|
|||
เว็บไซท์ที่น่าสนใจ |
![]() ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)
การเลี้ยงไก่ชนนั้นจำเป็นต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ว่าต้องใช้ศาสตร์นั้น ต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์การกีฬา หลักพันธุศาสตร์ หลักโภชนศาสตร์ หลักเวชศาสตร์ เป็นต้น จากนั้นต้องใช้หลักภูมิปัญญา คติชนวิทยา ตลอดจนไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีขั้นตอนมากมายที่เป็นกลยุทธ์ในการเลี้ยง ต้องใช้ความจัดเจนส่วนตัว ประสบการณ์และความละเอียดถี่ถ้วนตั้งแต่การสร้างเล้า(โรงเรือน) คัดเลือกพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ การผสมพันธุ์ การอนุบาลลูกไก่ ไปจนขั้นตอนสุดท้ายคือการเลี้ยงออกชน และจากที่ได้กล่าวมาแล้วว่าคนไทยในจังหวัดขอนแก่นรู้จักวิธีการเลี้ยงไก่ชนมานาน จึงแหล่งที่สะสมของภูมิปัญญามาแล้วหลายชั่วอายุคน ผู้วิจัยจึงขอนำเสนอภูมิปัญญาเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ชนในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นดังต่อไปนี้ 3.3.1 การเพาะพันธุ์ไก่ชน ในการคัดเลือกพันธุ์และลักษณะของไก่ชน สิ่งสำคัญที่จะต้องให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ ก็คือ ต้องใช้ภูมิปัญญาในการคัดเลือกไก่ที่มีลักษณะดี สามารถถ่ายทอดลักษณะเด่นผ่านทางพันธุกรรมได้ จึงจะได้ลูกไก่ชนที่มีลักษณะดี ชาวบ้านในอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นจึงมีหลักในการเพาะพันธุ์ไก่ชนดังนี้ 3.3.1.1 การคัดเลือกพ่อพันธุ์ จากการสัมภาษณ์ นายสถิตย์ หลวงนันท์ ชาวบ้านโนนทัน ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีประสบการณ์การเลี้ยงไก่ชนมานานกว่า 30 ปี นายสถิตเริ่มเลี้ยงไก่ชนเมื่ออายุได้13 ปี เมื่อแต่งงานแล้วก็ยังเลี้ยงอยู่ขณะนั้นประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมรถยนต์ จนเป็นเหตุให้มีเรื่องผิดใจกับพ่อตา-แม่ยายเพราะเอาใจใส่กับไก่ชนจนเกินไป ไม่สนใจทำงานขณะนี้นายสิทธิ์อายุได้ 57 ปี ก็ยังเลี้ยงอยู่แต่ลดจำนวนลงเพราะอายุมากแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดี การเลี้ยงไก่ของนายสิทธิ์เป็นการเพาะพันธุ์เอง เลี้ยงเอง เอาไปชนเองและขายเอง ราคาไก่เคยขายได้หลักพันจนถึงหลักหมื่น และออกชนวงเงินเดิมพันจากหลักพันถึงหลักหมื่นเช่นกัน ไก่ของนายสิทธิ์เป็นไก่ที่ตีหนัก ตีเจ็บ มีลำหักลำโค่นดีมาก