อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๐๗. ขออภัยมิใช่หมอผี

 

ดิฉันไม่ใช่แม่มดหมอผี ไม่ใช่หมอน้ำมนต์อะไรหรอก
เป็นคนเข้าวัด ไม่มีคาถาอาคม ดิฉันเพียงไหว้
บูชาพระรัตนตรัย ขอท่านคุ้มครองคนป่วย

คุณยาย ไพศรี จันตรี อายุ ๖๓ ปี อยู่อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เข้าวัดตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๙ มาจนถึงปัจจุบัน คุณยายชอบฟังธรรมะจาก พระเดชพระคุณ หลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อทัตตชีโว พระภิกษุสงฆ์ทุกรูป รวมทั้ง คุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เวลาฟังแล้ว ก็นำมาปฏิบัติ และถ่ายทอดคำสอนให้ลูกหลาน และญาติมิตรได้นำไปปฏิบัติด้วย

คุณยาย ไพศรี จันตรีคุณยายไพศรี ได้ร่วมงานบุญครั้งแรก คือวันมาฆบูชา และมาร่วมงานบุญใหญ่ในครั้งต่อๆไป จนระยะหลังๆ สั่งสมบุญบารมี มากขึ้น จึงมาทุกต้นเดือน และพอวัดพระธรรมกาย เจอวิกฤติ ถูกโจมตี คุณยายยิ่งต้องมาทุกอาทิตย์ บางครั้งก็มานอนธุดงค์ คุณยายไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย ถึงแม้อายุจะล่วงสู่วัยชรา ไม่เคยท้อต่อสังขาร มีหัวใจมุ่งมั่น สร้างบารมี เต็มร้อย คุณยายบอกว่า เรารักในพระพุทธศาสนา เราเป็นหนี้บุญคุณหลวงพ่อ และคุณยายอาจารย์มาเยอะ ชีวิตเรายังสู้ได้ เราต้องสู้ เมื่อไหร่ไม่ไหวจริงๆ ค่อยว่ากันต่อไป 

คุณยายผู้มีหัวใจยอดนักสร้างบารมีเต็มเปี่ยม มีจิตใจเมตตากรุณา ได้เอื้อเฟื้อที่บ้าน เป็นสถานปฏิบัติธรรม จะรวมกลุ่มสมาชิก มาร่วมปฏิบัติธรรม ทุกวันพฤหัสบดี และเมื่อ หลวงพ่อ มีโครงการเปิดบ้านกัลยาณมิตร คุณยายก็ได้เปิด บ้านกัลยาณมิตรด้วย โดยวันอื่นๆ ที่ไม่ใช่วันพฤหัสบดี ก็จะมีสมาชิกในครอบครัว ร่วมกันสวดมนต์ ประมาณ ๗ คน รวมทั้ง หลานเล็กๆ อายุ ๓ ขวบกว่า และอายุ ๗ ขวบ หลานทั้งสอง สวดมนต์ทำวัตรเย็น และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ได้เสียงแจ๋ว และจำได้หมดเลย เพราะหลานๆ จะได้ยินคุณยายสวดอยู่เป็นประจำ 

ทุกคนจะสวดพร้อมๆกัน โดยมีคุณตาหรือไม่ก็คุณยายนำ สวดกันได้ถึง ๑ ชั่วโมง ๒๐ นาทีทุกวัน คุณยายนั้น จะนั่งธรรมะตอนเช้า ทุกวัน บางวัน ถ้ามีเวลา ก็จะสวดมนต์ทำวัตร เช้า คุณยายสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ ซึ่งในแต่ละวัน คุณยายจะสวดหลายจบมาก

คุณยายทำบุญสร้างพระธรรมกาย ประจำตัวมาตั้งแต่เริ่มสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ ได้พระของขวัญเป็นพระผง และพระองค์อื่นๆ อีก จนกระทั่งทำบุญปิด องค์พระภายนอก ทำบุญ องค์พระแกนกลาง บูชาธรรมคุณยาย อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ทำบุญอย่างต่อเนื่อง มาโดยตลอด บุญบารมีในตัวของคุณยาย จึงสามารถช่วยเหลือ ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เจ็บป่วยทั้งทางกาย และทางใจ 

คุณยายจะช่วยทุกคนที่มีโอกาสเพื่อเอาบุญไม่หวังสิ่งตอบแทน และเชื่อในคุณของพระรัตนตรัย เวลาที่คุณยายไม่รู้จะพึ่งอะไร จะนึกถึงพระรัตนตรัยก่อนเสมอ และสิ่งนี้ก็ได้ช่วย ญาติๆ ของคุณยายได้จริงๆ รวมทั้งความบริสุทธิ์ใจ และความเมตตากรุณา ทำให้คำอธิษฐานของคุณยาย เป็นผลสำเร็จ ตามที่ใจคิดไว้

