ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่า มีบางอย่าง ผ่านลำรถผมไปเสียงเฟี้ยว... เฟี้ยว แต่ไม่เป็นอะไรอัศจรรย์จริง...จริง
คุณอนุชัย ปรีดาพัฒน์พงศ์ เล่าถึงประวัติของตนเองที่น่าสนใจว่า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๙ ชีวิตของเขาเปลี่ยนจุดหักเหจาก วัยรุ่นวัยคะนอง มาเป็นชีวิตที่มีเป้าหมาย เพราะเมื่อตัดสินใจ ลองมาอบรมบวชธรรมทายาท ตามคำชวนของพี่ชาย จากคนที่ไม่รู้เรื่อง ในพุทธศาสนาเลย เขาเริ่มเข้าใจชีวิต และสามารถมีมุมมองของชีวิต ที่แตกต่างจากเมื่อก่อน โดยสิ้นเชิง เขาได้เรียนรู้ ประสบการณ์ที่วิเศษที่สุดว่า นอกเหนือจากการดำเนินชีวิตทางโลก ที่เป็นชีวิตภายนอกแล้ว คนเราทุกคน ยังมีชีวิตภายใน ที่ละเอียดอ่อนประณีต มีความสุขเยือกเย็น
คุณอนุชัยเริ่มนั่งสมาธิครั้งแรกในชีวิต ตอนที่เข้ามาอบรม ขณะที่นั่งตามพระอาจารย์แนะนำนั่งๆ ไป เอ๊ะในตัวของเรา มีความสว่างภายในด้วย พระอาจารย์ท่าน ก็แนะนำต่อว่า ให้นำใจไปวางไว้กลางกาย ความสว่างยิ่งนานยิ่งนิ่งๆ ความ สงบก็เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความสงบนั้น ทำแบบนี้อยู่หลายวัน เขาบอกว่า มีความสุขเบิกบานจังเลย ต่างกับความสุข ที่เคยได้เล่นกีฬา หรือได้เฮฮากับกลุ่มเพื่อน
ตั้งแต่นั้นมาหลังจาก จบการอบรมลาสิกขาบทแล้ว ชีวิตของเขาไม่ได้ห่างไกลจาก พระรัตนตรัยอีกเลย อุทิศตนช่วยงาน สืบทอดอายุพระศาสนา โดยการเป็นอุบาสก อยู่ที่วัดพระ ธรรมกาย ควบคู่ไปกับการทำสมาธิ อบรมใจของตนเอง เพื่อที่จะได้ไปเรียนรู้ชีวิตภายใน ที่น่าศึกษาให้มากยิ่งขึ้นอีก
เขาได้เล่าถึงประสบการณ์ชีวิต ที่เหลือเชื่อ เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๒ ที่ผ่านมานี้ วันนั้นเวลาประมาณบ่าย ๔ โมงเย็นเขาตั้งใจว่า วันนี้จะกลับไปสวดมนต์ที่บ้าน พร้อมทั้งจะนำเทปโอวาท นำนั่งสมาธิของหลวงพ่อธัมมชโย ชุดแบบอย่างของนักสร้างบารมี ได้ฟังแล้วดีมาก จะนำไปเปิดให้สมาชิกในบ้านฟัง ขณะนั่งสมาธิ เพราะที่บ้าน เปิดเป็น บ้านกัลยาณมิตร