จนผู้คนในชุมชนโนนทันรู้จักดีทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการคัดเลือกพ่อพันธุ์ไก่ชนที่สามารถถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมไปสู่รุ่นลูก ให้ได้ไก่ที่มีเชิงชนเก่งและฉลาด พอสรุปได้ ดังนี้ 1) พ่อพันธุ์จะต้องมีอายุอยู่ในช่วง 1 ปีครึ่ง 3 ปี ถ้าอายุมากกว่านี้จะเป็นไก่แก่ ซึ่งจะให้ลูกที่ไม่แข็งแรงขนเปราะ หักง่าย เลี้ยงตีไม่ได้ ถึงได้ก็น้อยครั้ง 2) พ่อพันธุ์จะต้องมีความสง่างาม สีชัดเจนตามสกุลไก่เช่น เหลืองหางขาว ประดู่หางดำ เป็นต้น 3) พ่อพันธุ์จะต้องมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 3 กิโลกรัมขึ้นไป เพราะพ่อพันธุ์ที่ตัวโตจะให้ลูกที่ตัวโตและไก่ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 3 กิโลกรัมขึ้นไปนี้จะมีมากที่สุดในบ่อนไก่ ทำให้หาคู่เปรียบได้ง่าย 4) พ่อพันธุ์จะต้องเป็นไก่ที่มีลักษณะเป็นไก่เก่งเข้าตำรา เช่น ยืนสง่า ขาตรง ตาสีปลาหมอตาย แข้งกลม มีเกล็ดนิ้วเกล็ดแข้ง เข้าตำราไก่เก่ง 5)พ่อพันธุ์จะต้องมีความเก่งในลีลาเชิงชน ใจเด็ด สู้ไม่ถอย ซึ่งอย่างน้อยต้องเข้าสนามแข่งขันไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง และชนะทุกครั้ง (สถิตย์ หลวงนันท์, สัมภาษณ์, 15 กรกฎาคม 2543) จากการศึกษาภาคสนามอีกส่วนหนึ่ง พบว่า ชาวบ้านมักจะคัดเลือกพ่อไก่จากไก่ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ โดยจะคัดจากไก่ตัวผู้ที่มีรูปร่างสวยงาม สีขนที่ถูกใจ จับงามเรียกว่า จับสองท่อนและเชิงดี ตีเจ็บ เอาไว้ มีรอยหรือขนาดน้ำหนัก 33.5 กิโลกรัม ซึ่งจะเป็นไก่ขนาดกลางและนิยมเลี้ยงกันมากในจังหวัดขอนแก่น ชาวบ้านในจังหวัดขอนแก่นนิยมเลี้ยงไก่ขนาดและน้ำหนักเท่านี้หรือที่ชาวบ้านเรียกว่ารุ่น พิมพ์นิยม เพราะเมื่อนำออกชนจะหาคู่ได้ง่าย (สงกรานต์ อภัยชา, สัมภาษณ์, 15 กรกฎาคม 2543) ในปัจจุบัน ได้มีการนำพ่อพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาในจังหวัดขอนแก่น เพื่อทำการพัฒนาสายพันธุ์ ที่มุ่งเน้นการเอาชนะกันเป็นหลัก มีไก่สายพันธุ์พม่า ซึ่งเป็นไก่ชนสายพันธุ์ที่ตีเร็ว ขยันออกแข้ง ปากไว แต่มีข้อเสียคือ มีลอยหรือขนาดเล็กเกินไป ทำให้หาคู่เปรียบได้ยาก ไก่ชน สายพันธุ์พม่านี้มักจะนิยมเล่นในแถบภาคเหนือของประเทศไทยเป็นส่วนมาก ซึ่งในจังหวัดขอนแก่นมักจะนิยมเอาไก่ชนสายพันธุ์พม่ามาผสมข้ามสายพันธุ์กับไก่ชนของตัวเอง หรือไก่สายพันธุ์อื่นๆก่อน เพื่อให้ได้รอยหรือขนาดที่โตขึ้น