เกร็ดความรู้..จักรยานภูเขา
|
จักรยานที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น ถ้าจะแบ่งให้เป็นกิจจะลักษณะแล้ว
สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
- เสือหมอบ หรือที่เรียกกันว่า Road Bikes รถประเภทนี้จะมีล้อที่บาง
โครงสร้างตัวถังค่อนข้างเบา เป็นรถที่ใช้สำหรับทำความเร็ว ใช้ในการแข่งขันต่างๆ
- รถประเภท Touring จักรยานชนิดนี้เป็นจักรยานที่ใช้งานหนักพอสมควร
เป็นชนิดที่ใช้สำหรับเดินทางไกล ประเภทที่ต้องขนสัมภาระมากๆ รถประเภทนี้จะมีล้ออยู่ 2 ชนิด
คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 27 นิ้ว กับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 26 นิ้ว
ประเภทหลังนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Hybrids
รถประเภทนี้เป็นรถที่ใช้ขี่ในทางเรียบ ไม่ค่อยได้ใช้ขี่ในเส้นทางที่ทุรกันดาร
แต่ก็มีความบึกบึนมากพอควร
- Mountain Bikesหรือเสือภูเขา
ชื่อที่เหมาะสมมากก็คือ จักรยานวิบาก ซึ่งเป็นจักรยานที่มีทั้ง ความเร็ว ความเบา
ความทรหดอดทน ใช้ได้ทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบซึ่งสามารถเปลี่ยนยาง
ให้เหมาะกับสภาพถนนก็ได้ หรือเส้นทางในป่าเขา เราก็สามารถนำเจ้าเสือภูเขามาใช้ได้อย่างสบาย
เรื่องความแข็งแกร่งนั้นมีมาก มากพอที่เราต้องการ ความแข็งแกร่งของเสือภูเขานั้น
แข็งแรงกว่า Touring มาก จึงมีการนำมาใช้ในการ Touring ด้วย
ที่มาของเสือภูเขานั้น มาจากที่แคลิฟอร์เนีย มีที่ขี่จักรยานมากแห่ง
ส่วนใหญ่ที่ขี่กันนั้นก็อยู่บริเวณภูเขา จึงเรียกตามลักษณะภูมิประเทศว่า "Mountain Bikes"
โดยตอนนั้นเขาใช้จักรยานประเภท Touring ขี่กัน เพราะจักรยานประเภทนี้มีสปีดหลายสปีด
ส่วน BMX นั้นมีแค่สปีดเดียว ก็มีคนพัฒนาโดยนำคุณสมบัติที่ดีของแต่ละชนิดมาผสมผสานเข้าด้วยกัน
คือเอาสปีดของ Touring มาผสมกับความบึกบึนของ BMX โดยมีล้อเล็กกว่า Touring แต่ใหญ่กว่า BMX
จึงออกมาเป็นเจ้าเสือภูเขานี้ ในระยะแรกนั้นมีแค่ 12 สปีด แต่เดี๋ยวนี้มีถึง 24 สปีด
ที่มาของคำว่าจักรยานวิบากก็มาจาก Cross Country คือมีการขี่ผ่านภูเขา ขี่ผ่านท้องทุ่ง
ตัวย่อของเสือภูเขานั้นก็คือ MTB ตอนหลังเปลี่ยนมาเป็น ATB ซึ่งย่อมาจาก All Terrain Bikes
หมายถึงทุกสภาพเส้นทางนั่นเอง
|
|