วันเสาร์ฝนตกรถติด คำพูดนี้เหมาะกับบรรยากาศของวันนั้นจริงๆ ฝนตก ถนนค่อนข้างลื่น รถก็วิ่งติดกันเป็นแพ ชนิดที่ว่าเกิดอะไรขึ้น กับรถคันข้างหน้า รถที่ตามหลัง มาเป็นขบวน ถ้าไม่ทันระวัง ต้องเจอปฏิกิริยาลูกโซ่แน่นอน คุณอนุชัยขับรถไปด้วยความเร็ว ๗๐ กม./ชม. ขับมาจนถึง ถนนวงแหวนตะวันออก (มอเตอร์เวย์) ช่วงรามอินทรา ถนนเส้นนี้เป็น วันเวย์มี ๒ เลน รถทุกคันขับตามกัน เป็นขบวนยาวเหยียด คุณอนุชัยขับมาเรื่อยๆ จนใกล้จะถึง ทางแยกลำลูกกา ต้องขึ้นบนสะพาน ขณะรถกำลังเคลื่อนตัว อยู่บนสะพาน รถคัน ข้างหน้า เกิดชลอความเร็ว คุณอนุชัยจึงต้องลดความเร็วกะทันหัน กลางสะพาน ซึ่งมีราวกำแพงกั้นไว้ทั้งสองข้าง แต่เผลอไปแตะเบรค โดยลืมไปว่า หลายคนเคยบอกว่า ถนนเส้นนี้ เวลาฝนตกจะลื่นมาก อย่าแตะเบรคเป็นอันขาด
ทันทีที่แตะเบรคเบาๆ เหตุการณ์กลับพลิกผัน เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ยากต่อการควบคุม รถของคุณอนุชัย เสียการทรงตัว หมุนอยู่กลางสะพาน ท่ามกลางขบวนรถมากมาย ทั้งรถ ปิคอัพ ๔ ล้อ ไปจนถึงรถบรรทุก ๑๐ ล้อ ๑๘ ล้อที่วิ่งตามกันมา วินาทีนั้น เขาไม่สามารถจะควบคุมพวงมาลัยได้ รถได้หมุนเองรอบแรกผ่านไป รอบที่สอง หัวรถเริ่มเฉไปทางราว สะพาน ที่เป็นกำแพงคอนกรีต ปิดกั้นความสูงเอาไว้ ขณะเกิดเหตุสุดวิสัย ใจของคุณอนุชัย มุ่งหยุดไปที่ศูนย์กลางกาย โดยอัตโนมัติ ราวกำแพงใกล้เข้ามา ทุกทีทุกที คิดในใจว่า ชนแน่ไม่มีทางเลือก
ทางเลือกสำหรับอุบาสก ผู้ยึดมั่นอยู่ในพระรัตนตรัย อย่างคุณอนุชัย มีทางเดียวคือ บุญ รีบตั้งจิตอธิษฐาน ขอบารมีของ พระมหาสิริราชธาตุ อันศักดิ์สิทธิ์ และบารมีของหลวงพ่อ ธัมมชโย ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย ช่วยคุ้มครองลูกด้วย ช่วงนี้ใจจรดศูนย์กลางกายอย่างเดียว
ในวินาทีต่อมา รถของเขาที่กำลัง ไถลไปข้างหน้า โดยมีกำแพงราวสะพาน เป้าหมายก็เปลี่ยน ทิศทางเบนหัวไปทางขวามือ รถยังคงเหวี่ยง เป๋ไปเป๋มา กลางสะพานแคบๆ ขณะนั้น ยังควบคุมรถไม่ได้ รถหมุนตัวราวกับโลกทั้งโลก มีรถของคุณอนุชัยเพียงคันเดียว ทั้งที่ความเป็นจริง มีรถวิ่งตามหลังรถของคุณอนุชัย มาเป็นขบวนยาวเหยียด ไม่รู้ว่า รถขบวน รถสิบล้อ สิบแปดล้อ วิ่งผ่านรถของคุณอนุชัย ไปได้อย่างไร แต่ในขณะที่รถยังหมุนเหวี่ยง ตัวของมันเองอีกรอบครึ่ง จึงจะสงบลงได้ และจอดสนิท กลางสะพาน คร่อมอยู่ทั้งสองเลน แต่รถหันหัว กลับตาลปัตร ย้อนไปทางทิศเดิม ที่วิ่งมา จอดขวางทาง ๔๕ องศา คุณอนุชัยโล่งอก ที่ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ตรงนี้ไปได้