คุณยายเล่าว่า คุณยายทำน้ำมนต์พระมหาสิริราชธาตุ จนญาติๆ ทุกคน เชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ของ พระรัตนตรัย เพราะเมื่อเขาดื่มแล้ว หายทุกราย และญาติคุณยาย อีก คนหนึ่งชื่อ คุณบุญเลียง โสมสุพรรณ เป็นหญิงอายุ ๕๐ กว่าปี ป่วยกะทันหัน เป็นโรคน้ำท่วมปอด ในราวปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๒ 

ตอนแรกๆ คุณบุญเลียง บอกว่ารู้สึกเป็นไข้ตัวร้อน แต่ทานยาไม่หาย จากนั้น อาการก็กำเริบหนักขึ้น มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจ ไม่ทั่วท้อง นอกจากนี้ คุณบุญเลียง ยังมีโรค ประจำตัว คือโรคเบาหวานอีก อาการเหนื่อย หอบยิ่งเพิ่มขึ้น จนเดินไม่ไหว เริ่มไม่ทานข้าวปลาอาหาร ร่างกายเริ่มซูบผอมลง จนลูกๆ ต้องนำส่ง โรงพยาบาล ประจำอำเภอ อยู่ที่ โรงพยาบาลได้ ๒ วัน อาการเพียบหนัก หมดสติ จนต้องนำรถพยาบาล ส่งโรงพยาบาล ประจำจังหวัด ซึ่งระยะทางห่างกัน ประมาณ ๓๕ กม. ต้องให้อ๊อกซิเจน มาตลอดทาง คุณบุญเลียงไม่รู้สึกตัวเลย

คุณบุญเลียงนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล

พอถึงโรงพยาบาล เวลาประมาณบ่ายโมง คุณหมอรีบนำเข้าห้องไอซียู ลูกๆ ของเธอจึงโทรศัพท์ ขอให้คุณยายช่วยไปดู คุณยายไปถึงเวลาประมาณ ๔ โมงเย็น ขณะนั้น คุณหมอ ได้นำคนป่วย ออกจากห้องไอซียู มาอยู่ที่ห้องรวม คุณยายรีบไปจับตัวคนป่วย รู้สึกใจหาย ที่ลำตัวของเธอเย็นเฉียบ ตัวแข็งทื่อ ได้แต่นอนนิ่งๆ ญาติๆ ต่างก็บอกคุณยายว่า เธอคง ไม่รอดแล้ว และปรึกษากันว่า จะนำเธอกลับบ้าน แต่คุณยายคัดค้านเอาไว้ บอกว่า ยังไงๆ เธอก็จะไม่อยู่กับเรา ก็ขอให้อยู่ในมือหมอไปก่อน ถ้าเราเอาอ๊อกซิเจนออก ก็เหมือนเรา ฆ่าเขาทางอ้อม ปล่อยเป็นหน้าที่ของหมอเสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน 

พอตกลงกันได้ดังนั้น คุณยายก็หาวิธีช่วยคนป่วยอีกทาง แต่ไม่รู้จะใช้วิชาความรู้สมัยใหม่ที่ไหนมาช่วย ก็พึ่งบุญเท่านั้น ที่จะช่วยเธอได้ตอนนี้ พอคิดได้ดังนั้น คุณยายก็กระเถิบ เข้าไปใกล้คนป่วย กระซิบข้างหูคนป่วยว่า ฟังนะ ยายจะสวดมนต์ให้ฟัง

ก่อนสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ คุณยายพนมมือขึ้น กล่าวถึงคุณพระศรีรัตนตรัยดังนี้ ขออำนาจ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้ว ไม่ว่า จะเป็นบุญอะไรก็ตาม และขออาราธนา อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ให้เห็นฤทธิ์เห็นเดชว่า บุญบารมีพระรัตนตรัย ช่วยเหลือคนได้จริงๆ ขอให้สัมฤทธิผล ด้วยเถิด

