Image Loading...
4. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา....อุทยานมรดกโลก
AYUTAYA HISTORICAL PARK & WORLD HERITAGE
| บทนำ | ประวัติความเป็นมา | จุดเด่นและสถานที่เที่ยวชม | แผนผังอุทยาน | การเดินทาง | สถานที่พัก |
| สถานที่เที่ยวชมอื่นๆ | บันทึกจากประสบการณ์ |
เมืองประวัติศาสตร์..อดีตราชธานีกว่า 400 ปี

Image Loading...
พระนครศรีอยุธยา หรือเรียกสั้นๆว่า อยุธยา เป็นเมืองหลวงเก่าของไทย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1893 โดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทองหรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เป็นเมืองหลวงอยู่นานถึง 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ครองราชย์สืบเนื่องกัน 5 ราชวงศ์ รวมทั้งสิ้น 33 พระองค์(ไม่รวมขุนวรวงศาธิราช)
อยุธยาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 76 กิโลเมตร พื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม มีเนื้อที่ประมาณ 2,556.6 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา นครหลวง บ้านแพรก บางซ้าย บางไทร ลาดบัวหลวง ภาชี บางบาล มหาราช บางปะหัน เสนา อุทัย บางปะอิน ผักไห่ ท่าเรือ และวังน้อย

ประวัติความเป็นมา
จากอุทยานประวัติศาสตร์...สู่การเป็นมรดกโลก

ตลอดระยะเวลา 417 ปีที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแห่งราชอาณาจักรไทย มิได้เพียงเป็นช่วงแห่งความเจริญสูงสุดของชนชาติไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์อารยธรรมของหมู่มวลมนุษย์ชาติซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศอีกด้วย แม้ว่ากรุงศรีอยุธยาจะถูกทำลายเสียหายจากการสงครามจากประเทศเพื่อนบ้านและจากน้ำมือการบุกรุกขุดค้นของพวกเรากันเองแล้ว ส่วนที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ยังมีร่องรอยหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นอัจฉริยภาพและความสามารถยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษแห่งราชอาณาจักร ผู้อุทิศตนสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมและความมั่งคั่งไว้ให้แก่ผืนแผ่นดินไทยหรือแม้แต่ชาวโลกทั้งมวล ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า ยูเนสโก้ โดยคณะกรรมการมรดกโลกได้มีมติรับนครประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งใจกลางกรุงศรีอยุธยา ที่ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ไว้ในบัญชีมรดกโลก เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 ณ กรุงคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัยและกำแพงเพชร ซึ่งจะมีผลให้ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญาที่ประเทศต่างๆได้ทำร่วมกัน

จุดเด่นและสถานที่เที่ยวชม
| ป้อมและปราการรอบกรุง | พระราชวังและตำหนักต่างๆ | วัดและอารามหลวง |

