ไก่ชน2002    ภูมิปัญญาการเลี้ยงไก่ชน  มองวิถีชีวิตคนผ่านการเลี้ยงไก่

ค้นหา:

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2547

คุณเข้าเยี่ยมชมคนที่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เว็บไซท์ที่น่าสนใจ
ไก่ชนพม่า
ซุ้ม ป.โชคชั
ตรีเพชรฟาร์มไก่ชน
ไก่ชนชลดา
ไก่ชนสยาม

ซุ้มขุนแผน
ผู้ใหญ่แสน
บ้านไก่ชน

ไก่ชน.คอม
thai.net/สุ่มไก่ 
บ้านไก่ไทย
ไก่ชนไทย
geocities/สุ่มไก่
thaicockfight.com
kaichon.com 
ไก่ป่าก๋อย

ซุ้มอ่างแก้ว
เสียงไก่ชน
ประดู่.คอม

ซุ้มวัฒนาไก่ชน
กรมปศุสัตว์
บุญเลี้ยงไก่ชน
เว็ปนครใหญ่ฟาร์ม

                              
  ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)

        ลักษณะไก่เก่ง

1.2  ลำตัว

                    จาการสัมภาษณ์ประชากรกลุ่มตัวอย่างหลายคน  ได้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของลำตัวของไก่ที่ดีคล้ายคลึงและใกล้เคียงกันมากกับนายสถิตย์  หลวงนันท์มีความเห็นว่า  ลำตัวไก่ต้องยาวหรือเป็นไก่สองท่อน  จับต้องขาดกลางหมายถึง  รอบอกต้องคอดกิ่วเพราะเวลาการเปรียบหาคู่ชนให้ไก่นั้นผู้เปรียบไก่จะใช้มือวัดรอบอกไก่ให้เท่ากัน  กล่าวคือใช้มือสองข้างจับกลางลำตัวไก่นิ้วกลางทั้งสองข้างจรดกันที่หน้าอกไก่ด้านล่าง  ให้ฝ่ามือทั้งสองข้างรวบปีกไก่แนบกับลำตัวแล้วให้หัวแม่มือมาจรดกันที่ตรงกึ่งกลางด้านหลังของไก่  เป็นการวัดความใหญ่ของลำตัว  เมื่อจับรวบไก่มั่นคงดีแล้วก็ยกไก่ขึ้นเพื่อคาดคะเนน้ำหนักทั้งนี้น้ำหนักต้องเท่ากันด้วยจึงไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบ  ฉะนั้นไก่ที่จับขาดเมื่อจับแล้วจะเล็กจึงได้คู่ต่อสู้ที่เล็กด้วย  จึงได้เปรียบคู่ต่อสู้  ขณะเดียวกันหากไก่มีกระดูกหน้าอกหย่อน  หรือที่เรียกว่าไก่อกยานจะเป็นไก่จับใหญ่ทำให้เสียเปรียบคู่ต่อสู้จึงไม่นิยมเลี้ยง  และไก่ที่มีลำตัวยาวจะได้เปรียบเวลาเข้าชน  แม้ช่วงขา  ช่วงคอจะยาวเท่ากันก็ตามเพราะเวลาเข้าชน  ไก่จะเชิดลำตัวให้ชันขึ้นไก่ลำตัวยาวจะสูงกว่ามีโอกาสจิกตีคู่ต่อสู้ได้มากกว่าจึงมีโอกาสชนะมากกว่า  ลำตัวที่นับว่าดีที่สุดต้องยาวและบานหัวบานท้ายหมายถึงไก่ที่มีหน้าอกใหญ่  อกคอด  และสะโพกตรงโคนขาใหญ่  เชื่อว่าเป็นไก่ที่มีพละกำลังมาก  ตีลำโต  มีปอดใหญ่จึงทำให้ชนได้นานโดยไม่มีอาการเหนื่อย   ( นายสถิตย์  หลวงนันท์ , สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  )นอกจากนี้นายประยูร  โพธิ์ชัยเป็นคนหนึ่งที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า  ไก่ชนที่ดีต้องมีฐานดี  หรือ  ตัวถังหนา หมายถึง  ลำตัวต้องล่ำและแข็งแรง  หากไก่ตัวใดมีตัวถังหนาจะเชื่อว่าเป็นไก่ที่บินดี  ตีแรง  มีกำลังมาก  และที่สำคัญเมื่อโดนคู่ต่อสู้ตีลำตัวแล้วไก่แบบนี้จะทนได้  ต่างจากไก่ที่มีลำตัวบางเมื่อถูกคู่ต่อสู้ตีซอก(ตีตัว)สองสามทีก็ช็อต(หมดแรง)แล้ว ( นายประยูร  โพธิ์ชัย, สัมภาษณ์  :   11 มีนาคม  2545  )  ส่วนนายสำเรียน  เทพไกรวัลย์  ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ลำตัวไก่ที่ดีนั้นต้อง “จับงาม”  หมายถึง จับกลม  ยาวสองท่อน  กระดูกหน้าอกใหญ่โค้งเหมือนท้องเรือ  ไม่ยาน  และไม่คดเพราะไก่อกยานเสียเปรียบคู่ต่อสู้  ส่วนไก่อกคดนั้นเชื่อว่าเป็นไก่ไม่มีพละกำลัง  ถึงจะชนเก่งแต่ไม่ถึงสองอันก็หมด(หมดกำลังต่อสู้และไก่หลังกุ้งหรือหลังกุ่ง(ไก่ที่มีหลังค่อม  โค้งงอเหมือนหลังกุ้ง)ส่วนมากจะเป็นไก่บินแรง  ตีแรง  ถ้าไม่กุ่งมากจนเกินไปก็นำมาเลี้ยงชนได้และเห็นมีคนนำไก่แบบนี้มาชนในบ่อนอยู่บ้างแต่นานๆครั้ง  อย่างไรก็ตามไก่หลังกุ่งนี้ส่วนมากรอบอกจะใหญ่  และเมื่อปล่อยเข้าชนหลังจะค้อมลงทำให้เสียเปรียบคู่ต่อสู้ในเรื่องความสูง ( นายสำเรียน   เทพไกรวัลย์ , สัมภาษณ์  : 12 มีนาคม   2545)

