บทสัมภาษณ์ของกิ่งฉัตร

สัมภาษณ์กิ่งฉัตรจากสกุลไทยเล่ม     สัมภาษณ์โดย ประภัสสร เสวิกุล

วันนี้ของกิ่งฉัตร... นักเขียนที่มาจากนักข่าว (หน้า 3)


สัมภาษณ์หน้า 1  2  3

จะให้หยิบงานสักชิ้นหนึ่งของคุณกิ่งฉัตรที่เป็นชิ้นโบแดง    จะเลือกงานชิ้นไหนครับ

กิ่งฉัตร    ไม่มีค่ะ

แล้วของคนอื่นละครับ

กิ่งฉัตร    จริงๆเยอะมาก     ให้ตัดสินใจเลยว่าเรื่องไหนคงไม่ได้เพราะจะเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง    เอาเป็นเรื่องที่ ประทับใจตั้งแต่เด็กนะคะ      จริงๆก็คงจะเป็นเรื่อง "เพชรพระอุมา"    เพราะว่าใช้เวลาอ่านมาก   และมีบรรยายที่ละ เอียดจนกระทั่งเห็นภาพได้     บางคำพูดยังติดอยู่ในความทรงจำอยู่      และหลังจากนั้นอีกหลายเรื่อง    ชอบ "ทางรัก" ของคุณทมยันตี   เพราะเป็นนิยายรักเรื่องแรกๆที่อ่าน     เป็นแนวโรแมนติคกระจุ๋มกระจิ๋มและมีฉากต่างประเทศ    เราก็รู้สึกว่าอยากไปเยอรมนีมาก     หลายๆเรื่องของคุณโบตั๋นก็จะชอบอย่าง "ปลายฝนต้นหนาว"    บอกไม่ได้ว่าาชอบ อย่างไร    แต่รู้สึกว่าอ่านแล้วติดดิน     รู้สึกตัวละครมีตัวตน     มีชีวิต   มีข้อบปพร่อง     มีอะไร    ซึ่งเรายังเขียนไม่ได้ถึง ระดับนั้นก็เลยมีความรู้สึกชอบ

และงานยุคก่อนๆ     ก่อน พนมเทียน    ก่อนทมยันตี  ขึ้นไปละครับ

กิ่งฉัตร   ไม่แน่ใจว่าจะยุคก่อนหรือเปล่า      ของคุณ "ศุภร บุนนาค"    เรื่อง "แม้ความตายมาพราก"    3 เล่มจบ  ซึ่ง ตอนหลังไปหาซื้อไม่ได้    เป็นเรื่องที่ดี และเอ่ยถึงประจำเพราะว่าเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเขียนหนังสือ   เพราะเขาเขียนสนุก

แสดงว่าคุณกิ่งฉัตรก็อ่านหนังสือดีๆมามาก    แววที่จะมาเป็นนักเขียนที่เริ่มปรากฏตั้งแต่เมื่อไหร่

กิ่งฉัตร     ถ้าถามความรู้สึกอยากเขียนของตัวเองเกิดขึ้นตั้งแต่มัธยม 2 - 3  เพราะเริ่มอ่านหนังสือ    แม้จะเริ่มอ่านช้า   ส่วนมากนักเขียนเก่งๆหลายท่านพออ่านได้สัก 1 - 2 ปี  ก็มีความรู้สึกอยากเขียน   และครูภาษาไทยที่โรงเรียนก็สนับ สนุน [ ยุ้ยสงสัยว่าใช่ อ. เอมอร หรือเปล่า ] ให้นักเรียนในห้องเขียนเรื่องสั้นบ้าง    กลอนบ้างส่ง    ก็จะได้คะแนนพิเศษ เพิ่ม     ก็จะเริ่มต้นตรงจุดนั้น     และมีเพื่อนสนิทในกลุ่มอ่านสกุลไทย     เขาก็ทำให้เรามีความรู้สึกอยากอ่านหนังสือ ตาม      ก็เลยเริ่มอ่านสกุลไทยตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมต้น ม. 2   ทุกอย่างจะเริ่มต้นที่ ม. 2   หมดเลย   และก็ริเขียนกับเพื่อน   เขียนกันคนละหน้า    โดยที่ไม่คุยเรื่องพล็อตกันเลยเพราะยังไม่รู้จัก     แต่รู้ว่าอยากเขียนก็จะเขียนสลับไปสลับมาก็ จบจนได้      เป็นเล่มสมุดบันทึกเล่มบางๆเล่มหนึ่ง     ประมาณ 10 บท   จะเขียนกันคนละบท     แต่เป็นบทสั้นๆ ซึ่งทุกคน ก็ออกปากอุตส่าห์ลากกันได้จนจบซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะจบลงได้