คุณอนุชัย นึกทบทวนดูช่วงที่รถหมุนรอบทิศอยู่นั้น น่าแปลกใจว่า ขบวนรถที่ตามมา สามารถหลบรถของเขาไปได้อย่างไร สะพานก็แคบๆ ยังจะมีช่องให้รถหลบได้อีกหรือ แล้วรถ ที่วิ่งอีกเลน ทำไมไม่ชนกัน ในขณะที่รถเป๋ไปเป๋มา คุณอนุชัยบอกว่ามีความ รู้สึกว่า มีวัตถุบางอย่าง วิ่งผ่านกลางรถของเขาไป พร้อมกับเสียงดัง เฟี้ยว... เฟี้ยว ดังเป็นระยะๆ หาเหตุอะไรมารองรับไม่ได้ เหตุการณ์เกิดขึ้น รวดเร็วมาก แต่ไม่เกิดอันตรายใดๆ รถทุกคันที่อยู่ในช่วงเวลาตอนนั้น วิ่งผ่านไปได้ เหมือนกับ ไม่มีรถของคุณอนุชัยเลย
คุณอนุชัยกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ผมปลอดภัยได้เพราะ อานุภาพของคุณพระศรีรัตนตรัย ผ่านองค์พระมหาสิริราชธาตุ จากเหตุการณ์นี้ ผมเชื่อแล้ว ท่านสามารถคุ้มครอง ให้รถของ ผม ทะลุมิติได้จริง ซึ่งแต่ก่อน ผมอ่านเรื่องราวอานุภาพของบุคคลอื่น ผมยังคิดในใจว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร ทางเหลือแค่เมตรเดียว รถหดตัวผ่านไปได้ ตอนนี้ เชื่อพันเปอร์เซ็นต์ ครับ รถผมหมุนสองรอบครึ่ง กลางสะพานแคบๆ แต่รถที่วิ่งตามมาสองเลน ผ่านรถผมไปได้ โดยไม่เกิดอุบัติเหตุชนกัน ทั้งที่ตอนนั้น ผมมีความรู้สึกว่า มีบางอย่าง ผ่านลำรถผมไป เสียงเฟี้ยว...เฟี้ยว แต่ไม่เป็นอะไร อัศจรรย์จริง...จริง
แต่ละครั้งที่เล่าเรื่องทะลุมิติ ทำนองเดียว กับเรื่องนี้ คนที่เชื่อมากที่สุด คือคนที่ประสบเหตุดังกล่าวนั้น ด้วยตนเอง คนอ่านอื่นๆ ก็จะสงสัย เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ในตอนนั้น จึงยากที่จะเข้าใจ เพราะอานุภาพของพระรัตนตรัยนั้ นเป็นอจินไตย เหนือจินตนาการ และการคาดเดา
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ทุกอย่าง ต้องมีแรงกรรม เป็นตัวกำหนดอยู่เสมอ การเกิดอุบัติเหตุทุกครั้ง ถือว่ามีแรงบาป มาส่งผลให้เกิด ถ้าเกิดอุบัติเหตุจริง แต่ความเสียหายไม่มี อย่างราย คุณอนุชัย ที่เล่าถึงอยู่นี้ แสดงว่า มีแรงบุญคุ้มครอง รักษาเอาไว้เป็นอย่างดี พวกรถที่วิ่งตามมาข้างหลัง เบรคกระทันหันไม่ทัน ขับผ่านรถคุณอนุชัยไป เหมือนทะลุมิติ ก็หมาย ความ ว่า คนขับรถคันนั้น ไม่มีหนี้บาปอะไร จึงปลอดภัยในพริบตา ที่เรียกว่าพริบตา เพราะการหมุนของรถคุณอนุชัยถึง ๒ รอบครึ่ง แต่ละรอบเท่ากับ ๓๖๐ องศา
รถที่ถือว่า วิ่งทะลุมิติไปได้โดยปลอดภัย จะต้องผ่านรถคุณอนุชัย ในช่วงที่ตัวรถหมุน อยู่ในลักษณะขนานกับถนน ถ้าหมุนอยู่ในลักษณะขวางถนน เป็นต้องชนกันแน่นอน แต่ เหตุการณ์ครั้งนี้ กลับไม่มีใครเป็นอะไรเลย