จากที่กล่าวมานี้จะเห็นว่าลักษณะลำตัวที่ดีของไก่ชน จะเป็นรูปปลีกล้วย จับยาวสองท่อน คอดกลาง หัวท้ายบาน กระดูกสันหลังตรงแผ่กว้างตลอดแบบหลังเป็ด ไม่บิดเบี้ยว คดงอหรือปูดโปน อกยาวใหญ่ หนา ไม่คดหรือเบี้ยว กล้ามเนื้อทุกส่วนของลำตัวอวบหนาสมบูรณ์ แข็งแรง อยู่ในลักษณะเกร็งตัว สะโพกเต็มอวบหนาเสมอกันทั้ง 2 ข้าง ช่องท้องแคบแต่ไม่แฟบ

3.4.1.3 ปาก

                                    ปาก เป็นอาวุธสำคัญใช้สำหรับจิกตี ไก่ชนตัวใดมี่ปากไม่ดีจะมีโอกาสแพ้คู่ต่อสู้ได้เพราะปากไก่นั้นอยู่ส่วนหน้าจึงตกเป็นเป้าโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ง่ายกว่าที่อื่น  จะเห็นเมื่อไก่ชนกันในอันสองแล้วมือน้ำที่มีประสบการณ์จะคลุมปาก(ใช้ด้ายถักปากไก่ยึดไว้กับหงอนกันไว้ไม่ให้ปากหลุด จากข้อมูลภาคสนามกลุ่มประชากรเป้าหมายได้ให้ข้อมูลลักษณะของปากไก่ที่ดีตรงกันเป็นส่วนมาก  กล่าวคือปากที่ดีจะต้องคม  ปลายปากหรือที่เรียกว่า”เกษรปาก”ต้องแหลม  โคนปากหนา  ปากบนงุ้มและยาวกว่าปากล่างเล็กน้อย  ที่สำคัญต้องมีร่องน้ำหมายถึงปากบนจะต้องมีร่องฉีกจากปลายจมูกตรงโคนปากมายังปลายปากด้วยเชื่อว่าไก่ตัวใดที่มีร่องน้ำจะมีความแข็งแรงไม่หักหรือหลุดง่าย( นายสถิตย์   หลวงนันท์ , สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  )นอกจากนี้ยังเชื่อว่า  ปากไก่บอกอะไรได้หลายอย่าง  เช่น  บอกตระกูลไก่  ถ้า “ปากได้ขา”  หมายถึงปากต้องมีสีเดียวกันกับขา แสดงว่าเป็นไก่มีสกุล(ไก่ตระกูลสูงหากไก่ปากดำขาต้องเป็นสีดำ  ส่วนมากเป็นไก่ประดู่หางดำ  ถ้าปากเป็นสีงาช้าง(ขาวอมเหลือง)ขาต้องเป็นสีขาวอมเหลืองด้วย  ส่วนมากเป็นไก่เหลืองหางขาว   เป็นต้น  ( นายสำเรียน     เทพไกรวัลย์ , สัมภาษณ์  : 12 มีนาคม   2545  )  และนายสถิตย์เชื่อว่า  ไก่ปากนกกระจิบหมายถึง  ไก่ที่มีปากเล็กเหมือนปากนกกระจิบจะเป็นไก่ปากไว(จิกตีเร็ว)แต่ลำไม่โต(ตีไม่หนักส่วนไก่ปากใหญ่  หนา  เป็นไก่  มักเป็นไก่ปากช้า(จิกตีช้า)แต่ตีหนัก