ถึงตอนนี้คุณพ่อ - คุณแม่ยอมรับไหมครับว่าคุณกิ่งฉัตรเป็นนักเขียน

กิ่งฉัตร    ยอมค่ะ     เพราะว่าอยู่บ้านเขียนมาหลายปีแล้ว

มีคำพูดจากคุณพ่อ - คุณแม่สักคำให้ได้ชื่อใจไหมที่มีลูกเป็นนักเขียน

กิ่งฉัตร    จำไม่ได้    จำได้แต่ว่าน้องสาวมาเล่า คุณพ่อ - คุณแม่เคยพูดว่าไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาเป็นนักเขียน   เพราะ อยู่ๆ ก็มาเป็นนักเขียน   ซึ่งท่านแปลกใจ     ตอนนี้ก็รู้สึกว่าคุณแม่ - คุณพ่อภูมิใจที่ว่าเราสามารถทำงานได้มาถึงจุดนี้

เวลาคุณพ่อ - คุณแม่หรือคุณกิ่งฉัตรเองดูละครที่คุณกิ่งฉัตรเขียนมีความรู้สึกอย่างไรครับ

กิ่งฉัตร    รู้สึกจะพร้อมหมดทั้งดีใจ    ภูมิใจ    ก็แล้วแต่ละเรื่อง     บางเรื่องก็ดูเพลินๆ     ไม่ได้คิดอะไรมาก    แต่บางเรื่อง ก็รับไม่ได้      บางเรื่องก็ไม่ได้ดูเลย

อันนี้เป็นเพราะอะไร     ปัญหาอยู่ตรงไหน

กิ่งฉัตร   ปัญหาจะต้องบอกนิดหนึ่งว่า    คนเขียนจะตั้งความหวังไว้สูงกว่าคนอ่านทั่วไป      หรือคนดูโทรทัศน์ทั่วไป    ความที่เราเป็นคนเขียนเราก็คิดว่าทำไมไม่อย่างนั้น    ทำไมไม่อย่างนี้     นักแสดงแสดงไม่ได้อย่างใจเรา   ทำไมเขียน บทฉีกเรื่องของเราไปมาก     มันใม่ใช่อย่างนี้    ตัวละครไม่ใช่อย่างนี้    ทำไมออกมาเป็นอย่างนี้ได้     เพราะฉะนั้นคน เขียนจะมีบางอย่างซึ่งกั้นอารมณ์ของตัวเองกับการดูโทรทัศน์ระดับหนึ่งอยู่แล้ว     เพราะฉะนั้นอาจจะโมโหและหงุด หงิดง่ายกว่าคนอ่านหรือคนดูทั่วๆไป

บางคนบอกว่า    ปัญหาหนึ่งคือ การสื่อสารระหว่างผู้เขียนนิยายกับผู้ที่เอานวนิยายไปทำบทละครไม่ตรงกัน

กิ่งฉัตร   คือคำว่าสื่อสารนี้หมายถึง     ถ้าหากว่าการติดต่อก็คงคนละทางจริงๆ     แต่ถ้าถามว่าสื่อสารคือการอ่านหนังสือ ของเราแล้วเขาไม่เข้าใจนี่ก็มีส่วนที่ว่าไม่เข้าใจบุคลิกตัวละครนี้    หรือว่ามองอะไรที่แตกต่างไป     ที่จริงก็ยินดีที่เขาจะ แต่งเติมเสริมเข้ามา    แต่ก็อยากให้แต่งเข้ามาแล้วสวยขึ้นด้วย