สถานที่ท่องเที่ยวของพระนครศรีอยุธยาส่วนใหญ่เป็นโบราณสถานได้แก่ ป้อมและปราการรอบกรุง วัดและพระราชวังต่างๆ พระราชวังในพระนครศรีอยุธยามีอยู่ 3 แห่ง คือ พระราชวังหลวง วังจันทรเกษมหรือวังหน้า และวังหลัง นอกจากนี้ยังมีวังและตำหนักซึ่งเป็นที่สำหรับเสด็จประพาสอยู่นอกพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ พระราชวังบางปะอิน และตำหนักหลวง ที่อำเภอนครหลวง
ป้อมและปราการรอบกรุง
ป้อมตามกำแพงเมืองและป้อมรอบนอก ซึ่งปรากฏชื่อในพงศาวดารมี ป้อมมหาไชย ป้อมเพชร ป้อมหอราชคฤห์ ป้อมชิดกบ ป้อมหอจำปาพล ป้อมใหญ่ฯ จะตั้งอยู่ตรงทางแยกระหว่างแม่น้ำ เช่น ป้อมเพชร และป้อมมหาไชย เป็นต้น
  • ป้อมเพชรอยู่ตรงที่บรรจบของแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำป่าสัก เป็นป้อมรูปรี ก่อด้วยอิฐสลับศิลาแลง ยื่นออกจากแนวกำแพงพระนคร มีช่องคูหาก่อเป็นรูปโค้ง ซึ่งมีซากเหลืออยู่ทุกวันนี้
  • ป้อมมหาไชยอยู่มุมวังจันทรเกษม ในที่ซึ่งเป็นตลาดหัวรอในปัจจุบันนี้ ตัวป้อมถูกรื้อมาสร้างพระนครใหม่ที่กรุงเทพฯ ในรัชกาลที่ 1 เสียหมดแล้ว ป้อมมหาไชยเดิมเป็นป้อมใหญ่และแข็งแรงเพราะอยู่บริเวณที่ลำแม่น้ำเลี้ยวผ่านหน้าวัดสามพิหาร ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังพระราชวังหลวง
  • ป้อมประตูข้าวเปลือก อยู่หน้าวัดราชประดิษฐาน ลักษณะของป้อมก่อย่อเป็นรูปพับสมุดมีช่องปืนเป็นพื้นที่ข้างล่างสำหรับยิงตรงออกไปจากกำแพง ป้อมละ 2 ช่อง และช่องสำหรับยิงกราดป้อมละช่อง
  • ประตูช่องกุด เป็นประตูกำแพงพระนครชั้นนอกก่อเป็นรูปโค้งปลายแหลม กว้าง 4 ศอก 1 คืบเศษ สูง 5 ศอกเศษ ตอนระหว่างหอราชคฤห์กับหัวสาระพาอยู่ข้างวัดรัตนไชย(วัดจีน)
พระราชวังและตำหนักต่างๆ
| พระราชวังหลวง | วังจันทรเกษมหรือวังหน้า | วังหลัง |
พระราชวังในพระนครศรีอยุธยามี 3 แห่ง คือ พระราชวังหลวง วังจันทรเกษมหรือวังหน้า และวังหลัง นอกจากนี้ยังมีวังและตำหนักซึ่งเป็นที่สำหรับเสด็จประพาสอยู่นอกพระนครศรีอยุธยาอีกหลายแห่ง คือ วังที่เกาะบางปะอิน อำเภอบางปะอิน และตำหนักนครหลวง อำเภอนครหลวง
พระราชวังหลวง
พระราชวังหลวงหรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า "พระราชวังโบราณ" เป็นที่ประทับของสมเด็จพระรามาธิบดีทุกรัชกาล อยู่ริมกำแพงพระนครศรีอยุธยาทางด้านเหนือ มีถนนสายรอบกรุงผ่าน ภายในบริเวณพระราชวังมีพระที่นั่งสำคัญ ดังนี้
  • พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ เป็นปราสาทจตุรมุขก่อด้วยศิลาแลงสลับอิฐอยู่ริมกำแพงด้านริมแม่น้ำ เป็นที่สำหรับประทับทอดพระเนตรขบวนแห่ทางน้ำ
  • พระที่นั่งวิหารสมเด็จ เป็นปราสาทยอดปรางค์ มุขหน้าและมุขหลังยาว ส่วนมุขข้างสั้น มีกำแพงแก้วล้อมรอบ 3 ด้าน ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีราชาภิเษก เป็นปราสาทปิดทององค์แรกที่สร้างขึ้นในกรุงศรีอยุธยา
  • พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท เป็นปราสาทองค์กลาง สร้างแบบเดียวกับพระที่นั่งวิหารสมเด็จ เป็นที่เสด็จออกรับแขกเมือง
  • พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ เป็นปราสาทตรีมุข ตั้งอยู่บนกำแพงชั้นในด้านตะวันออกหน้าพระราชวัง เป็นพระที่นั่งสำหรับเสด็จประทับทอดพระเนตรขบวนแห่ และการฝึกซ้อมทหาร
  • พระที่นั่งตรีมุข อยู่ข้างหลังพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท เข้าใจว่าเดิมเป็นพระที่นั่งฝ่ายในและเป็นที่ประทับในอุทยาน
  • พระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่ง "พระที่นั่งท้ายสระ" ตั้งอยู่ในพระราชวังด้านหลัง ทางทิศตะวันตกเป็นปราสาทจตุรมุขอยู่บนเกาะ มีสระน้ำล้อมรอบ
วังจันทรเกษมหรือวังหน้า
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระยุพราช และพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ ครั้งเสียกรุงเมื่อปี พ.ศ. 2310 ถูกไฟไหม้หมดไม่มีซากโบราณสถานหลงเหลือเลย สถานที่ต่างๆในพระราชวังจันทรเกษมสร้างใหม่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยโปรดให้สร้างตามแผนผังเดิมเพื่อใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น "อยุธยาพิพิธภัณฑ์" และปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม ภายในพระราชวังมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจคือ
  • พลับพลาจตุรมุข เป็นพลับพลาเครื่องไม้ตั้งอยู่บนศาลาใกล้ประตูวังด้านทิศตะวันออก เดิมเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลาเสด็จประพาส
  • พระที่นั่งวิมานรัตยา เป็นตึกหมู่อยู่กลางพระราชวัง เคยเป็นศาลารัฐบาลและศาลากลางอยู่เป็นเวลาหลายปี
  • พระที่นั่งพิสัยศัลยลักษณ์(หอส่องกล้อง) เป็นหอสูง 4 ชั้น อยู่ในพระราชวังด้านทิศตะวันตก สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่หักพังลงมาคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 หอที่เห็นอยู่ในปัจจุบันสร้างในรัชกาลที่ 4 ตามรากฐานเดิม ทรงใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรดาว
  • กำแพงและประตูวัง เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 4 ของเดิมมีอาณาเขตกว้างขวางกว่าที่เห็นในปัจจุบัน เพราะขุดพบรากฐานของพระที่นั่งนอกกำแพงวัดด้านใน และพบซากอิฐอยู่ในบริเวณเรือนจำอีกหลายแห่ง
วังหลัง
ตั้งอยู่ริมกำแพงพระนครศรีอยุธยาด้านทิศตะวันตก (ในเขตโรงงานสุราของกรมสรรพสามิตในปัจจุบัน) เดิมเป็นอุทยานสำหรับเสด็จประพาสและปลูกไว้เพียงตำหนักเดียวเท่านั้น ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาได้โปรดให้สร้างเพิ่มเติมเป็นพระราชวัง เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเอกาทศรถ ต่อมาวังหลังหลายเป็นที่ประทับของเจ้านายในพระราชวงศ์เท่านั้น จึงไม่ปรากฏสิ่งสำคัญหลงเหลืออยู่