จากการสืบค้นข้อมูลการดูลักษณะภายนอกตามตำราของทางภาคกลางซึ่งหนังสือ ตำราไก่ชน ของ เคดุลยา (นามแฝงได้กล่าวถึงลักษณะของปากไก่ชนที่ดีเอาไว้ว่า  ต้องมั่นคงสั้น หนา โตและแข็งแรง มีร่องน้ำลึกจากโคนถึงปลาย จะงอยปากยาวและงองุ้มพอประมาณสมตัว ปากบนยาวคลุมปากล่าง สีเดียวกับแข้ง เดือย และถูกต้องตามพันธุ์ ซึ่งพอจะจำแนกได้ ดังนี้

                         1) ไก่เหลืองหางขาว ต้องมีปาก เดือย แข้งและเล็บ สีเหลืองอ่อนจนเกือบขาว

                           2) ไก่เขียว ปาก แข้ง เดือยและเล็บ สีเขียวแก่ ยกเว้น ไก่เขียวพาลี ซึ่งเป็นไก่เขียวแต่แข้ง เดือย เล็บ สีเหลืองอ่อน

                           3) ไก่สีเทา ปาก แข้ง เดือยและเล็บ สีตะกั่วตัด

(เคดุลยา      )

                          3.4.1.4 หงอน

                     หงอนของไก่จะเป็นเป้าหมายที่ถูกโจมตีจากคู่ต่อสู้เสมอ ถ้าไก่ชนมีหงอนที่ดีก็จะได้เปรียบเพราะจะทำให้คู่ต่อสู้เข้าโจมตีได้ยากและขาดความแม่นยำ ไก่แต่ละตัวจะมีหงอนไม่เหมือนกัน เช่น หงอนแจ้ หงอนจัก หงอนกุหลาบ หงอนของไก่จะบอกเพศได้ กล่าวคือตัวผู้จะหงอนโตและแดงกว่าตัวเมีย  สีของหงอนจะบ่งบอกถึงภาวะสุขภาพของไก่ด้วย ถ้าหงอนสีแดง มีเลือดฝาดสีแดงเห็นได้ชัด จะเป็นไก่ที่แข็งแรง สุขภาพดี จากข้อมูลภาคสนามผู้วิจัยได้รวบรวมความเชื่อเกี่ยวกับหงอนไก่  ของคนอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  ขอนำเสนอดังต่อไปนี้                               

                     นายสำเรียน  เทพไกรวัลย์  เชื่อว่า หงอนไก่ที่ดีและสวยงามนั้นเป็นหงอนสามแถว  ปลายหงอนยาวถึงตำแหน่งลูกตาและโค้งลงมากอดกระหม่อมจะเป็นไก่ที่มีธาตุทรหดสูง  ส่วนไก่หงอนพับหรือที่เรียกว่า  “ไก่หงอนเบ้”  นายสำเรียนได้ให้ทัศนะสั้นๆว่า “  เบ้ซ้ายได้หัว  เบ้ขัวได้ไห่”  หมายถึง  ถ้าหงอนพับทางซ้ายจะได้หัวเราะเพราะดีใจที่ไก่ชนะได้เงินเดิมพันไก่ตัวนั้นนำมาเลี้ยงชนได้  หากหงอนพับมาทางขวาอย่านำมาเลี้ยงชนเพราะเจ้าของร้องให้เพราะไก่ตัวนั้นชนแล้วจะต้องพบแต่ความพ่ายแพ้  เสียเงินเดิมพัน  ส่วนไก่หงอนรู(ปลายหงอนจะมีรูลึกลงไปทางปากไก่เป็นไก่ที่ไม่เหนียว(ไม่มีความอดทน)ห้ามนำมาเลี้ยง ( นายสำเรียน      เทพไกรวัลย์ , สัมภาษณ์  : 12 มีนาคม   2545  )  ในเรื่องไก่หงอนรูนี้นายสถิตย์  หลวงนันท์  ได้มีความเชื่อที่ขัดแย้งกับนายสำเรียนอยู่บ้าง  กล่าวคือ  นายสถิตย์มีไก่หงอนรูอยู่ตัวหนึ่ง  และเนื่องจากหงอนรูจึงตั้งชื่อให้ไก่ตัวนี้ว่า “ไอ้ขุมทรัพย์”  เป็นไก่ตีตัวและตีหนักมาก  เคยชนะที่บ่อนโคกสีซึ่งในวันนั้นผู้วิจัยก็ได้เข้าร่วมร่วมกิจกรรมนี้ด้วย  ต่อมาชนะที่สนามตลาดนัด ก.ไก่ ในอันแรกใช้เวลาเพียง  13  นาที  โดยตีซอก(ลำตัว)คู่ต่อสู้ให้ร้องและวิ่งออกไปเลย  ดังนั้นนายสิทธิ์จึงเชื่อว่า  หงอนรูก็ไม่เป็นไร  เลี้ยงชนได้เหมือนกัน( นายสถิตย์   หลวงนันท์ , สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545)