บางคนบอกว่าอาจจะเป็นเพราะว่านักเขียนอยู่บนหอคอยงาช้าง    หรือนั่งจินตนาการไป    แต่คนที่เอาไป สร้าง เขาสร้าง ตามความเป็นจริง [ ยุ้ยเถียงในใจสุดฤทธิ์ว่า คนที่กรี๊ดกร๊าดๆโอเว่อร์ น่ารำคาญ อย่างนั้น จะมีในชีวิตจริงๆได้ไง ]   เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

กิ่งฉัตร    ไม่ใช่ค่ะ     เพราะว่าบางครั้งคิดว่าเรื่องของเราก็สามารถสร้างได้โดยตามที่เขียนทุกอย่าง    แต่ว่าอาจจะไม่ได้ ตรงบทที่รำพึงรำพันในใจ      บทบรรยาย  สถานที่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับบุคลิกตัวละคร      เพราะตัวละครที่เราเอามาเราก็อิงๆ จากคนจริง     เพราะว่าคนเราล้านคนก็ล้านบุคลิก     จะไม่มีใครเหมือนใคร    เพราะฉะนั้นก็เป็นไปได้ว่าคนอย่างนี้   คิดอย่างนี้    ทำอย่างนี้      แต่ทำไมเวลาทำจริงๆเขาจึงเปลี่ยน    บางอย่างเขาเปลี่ยนเพราะเหตุผลว่าดาราคนอื่นไม่มา   เขาก็เขียนบทใหม่ให้คนที่มามีบทเยอะหน่อย

ข้อสุดท้ายที่ผมได้ยินมาก็คือเงื่อนไขของช่องคณะละคร    ทางตลาด   ทางสปอนเซอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่  เป็นเพราะ เงื่อนไขใช่ไหม

กิ่งฉัตร   จริงค่ะ      ส่วนหนึ่งเราก็เห็นใจผู้จัด     แต่อยากให้ผู้จัดเห็นใจเราบ้าง     ว่าบางครั้งบุคลิกตัวละครที่ออกมามัน ตรงข้ามกับที่เราวาดไว้     ซึ่งจริงๆก็ไม่เคยตั้งสเป็คไว้ว่าจะต้องเป็นคนนี้    คนนั้น     ใครก็ได้แต่ขอให้มีบุคลิกใกล้ เคียง     ขอให้สามารถแสดงออกไปอย่างที่ตัวแสดงในบท     ยกตัวอย่าง   คุณบุษกร   ตอนแรกที่ได้ข่าวว่าเธอจะมาเล่น "บ่วงหงส์"    ก็คิดว่าเธอจะเล่นหรือเปล่า เพราะลักษณะเธอคล้ำ    ไม่เหมาะสมกับตัวละครนางเอกที่เราวาดไว้    และ เป็นคนที่ค่อยข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง    เรียนไม่จบเหมือนกับเด็กเอาแต่ใจตัวเอง     ค่อนข้างหยิบโหย่ง    แต่พอเธอมา เล่นสวมบทจริงๆ    ก็ต้องยอมรับว่าเธอเข้าได้ถึงตัว "พิมพ์ลภัส" คือแสดงออกมาดูแล้วไม่ขัดเขินเลย

แสดงว่าเธอเข้าใจในบทที่สื่อสารออกมาได้ดี

กิ่งฉัตร   อาจจะเป็นที่คนเขียนบทด้วยส่วนหนึ่ง   และก็ที่ตัวแสดงที่สามารถแสดงออกมาได้     สมเป็นคนนั้นได้จริงๆ

