มครองตัวของเขา จึงทำให้ความแรงของกระแสไฟฟ้า เป็นแสน โวล์ตในครั้งนี้ ไม่สามารถทำอันตรายใดๆ โดยที่ไม่ระคายเคือง แม้แต่ผิวหนัง ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์ฟ้าผ่าทั่วไป สิ่งของที่อยู่บริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของต้องพังพินาศ โดยเฉพาะ สิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าได้ดี ต้องมีลักษณะ ดำเป็นตอตะโก
การที่ทุกๆ คน ที่ถูกกระแสไฟฟ้าขนาดน ี้และร่างกายสามารถกลับมาหายเป็นปกติได้ดังเดิม ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ก็เพราะแรงกรรมดี ที่ตามมาคอยส่งผล ให้กรรมชั่วที่เกิดขึ้น อ่อน กำลังลง เปลี่ยนจากหนักให้เป็นเบา
ร.ป.ภ. ที่ยืนอยู่หน้าป้อมยามบริษัทคริสเตียนนี่ ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดยืนยันว่า ฟ้าผ่าแรงมากครับ เสียงดังจนหูอื้อ ดีนะครับที่มาผ่าใน ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผ่าตาม ทุ่งนาแถวบ้านผม รับรองทั้งคน ทั้งควาย ดำเป็นตอตะโกครับ ร.ป.ภ. คนเดิม กล่าวย้ำอีกว่า ผมต้องอัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมองเห็นลุงกับป้า ซึ่งยืนอยู่กลางกลุ่มคน ที่ถูกสายฟ้า ฟาด แต่ลุงกับป้า กลับไม่เป็น อะไรเลย ผมเห็นกับตา และเชื่อแน่ว่า อานุภาพ ของพระมหาสิริราชธาตุนี่ ท่านตามคุ้มครอง ผู้ที่สั่งสมความดีไว้มากๆ พ้นจาก อันตรายได้ อย่าง อัศจรรย์
คุณจำลองและคุณชลอได้วิงวอน ขอร้องต่อสื่อมวลชน ผ่านทีมงาน อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุว่า
ผมเองในฐานะของผู้ประสบเหตุ อยากจะขอร้องให้ทางสื่อมวลชน เสนอข่าวไปตามความเป็นจริง เราเป็นชาวพุทธ เราต้องเข้าใจเรื่อง กฎแห่งกรรม มีผู้คนนับหมื่น ในลานมหา ธรรมกายเจดีย์ แต่ฟ้าก็เลือกจะมาผ่า เฉพาะครอบครัวของผม มันเป็นเรื่องเฉพาะของบุคคล ไม่ใช่เรื่องสาธารณชน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ ผมเข้าใจว่า ชาวพุทธทุกคน ต่างก็เข้าใจดี ว่า มันเกิดขึ้นจากแรงกรรม
ขอร้องท่านอย่าได้เสนอข่าว ไปในทางชี้นำให้มวลชนว่า เป็นเหตุอาเพท อาเพิทอะไรเลย เพราะจะทำให้คนเข้าใจผิด และไม่กล้ามาทำความดี สร้างบุญบารมี ท่านนำไป พาดหัว เสนอข้อข่าวว่า ฟ้าผ่าเจดีย์วัดพระธรรมกาย ผ่าเปรี้ยงกลางวงพิธีกรรม ผมขอยืนยันเลยนะครับ ฟ้าไม่ได้ผ่ากลางลานพิธี จุดที่ฟ้าผ่า อยู่ที่หน้าสำนักงานสนาม ของบริษัท คริสเตียนนี่ และเหตุเกิดก่อน ที่พิธีจะเริ่ม และสาธุชนที่อยู่ศูนย์กลางพิธี ก็ไม่มีใครทราบ และผมก็ไม่อยากให้ทราบด้วย เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว สาธุชนทุกท่าน ยังคงร่วม พิธีกัน อย่างเบิกบาน ผมคงไม่นำเรื่องส่วนตัว ไปตัดรอน ทางมาแห่งบุญของคนอื่นเขาหรอก
การที่ท่านเสนอข่าวไปแบบนี้ มันมีผลเสียหายต่อวัด ต่อพระพุทธศาสนา อย่างโหดร้ายที่สุด ทำลายศรัทธาของคนดี ทำให้คนดีไม่อาจหาญ ในการทำความดีต่อไปได้ ผมและ ครอบครัว ยังคงยึดมั่นในการทำความดี และเชื่อว่าวัดพระธรรมกาย เป็นวัดที่ดีของชาวพุทธ เป็นโรงเรียนสอนศีลธรรมที่ดีที่สุด ใครก็ตาม ที่ได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม ที่วัดนี้แล้ว ก็จะสามารถซึมซับคุณธรรมความดี ที่ทางวัดได้สั่งสอนให้ทุกคน ทำความดี และเว้นความชั่วและทำจิตใจให้ผ่องใส เพื่อจะได้เป็นคนดีของสังคม และประเทศชาติสืบไป