                          3.4.1.5 ใบหน้า                      

                        หน้าของไก่จะบอกได้ว่า ไก่ชนตัวนั้นโง่หรือฉลาด นายประดิษฐ์ คำวันสา     เป็นมือน้ำและผู้เลี้ยงไก่ชนมากว่า  30  ปี   เป็นชาวบ้านโนนทัน (หน้าโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น  ) อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้วิจัยเกี่ยวกับหน้าไก่ที่เก่งและฉลาดว่า  ไก่ที่มีหน้าคล้ายกับหน้านกยูงนั้นเชื่อว่าเป็นไก่ชนที่ฉลาด  ไก่ตัวใดที่มีหน้าคล้ายหน้าเหยี่ยวเป็นไก่ที่จิตใจดี(ใจเป็นนักสู้และไก่ที่หน้าใหญ่  ยาน  เป็นไก่โง่ ( นายประดิษฐ์   คำวันสา, สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  )  แสดงว่าชาวบ้านเชื่อว่าใบหน้าไก่นั้นบอกเชิงชน  สภาพจิตใจ และความโง่-ฉลาดของไก่ได้อีกด้วย  หน้าไก่ที่นับว่าดีอีกอย่างหนึ่งคือ  ต้องกลม  สันคิ้วนูนเพื่อป้องกันถูกตีกระทบลูกตา  และที่คางต้องไม่มี “ต้าง”หมายถึงหนังไก่ที่ติดอยู่ใต้คางและหย่อนลงมาคล้ายรังผึ้ง   ไม่มีเครา(มีขนใต้คางที่ชาวบ้านเรียกว่าไก่คางเคราชาวบ้านเชื่อว่าไก่มีต้างเป็นไก่ยืนตีหน้าตรง  ตีลำโตแต่ไม่มีเชิง  ส่วนไก่คางเครานั้นเชื่อว่า  เป็นไก่จุ่มคางตี(จิกใต้คางตี)จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนตาไก่นั้นต้องมีสีปลาเข็งตาย(สีปลาหมอตายหรือที่เรียกว่า”ตาควายเฒ่า”เชื่อว่าเป็นไก่ที่มีจิตใจห้าวหาญและมีธาตุทรหดสูง  ส่วนตาที่เชื่อว่าเป็นไก่ไม่มีความอดทนคือ  ตาแดง  ไก่ตาแบบนี้ดีแต่ตีเขาถ้าเขาตีจะวิ่งหนีเอาง่ายๆ  ไว้ใจไม่ค่อยได้( นายสถิตย์   หลวงนันท์ , สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545)

                                      จากตำราของทางภาคกลางซึ่งหนังสือ ตำราไก่ชน ของ เคดุลยา (นามแฝง) ได้กล่าวถึงใบหน้าไก่ชนว่า  ไก่ชนที่ดีต้องมีใบหน้ากลม เกลี้ยงเกลา ใบหน้าเรียวสมตัว ดูบึกบึน คางรัด หน้าไม่กว้างหรือใหญ่จนเกินไป  ผิวหน้าเรียบแดงเป็นมัน    คิ้วหนาพอประมาณ ตาดุคมวาว เสี้ยนตาชัดเจนเหมือนตาเสือ หรือตาเหยี่ยว สีตาปลาหมอตายหรือเข้าลักษณะสีขนตามพันธุ์  ไม่มีเครา ติ่งหูเล็ก แร่งใต้คางรัด  ส่วนไก่โง่จะมีลักษณะ คิ้วลิง ตาบอดและมีตำหนิอื่นๆที่ไม่ดี(เคดุลยา    )จะเห็นว่าภูมิปัญญานี้ของภาคกลางคล้ายกับที่พบในอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น