ในกระบวนละครทั้งหมดทีสร้างขึ้นมา    ละครเรื่องไหนที่คุณกิ่งฉัตรพอใจมากที่สุด

กิ่งฉัตร    พอใจมากที่สุดคงจะเป็น "ตามรักคืนใจ"   และ "บ่วงหงส์"    ถ้าสังเกตให้ดีๆ "ตามรักคืนใจ" จะเป็นเรื่องที่ดัด แปลงน้อยมาก     คือเพิ่มเติมนิดหน่อยและคงเนื้อหาไว้หมด     ด้าน Production นี่ชอบมาก     ดูในรายละเอียดเป็นทีม งานที่เก็บรายละเอียดได้ทุกอย่าง     องค์ประกอบสวย     เขียนบทถูกใจใช้ได้     เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย    เพิ่มเติมบทบู๊ ที่จะดึงดูดความสนใจ      แต่โดยรวมแล้วไม่เสียความคิดอ่านของเราที่วางไว้แต่ต้น

เราพูดถึงหนังสือแล้ว    ละครแล้ว    ขอพูดเรื่องส่วนตัวของคุณกิ่งฉัตรบ้าง     คุณกิ่งฉัตรมีงานอดิเรก อะไรไหมครับ สำหรับเวลาว่าง

กิ่งฉัตร   ก็อ่านหนังสือเป็นหลักค่ะ     และก็มีปักผ้าครอสติชนี่ขอบมาก     สะสมลาย   และก็เลี้ยงสัตว์บ้าง

อยากให้บรรยายว่าชีวิตของความเป็นนักเขียนของคุณกิ่งฉัตรทำอะไรบ้างในแต่ละวัน

กิ่งฉัตร    เป็นคนที่ตื่นสายเพราะนอนดึก     จริงๆแล้วถ้าอยู่บ้านทั้งวันหากไม่เริ่มต้นทำงานตั้งแต่ 9 โมง   ก็จะเริ่มต้น สักบ่าย 2 - 3    นั่นก็ทำงานเท่าที่อยากทำ     เท่าที่อารมณ์มี    ถ้าไม่มีอารมณ์ก็ทำอย่างอื่นไป     พอ 6 โมงเย็นก็เลินงาน แล้วค่ะ

มีการสร้างอารมณ์ไหมครับ      เช่นเปิดเพลงฟัง

กิ่งฉัตร    ไม่ค่ะ    ส่วนมากจะดื่มกาแฟเป็นหลัก     และเป็นคนที่ทำงานจะต้องสงบเงียบทุกอย่าง      ห้ามมีเสียงทะเลาะ    ห้ามเปิดวิทยุ      โทรทัศน์ใดๆไม่ได้ทั้งสิ้นค่ะ      เพราะเป็นคนที่วอกแวกสูง

สามารถสร้างพล็อตไว้ล่วงหน้าทั้งหมดตังแต่ต้นจนจบเลยหรือเปล่า

กิ่งฉัตร    จะไม่เขียนตั้งแต่ต้นจนจบ    แต่จะคิดในหัวแบบคร่าวๆ    เพื่อให้รู้ว่าเรื่องนี้ตอนจบจะเป็นอย่างไร     และก็ เขียนไปตามนั้น    และหาข้อมูลไประหว่างเขียนด้วย     เพราะว่าอาจจะเปลี่ยนแปลง      เพราะสถานการณ์จะเปลี่ยน แปลงตลอดเวลาค่ะ     ขณะที่เขียนอยู่มีอารมณ์อย่างนี้พอ    แต่เรื่องหนึ่งในเวลาเป็นปี    ก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป   แต่พล็อตเรื่องจะอยู่กับที่    คือคงเดิม     เหมือนที่ตั้งใจไว้ทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ    พวกเรื่องคำสแลง    หรือสำนวนต่างๆเป็นสมัยใหม่

กิ่งฉัตร    ค่ะ   แต่จะพยายามไม่ค่อยใส่     เรื่องเงิน   จำนวนเงินจะพยายามไม่ใส่ลงไป   เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เวลา