ทางที่ดีเวลาเดินทาง ควรมีสติขับด้วยความระมัดระวัง และให้ใจคิดอยู่แต่เรื่องที่เป็นกุศล เช่นคุณของพระรัตนตรัย หรือแม้คุณของเทวดา ที่ดูแลองค์พระ มหาสิริราชธาตุของเรา ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่ความงมงาย เพราะแม้ในการฝึกสมาธิด้วย อนุสติ ๑๐ ประการ ยังมีให้ระลึกถึงคุณของเทวดา ที่เรียกว่า เทวดานุสสติ เพราะการเป็นเทวดา จะต้องเคยทำ ความดีไว้ด้วย สัปปุริสธรรม ๗ ได้แก่ ศรัทธา ศีล จาคะ สุตะ ปัญญา หิริ โอตตัปปะ
เมื่อระลึกถึงคุณของเทวดาอย่างนี้ จิตย่อมเกิดกุศล ได้ความปีติอิ่มเอิบ ไม่แกว่งไปในราคะ โทสะ โมหะ อันทำให้เศร้าหมองเร่าร้อน เมื่อบุญกุศล เกิดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดินทาง บาปกรรมที่กำลังจะตามทัน จะถูกแรงบุญเบียดเบียน ให้อ่อนกำลัง เรื่องร้ายแรง ก็จะผ่อนเป็นเบา เรื่องเบาก็หายไป
ขอย้ำเรื่องเทวดาอีกนิดว่าไม่ใช่เรื่องงมงาย ในอังคุตตรบาลี แสดงว่า การเคารพเทพเจ้า ที่สิงสถิตอยู่ในบ้านเรือน ในหมู่บ้าน ย่อมเกิดมงคล ในมหาปรินิพพานสูตร แสดงว่า การเคารพต่อ เจ้าที่เจ้าทาง ย่อมได้รับการคุ้มครอง ผลประโยชน์ให้ ในรัตนสูตร แสดงว่า บุคคลผู้บูชาสักการะปวงเทพยดานั้น ย่อมได้รับเมตตาจิต เป็นการตอบแทน
ในมหาปรินิพพานสูตร อีกตอนหนึ่งว่า บุคคลใดขาดคารวะต่อเจ้าที่ เจ้าทาง ย่อมได้ประสบภัย ที่จะมีมาโดยไม่รู้ ในเปตวัตถุพระบาลี แสดงว่า ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นผู้คุ้มครอง มนุษยโลก ผู้ใดทำการบูชาท่าน ตัวย่อมไม่เสียผล ในการบูชา จะได้รับความสุข ความสบาย เป็นเครื่องตอบแทน
ทั้งนี้เทวดาย่อมมีจิตใจเหมือนมนุษย์ทั่วไป ใครดีด้วยก็ย่อมมีไมตรีจิตให้ แต่ถ้าใครจะไม่สนใจเทวดาเลย จะยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะก็ไม่ผิด แต่ไม่ควรว่า หรือ เข้าใจผิดว่า ผู้ที่นิยมบูชาเทวดานั้น งมงาย เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นประโยชน์ทั้ง ๒ อย่าง บูชาพระรัตนตรัย อันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ได้บุญกุศล บุญนั้นเอง คุ้มครองตนเอง ส่วนบูชาเทวดา ได้เมตตาจิตจากเทวดา จึงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ที่จะถือปฏิบัติ เพราะไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ดีทั้งนั้น