3.4.1.6 หัว

                      หัวไก่ที่ดีนั้นต้องเป็นเหมือน ”หัวขี้โก๋” หมายถึงหัวจิ้งเหลน  กะโหลกหัวเป็นกระดาน(ด้านบนของหัวกว้างเชื่อว่าเป็นไก่ที่มีสมองใหญ่จึงเป็นไก่ฉลาด  มีชั้นเชิง( นายประดิษฐ์   คำวันสา, สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  ) ส่วนหัวไก่ตามหลักภูมิปัญญาทางภาคกลาง  ซึ่งเคดุลยาได้อธิบายไว้ว่า  ลักษณะหัวไก่ที่ดีต้องอวบ กระดูกหนา ยาวรัดเป็นสองตอน ส่วนหน้าเล็กกว่าส่วนท้าย ด้านซ้ายด้านขวามีความสมดุลกัน ช่องหูเล็ก ขอบหูเรียบ มีขนขึ้นปกคลุม พื้นที่ระหว่างช่องหูกับหัวส่วนบนที่เรียกว่า ขมับ อวบเต็ม ท้ายหัวมีรอยไขหัวตามธรรมชาติ ส่วนไก่ที่มีลักษณะไม่ดี จะมีหัวบิดเบี้ยว ปูดโปน หูกลวง(เคดุลยา   )

                          3.4.1.7 ลำคอ

                       ภูมิปัญญาของคนในอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  ในการดูลักษณะคอไก่ชนที่ดีนั้นนายประดิษฐ์  คำวันสาได้เปิดเผยข้อมูลกับผู้วิจัยว่า  คอยาวเกินไปก็ไม่ดี  คอสั้นไปก็ไม่ดี  ต้องดูช่วงตัว  ช่วงขา  และหางประกอบ  ให้เป็นไก่เกิ่ง (สมดุลกล่าวคือ  ช่วงคอไก่ต้องมีความสมดุลกับช่วงตัว  ขาและหางของไก่ตัวนั้น  นอกจากนี้ปล้องคอถี่(กระดูกคอถี่)มีกล้ามเนื้อมาก  โตพอประมาณ เวลายืนต้องเชิดตรงเหมือนคองูเห่า( นายประดิษฐ์   คำวันสา, สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  ) และภูมิปัญญษภาคกลางที่เคดุลยาได้กล่าวไว้ในตำราไก่ชนว่า  คอไก่ชนที่ดีต้องโต สั้น มั่นคง เมื่อนวดคลึงนานๆจะเป็นสีแดงสด เคลื่อนไหวได้ดี แสดงว่าหลบหลีกได้ดี (เคดุลยา    )