ถ้าจะถามว่าความเป็นกิ่งฉัตรคืออะไรในงานของกิ่งฉัตร

กิ่งฉัตร    ตอบยากค่ะ   [ ยุ้ยตอบให้ว่า กิ่งฉัตรคือ อ่านแล้วยิ้มได้ ]   ถ้าถาม    ผู้อ่านต้องเป็นคนตอบมากกว่าว่า   เขา อ่านงานเราเพราะอะไร     แต่ถ้าถามว่าทำไมเขียนหนังสือโดยยึดตัวเองเป็นหลัก      ถือว่าตัวเองเป็นคนอ่านคนแรก   เพราะฉะนั้นเรื่องที่ออกมาที่เห็นอ่านกันอยู่     เราอ่านแล้วมีความรู้สึกว่าสนุก เพลิดเพลิน   ยิ้มได้ [อ้า   พี่กิ่งฉัตร พูด เลียนแบบนี่!! ]    หัวเราะได้     ถือว่าเรื่องนั้นสนุกก็ปล่อยออกมา      ถ้ายังไม่ดีไม่ถูกใจก็ยังไม่ปล่อยออกค่ะ     เป็นงาน ของตัวเองที่เรียกว่าหยิบมาอ่านครั้งหนึ่ง     หรือ สองครั้ง    บางตอนก็ยังหัวเราะได้

สุดท้ายก็คงเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากจะเป็นนักเขียน

กิ่งฉัตร    คงไม่มีอะไรมาก     จริงๆคนที่จะเป็นนักเขียนจะต้องเป็นคนที่มีความอดทน    อดทนเขียนเรื่องให้จบก่อน    เพราะปัญหาที่เจอเยอะมาก    ก็มีคนมาปรึกษาว่า    ทำไมพอเขียนๆไปอยากจะเปลี่ยนเรื่องไปเขียนเรื่องใหม่    ขอให้ อดทนเขียนให้จบก่อน      ชอบไม่ชอบก็เขียนให้จบก่อนนะคะ     แล้วพอส่งไปที่นิตยสารหรือที่ไหนก็ตาม     ขอให้อด ทนรอ     เพราะว่าคงจะช้ามาก      การตอบรับแต่ละแห่งค่อนข้างจะช้า    เพราะฉะนั้นต้องทำใจนิดหนึ่ง    การจะเป็นนัก เขียนต้องอดทน     และไม่ใช่ว่าจะดังเพียงข้ามคืน     ทุกอย่างต้องใช้เวลาเหมือนกัน     อาชีพทุกอาชีพต้องใช้เวลาและ ความอดทนสูงค่ะ

กว่าจะเป็นกิ่งฉัตรในวันนี้ใช้เวลารอนานเท่าไหร่ครับ

กิ่งฉัตร    ก็ 10 - 11 ปี     ไม่นับที่เขียนเรื่องสั้นนะคะ     พูดถึงงานเรื่องยาวๆจริงๆ   ก็ประมาณ 10 ปี

"นักเขียนสนทนา"   มีที่มาจากรายการ "วงวรรณกรรม"    ดำเนินรายการโดย  ประภัสสร เสวิกุล   ออกอากาศทางวิทยุ สราญรมย์   วันพุธที่ 15 และ 22 มีนาคม 2543

กลับไปหน้าแรก

สัมภาษณ์หน้า 1  2  3

[ หน้าบ้าน ] [ ประวัติ ] [ ผลงาน ] [ เรื่องย่อ ] [ สัมภาษณ์ ] [ สมุดเยี่ยม ] [ หลังบ้าน ]


"บ้านกิ่งฉัตร" เป็นโฮมเพจกิ่งฉัตรอย่างไม่เป็นทางการ    มิได้จัดทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ใดๆแก่ผู้จัดทำ    "กิ่งฉัตร" และผลงานที่อ้างอิงบนโฮมเพจนี้   ยังคงเป็นสิทธิ์ของผู้เขียนและผู้พิมพ์ทุกประการ

"บ้านกิ่งฉัตร" จัดทำโดย กมลวรรณ อ่อนละมัย   7 ก.พ. 2544