จากนั้น ก็นำองค์พระมหาสิริราชธาตุ ที่ทำบุญองค์พระแกนกลาง ประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ไปใส่ในมือคนป่วย และกำมือคนป่วยไว้ตลอด สวดสรรเสริญ พระมหาสิริราช ธาตุ ๑ จบ พอสวดจบประมาณ ๑๐ นาทีผ่านไป คนไข้เริ่มกระดุก กระดิกนิ้วมือได้ คุณยายจึงรีบ กระซิบข้างหูเธอเรื่อยๆ ให้นึกถึงบุญที่เคยสร้างมา ซึ่งเขาเคยมาทำบุญ ที่วัดพระ ธรรมกาย ๒ ครั้ง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๓๖ 

สักพักคนป่วยเริ่มกระดิกนิ้ว แต่ยังไม่ลืมตา ไม่พูดอะไร คุณยายจึงพูดบอกญาติเขาว่า อย่าเพิ่งให้เขากลับบ้านนะ ยายจะกลับไปทำธุระที่บ้านก่อน แล้วจะให้เด็กมา

คุณยายกลับมาถึงบ้านรีบนำพระมหาสิริราชธาตุ มาทำน้ำมนต์ และให้เด็กไปส่งให้คนป่วย ที่โรงพยาบาล พร้อมกับกำชับว่า หากคนป่วยยังไม่รู้สึกตัว ก็ให้ญาตินำน้ำมนต์ เช็ดตัว และหยดใส่ปากก่อน แต่เมื่อเด็กไปถึงที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าคนป่วยฟื้นแล้ว และยังถามญาติว่า ตนเองอยู่ที่ไหน มาได้อย่างไร

พอรุ่งเช้า คุณยายไพศรีไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาล เธอรีบยกมือไหว้ขอบพระคุณ ตลอดช่วงเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ญาติให้ดื่มน้ำมนต์ โดยใส่หลอดให้คนป่วยดูด อาการเริ่มดีขึ้น เรื่อยๆ เธอพักอยู่ที่โรงพยาบาล ๓ วันหมอก็ให้กลับบ้านได้

คุณบุญเลียงหายป่วย เพราะอานุภาพบุญ

วันที่คนป่วยออกจากโรงพยาบาล มีพยาบาลท่านหนึ่ง ซึ่งเคยจ้องมองคุณยาย ตอนที่คุณยาย สวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ด้วยความแปลกใจสงสัย ซึ่งตอนนั้น คุณยาย เห็นเธอจ้องมองด้วยความสงสัย จึงพูดบอกไปว่า ดิฉันไม่ใช่แม่มดหมอผี ไม่ใช่หมอน้ำมนต์อะไรหรอก เป็นคนเข้าวัด ไม่มีคาถาอาคม ดิฉันเพียงไหว้บูชา พระรัตนตรัย ขอท่าน คุ้มครองคนป่วย ที่ทำนี่ก็น้ำมนต์ของพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์นี้ เป็นเสมือนตัวแทน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

คุณบุญเลียงกลับมาพักฟื้นที่บ้านคุณยาย และดื่มน้ำมนต์ไปด้วย ซึ่งคุณยายชวนสวดมนต์ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ พร้อมกันทุกวันด้วย จนอาการคุณบุญเลียงดีขึ้นมาก หน้าตาสดใส จากคนป่วยที่เคยผอมมาก จนแทบเอาชีวิตไม่รอด กลับมีหน้าตาเปล่งปลั่งเป็นสีชมพู อ้วนท้วนสมบูรณ์ ดูไม่มีเค้าเลยว่า เคยเจ็บป่วยหนัก มาก่อน เจ้าตัวเองก็เชื่อมั่นว่า ด้วยอานุภาพบุญขององค์พระรัตนตรัยจริงๆ ที่ทำให้เธอมีชีวิตรอด มาได้จนทุกวันนี้

คุณยายไพศรี ทำบุญต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอตลอดมา และศรัทธาในพระรัตนตรัย อย่างหนักแน่น และมั่นคงเป็นพิเศษ การทำน้ำมนต์ที่เปี่ยมไปด้วย อานุภาพ จึงไม่ใช่เรื่องยาก ประกอบกับ คนป่วยมีศรัทธาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อป่วยหนัก แม้ดูภายนอก คล้ายไม่มีความรู้สึกรับรู้เหลืออยู่ แต่หลักวิชาแพทย์ ประสาทหูเป็นอวัยวะที่ดับทีหลังที่สุด เมื่อคุณยายไพศรี กระซิบ สวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ คนป่วยจึงได้ยิน และเกิดกำลังใจ ทำให้ร่างกาย ปรับตัวสู้อาการเจ็บป่วย ทำให้หายได้เป็นอัศจรรย์ 


[สารบัญ] [๔๐๕] [๔๐๖] [๔๐๗] [๔๐๘] [๔๐๙] [๔๑๐]