3.4.1.8 ปีก

      นายสงบ     ข้อยุ่น    เป็นมือน้ำมีประสบการณ์เลี้ยงไก่มากว่า  20  ปีเป็นชาวบ้านกอก  ตำบลบ้านเป็ด  อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่นและยังเคยเป็นกรรมการตัดสินที่สนามตลาดนัด  ก. ไก่     ตำบลบ้านเป็ด  อำเภอเมือง   จังหวัดขอนแก่น  ได้ให้ข้อมูลกับผู้วิจัยว่า  ปีกไก่ต้องใหญ่  เป็นระเบียบ  แนบชิดกับลำตัว  ขนปีกเหนียวไม่กรอบเพราะจะทำให้หักง่าย  เปิ้นปีกใหญ่ (ความกว้างของขนปีกและต้องยาวไปจดกระโนนดาก(โคนหางไก่)( นายสงบ    ข้อยุ่น, สัมภาษณ์  : 10 มีนาคม   2545  )  เพราะไก่ที่มีปีกเป็นลักษณะที่กล่าวมานี้เวลากางปีกออกจะมีขนาดใหญ่และอุ้ลมได้มาก  ใช้พยุงตัวได้ดี  บินได้สูง  และตีได้แรง  และนายประดิษฐ์  คำวันสาได้กล่าวกับผู้วิจัยว่า  ปีกไก่ที่ดีเมื่อคลี่ออกมาแล้วปลายขนปีกต้องยาวเป็นเส้นตรง  มีระเบียบไม่มีช่องห่างระหว่างขนปีกหรือที่เรียกว่า “ปีกหว่าง”เพราะคู่ต่อสู้จะมุดเข้าปีกตีได้  และเก็บปีกได้มิดชิดต้นปีกยกขึ้นเล็กน้อยหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า  ยกไหล่  หากปีกมีสีขาวแซมจะต้องแซมข้างละเท่าๆกันจะเรียกว่า “ไก่หาบปีก” จึงจะนับว่าเป็นไก่ดี( นายประดิษฐ์   คำวันสา, สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  )  ส่วนเคดุลยาได้กล่าวถึงลักษณะของปีกไก่ที่ดีเอาไว้ว่า  ลักษณะปีกที่ดีจะต้องมีกระดูกปีกใหญ่ กล้ามเนื้ออวบสมบูรณ์ ขนปีกยาว เรียงชิดกัน ขนปีกชัยหนา ยาว และมีจำนวนหลายเส้น สีขนปีกและสนับปีกถูกต้องตามสายพันธุ์ เสมอกันทั้งสองข้าง ไหล่อวบหนา ยกสูง สนับปีกแน่นและมีสีเดียวกันกับสร้อยหลังและคอ (เคดุลยา   )จะเห็นว่าภูมิปัญญาภาคกลางมีส่วนคล้ายคลึงกับภูมิปัญญาในพื้นที่อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น

                        3.4.1.9 หาง

    ในที่นี้ หมายถึง ขนหาง เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้พิจารณาว่า ไก่ชนตัวนั้นจะเก่งมากหรือไม่  หางไก่ที่นิยมของผู้เลี้ยงไก่ชนในอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  มี  ลักษณะคือ  หางกำ(ขนหางแข็งพุ่งออกไปเป็นเส้นตรงหางกอตะไตร้หมายถึงหางใหญ่เป็นฟ่อนเหมือนกอตะไคร้และหางหงส์มีลักษณะหางทวนชี้ขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับหางหงส์  ทั้งนี้หางต้องใหญ่หรือที่เรียกว่า”หางเป็นพั่ว”( นายประดิษฐ์   คำวันสา, สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  )  ประโยชน์ของหางไก่ใช้ในการพยุงตัว และสามารถให้โทษได้เช่นกัน  กล่าวคือ ถ้ามีขนหางยาวเกินไป ขณะที่เข้าชนแล้วเดินถอยหลังจะเหยียบหางตัวเองล้มเสียหลักทำให้คู่ต่อสู้เข้าจิกตี ซ้ำเติมได้ง่ายเป็นเหตุให้ได้รับความพ่ายแพ้ จากหางที่ยาวเกินไป ลักษณะหางที่ดีที่เคดุลยากล่าวไว้ คือ กระเบนหางใหญ่และชิดกับลำตัว มีกระปุกน้ำมันอันเดียว หางพัดยาวใหญ่ พุ่งตรง หางกะลวยและขนรองยาว มีจำนวนหลายเส้นและสีขนหางต้องถูกต้องตรงตามพันธุ์ หากไก่ตัวใดมีกระเบนหางคด ซอกกระเบนเล็ก หางไม่ชิดลำตัว มีกระปุกน้ำมันแฝด หรือมีตำหนิอื่นๆถือว่าใช้ไม่ได้(เคดุลยา  )

3.4.1.10 เนื้อหนัง

                     เนื้อหนัง หมายถึง ส่วนที่เป็นมัดกล้ามเนื้อ เวลานวดหรือขยำนานๆจะมีสีแดงสด แสดงว่า ไก่แข็งแรง การไหลเวียนโลหิตดี มีพละกำลังมาก  ถ้าเป็นไก่อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ส่วนที่จะแดงตลอดเวลา คือ ผิวหนังบริเวณกล้ามเนื้อหน้าอก ขา ลำคอ รวมไปจนถึงเหนียง และถ้าไก่ตัวใดมีกล้ามเนื้อสีซีด แสดงว่าว่าไก่ไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว ร่างกายไม่สมบูรณ์ ห้ามนำเข้าสังเวียนเด็ดขาด  ฉะนั้นไก่ชนที่ดีจะต้องมี “หนังหนา  ส่าใหญ่”  หมายถึง ผิวหนังหนา  สีแดงย่น( นายประดิษฐ์   คำวันสา, สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  )  จึงจะเป็นไก่ชนที่เก่งได้  เลี้ยงง่าย  และมีกำลังในการปะทะมากและมีความอดทนสูง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักของไก่ชนตัวนั้นด้วย  หรือที่เรียกว่า “น้ำหนักดี”  เป็นการคาดคะเนน้ำหนักโดยใช้มือจับแล้วยกขึ้น  หากจะนำหลักวิทยาศาสตร์การกีฬามาอธิบายก็คือ  ไก่ที่มีน้ำหนักมากกว่าย่อมได้เปรียบคู่ต่อสู้เพราะมีมวลมากกว่าจขึงเข้าทำนองที่ว่า  “เก่งเล็กหรือจะสู้เก่งใหญ่”หมายถึงไก่เล็กถึงจะเก่งขนาดไหนก็สู้ไก่ที่โตกว่าไม่ได้  อีกอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านนำมาพิจารณาคือ  ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ  กล่าวคือ  ไก่ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า  “ไก่ดูกดี”หรือบางทีนำความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไก่เปรียบเทียบกับก้อนหินว่า  “แก่นปานหิน”  ซึ่งบอกให้ทราบว่า  ไก่ตัวนั้นมีประสบการณ์ในการต่อสู้มามากน้อยเพียงใดได้อีกด้วย

 3.4.1.11 ปั้นขา

                             นายสงบ  ข้อยุ่น  ได้เปิดเผยกับผู้วิจัยว่า  ไก่ทีมีขาโต้ย(ปั้นขา)ใหญ่  จะตีหนักและมีกำลังมาก  ขาโต้ยที่ดีจะต้องมีขนาดใหญ่และแข็งแรง  ไม่กางออกหรือหุบเข้ามากจนเกินไป กล้ามเนื้อสมบูรณ์และเกร็งตัว เอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อขาใหญ่และแข็งแรง ข้อขาพับอวบ ใหญ่และกลมกลึง มีขนปกคลุมตลอด ไม่มี “เหน็บเสี้ยน” หรือข้อพับขาอักเสบ   ( นายสงบ       ข้อยุ่น, สัมภาษณ์  : 10 มีนาคม   2545  )  โดยขาไก่นี้จะบอกถึงความแข็งแรงและการทรงตัวของไก่  ที่ชาวบ้านเรียกว่า  “ยืนดินดี”คือ  ไก่ที่ทรงตัวได้ดี  ไม่เซ  ไม่ล้ม  พร้อมที่จะตีโต้คู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

                     3.4.1.12 เดือย

                             เดือยหรือชาวบ้านเรียกว่า “ตอ”เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของไก่ชน ถ้าไก่ชนตัวใดที่มีลักษณะดี ก็มีโอกาสได้รับชัยชนะมากขึ้นและในขณะเดียวกันถ้าเดือยไม่ดีก็มีโอกาสแพ้ได้มากเช่นกัน  จากการสัมภาษณ์ นายสงกรานต์      อภัยชา     ผู้มีประสบการณ์เลี้ยงไก่ชนมากว่า  20  ปี ถึงเดือยไก่ทีมีลักษณะดีนั้นพบว่า  ต้องมีขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่า  “ตอใหญ่” เพื่อให้มีความแข็งแรงไม่โค่น(หัก)ง่าย ปลายตอแหลมเพื่อใช้แทงคู่ต่อสู้ให้เกิดบาดแผลได้ดี  และให้ปลายตอชี้ไปทางเดียวกันกับนิ้วก้อยเพราะเชื่อว่า  เป็นไก่ที่ใช้ตอ(ตีด้วยเดือย)ได้ดี และหากตอมีสีดำด้วยยิ่งดีเพราะเป็นไก่ใช้ตอจัด(นายสงกรานต์       อภัยชา , สัมภาษณ์  : 14 มีนาคม   2545  )

                      และจากที่เคดุลยากล่าวไว้ในตำราการเลี้ยงไก่ชนอันเป็นภูมิปัญญาภาคกลางก็พบว่าสอดคล้องกับภูมิปัญญาของคนอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  คือ ลักษณะเดือยที่ดี จะต้องมีสีเหมือนแข้ง เกล็ดและปาก เดือยงอกช้า ตรงโคนโต ส่วนปลายเรียวแหลม โค้งไปด้านหลังเล็กน้อยหรือเป็นเหลี่ยม ไก่ชนตัวใดที่มีเดือยลักษณะนี้จัดเป็นไก่ชนแทงจัด เดือยชนิดนี้มักจะงอกเป็น 3 เดือย เดือยกลางต้องยาวกว่าเดือยข้างๆ เดือยข้างหน้าทำหน้าที่เป็นลิ่มป้องกันไม่ให้เดือยกลางหัก ประโยชน์ของดือยกลางก็คือ ใช้สำหรับแทงคู่ต่อสู้ เดือยที่แทงได้ดี แทงแล้วจะทำให้ปากแผลเปิดกว้าง คู่ต่อสู้จะเสียเลือดมากและเมื่อต้องการเย็บปิดเพื่อห้ามเลือดก็จะทำได้ยาก

3.4.1.13 แข้งและเกล็ด

                     แข้งและเกล็ดของไก่ชนนั้นเปรียบเสมือนลายมือของคนที่สามารถบ่งบอกถึงความเก่งกาจของไก่ชน ผู้เลี้ยงไก่ชนจะให้ความสำคัญของการดูลักษณะไก่จากเกล็ดแข้งค่อนข้างมากและถ้าใครรู้ก็จะถือว่าเป็นเคล็ดลับสุดยอดส่วนตัวที่ไม่ยอมเปิดเผยง่ายๆ จากการศึกษาข้อมูลภาคสนาม และได้พูดคุยและคลุกคลีกับผู้ที่เลี้ยงไก่ชนในพื้นที่อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่นมาเป็นเวลานานนานทำให้พอจะสรุปลักษณะแข้งและเกล็ดที่ดี ได้ดังนี้

                     นายสำเรียน  เทพไกรวัลย์  ได้ให้ข้อมูลกับผู้วิจัยว่า  แข้งไก่ที่ดีจะต้องมีลักษณะกลม  เรียว  เล็กเหมือนเส้นหวาย  ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป  มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับร่างกาย  สีของแข้งต้องเป็นสีเดียวกันกับ  ปาก  เดือยและเล็บ  จำแนกออกได้  ประเภท คือ ไก่แข้งแข็ง    เวลาจับดูแข้งไก่แบบนี้จะแข็ง และมีแข้งไก่อีกประเภทหนึ่ง คือ  ไก่แข้งนิ่ม   เป็นแข้งแบบพิเศษจับดูแล้วนิ่ม  ตีเจ็บปวดมาก  เป็นไก่ที่หาได้ยากมาก   (ผู้ศึกษามีอยู่ตัวหนึ่งคือ  “ไอ้คอทอง”   เป็นไก่ปากไวมาก  ตีลำโต  ตีเร็วและรุนแรง) ( นายสำเรียน     เทพไกรวัลย์ , สัมภาษณ์  : 12 มีนาคม   2545  )  การดูแข้งที่เป็นภูมิปัญญาของนายสำเรียนเป็นการดูจากลักษณะภายนอก  ยังมีส่วนหนึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณ  และจากข้อมูลภาคสนามที่ได้รับการเปิดเผยโดยนายสถิตย์  หลวงนันท์    ว่า “นกแข้งใหญ่  ไก่แข้งเล็ก”  หมายถึง  ตำราการเลี้ยงนกที่คนเฒ่าคนแก่เล่าสืบต่อๆกันมาว่า หากเลือกนกเขามาเลี้ยงต้องเอาตัวที่แข้งใหญ่มาเลี้ยงจึงจะเป็นนกหมาน  และหากจะเลี้ยงไก่ชนต้องเลือกตัวที่มีแข้งเล็กจึงจะเป็นไก่หมาน       ( นายสถิตย์  หลวงนันท์ , สัมภาษณ์  :   10 มีนาคม  2545  )  ส่วนภูมิปัญญาโบราณที่ได้จากการสัมภาษณ์  นายทองดี  ไชยกำเนิด กล่าวถึงการเลือกแข้งไก่ที่ดีว่า “แข้งลำงา  สบสีขา”  หมายถึง  แข้งกลมเหลี้ยมเหมือนต้นงา  และปากต้องมีสีเดียวกันกับขา  ( นายทองดี      ชัยกำเนิด, สัมภาษณ์  :  12 มีนาคม  2545  )  จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาที่คนในอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่นทั้งในแง่ของความเป็นปราชญ์อิสานที่มักสรุปเป็นคำพูดเป็นคำสั้นๆและคล้องจอง และความละเอียดเอาใจใส่ไก่ชนที่ตนจะนำมาเลี้ยงให้เป็นไก่หมานได้เป็นอย่างดี

 อ่านต่อ
 ย้อนกลับ

กลับหน้าหลัก
กลับหน้าบทความวิชาการ

 

                                                           
ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด
19/03/2547 22:50:42