อย่างไรก็ดีไก่พม่าจะแพ้เชิงไก่ไทยที่มีเชิงกอดรัดวงในเหนียวแน่น ถ้าแลกหน้าตรง ตีนเปล่าจะแพ้ไก่พม่า นอกจากนี้ยังมีไก่ชนสายพันธุ์เวียตนาม เรียกว่า พันธุ์ไซง่อน เป็นไก่ที่มีโครงสร้างหรือกระดูกดี มีน้ำอดน้ำทนเป็นเลิศ ตีลำโต แต่ข้อด้อยก็คือ เป็นไก่ชนที่ไม่ค่อยมีเชิง หรือที่เรียกกันว่า ไก่โง่ จุดประสงค์หลักที่นำไก่ชนพันธุ์ต่างประเทศเข้ามา ก็คือ เมื่อนำมาผสมข้ามสายพันธุ์กันแล้ว จะได้ไก่ชนที่บินดี ตีเร็ว สาดแข้งเปล่าเหมือนไก่ชนสายพันธุ์พม่า กอดรัดเหนียวแน่นเหมือนไก่ชนสายพันธุ์ไทย กระดูกดี ตีลำโตเหมือนไก่ชนสายพันธุ์ไซง่อน ซึ่งมักจะเห็นอยู่ในบ่อนทั่วไป (ประยูร โพธิ์ชัย, สัมภาษณ์,3 ธันวาคม 2544) ส่วนเชิงไก่นั้นมีหลายเชิง ถ้าชอบเชิงไหน ก็หาไก่ชนที่มีเชิงนั้นมาทำพ่อพันธุ์ จากการเก็บข้อมูลภาคสนาม พบว่า คนเล่นไก่ที่ตลาดนัด ก.ไก่ ชอบไก่เชิงบนเป็นส่วนมาก มีกด กอด บี้ ขี่และ ล็อค (lock) ส่วนสีที่ได้รับความนิยมมาก คือ ประดู่หางดำ รองลงมา คือ เหลืองหางขาว เหตุผลที่คนเล่นไก่ชอบไก่ชนสีดังกล่าวนี้ ก็เพราะว่าไก่ชนประดู่หางดำ และเหลืองหางขาวนี้ เป็นไก่สกุลดี มีน้ำอดน้ำทนและเป็นไก่ชนที่มีสีสวยงามกว่าไก่ชนสีอื่นๆ เป็นไก่พันธุ์ไทยที่มีชื่อเสียงมาแต่โบราณ มีประวัติการชนเป็นที่ยอมรับในหมู่นักเลี้ยงและเล่นไก่ชนมาก่อน (ทองดี ไชยกำเนิด,สัมภาษณ์, 15 พฤษภาคม 2545) เมื่อก่อนนี้ผู้เลี้ยงไก่ชนจะหวงแหนสายพันธุ์ไก่ชนของตนเองมาก ไม่ยอมให้ใครไปง่ายๆ บางทีขอซื้อยังไม่ยอมขาย แม้ว่าจะให้ราคาแพงแล้วก็ตาม และเมื่อมั่นใจในไก่ชนสายพันธุ์ของตน ก็จะเอาไก่ชนของตนผสมพันธุ์กันเอง จึงทำให้ได้ไก่ชนรุ่นต่อๆมาตัวเล็ก แคระแกร็น ไม่แข็งแรงและเชิงชนไม่เก่งกาจเหมือนไก่ชนรุ่นพ่อ ทั้งนี้เนื่องจากการผสมพันธุ์โดยวิธีนี้เป็นการผสมพันธุ์แบบเลือดชิด (inbreeding) ซึ่งจะทำให้เกิดลักษณะด้อยปรากฏในรุ่นลูกรุ่นหลาน และเมื่อเห็นผลเป็นเช่นนั้นผู้เลี้ยงไก่ชนในปัจจุบันนี้จึงหันมาผสมแบบข้ามสายพันธุ์ (crossbreeding) จึงได้ไก่ชนที่มีลักษณะเด่นของแต่ละสายพันธุ์ปรากฏในรุ่นลูกรุ่นหลาน(บัญญัติ เหล่าไพบูลย์, สัมภาษณ์, 26 มกราคม 2545) หากนำหลักวิทยาศาสตร์มาพิจารณาจะเห็นว่าภูมิปัญญาที่กล่าวมานี้เป็นจริงตามหลักพันธุศาสตร์ของเมนเดล (Mendel) ที่กล่าวว่า ยีนส์ (Gense) จากพ่อ-แม่จะถ่ายทอดไปควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของรุ่นลูกรุ่นหลานได้ 3.3.1.2 การคัดเลือกแม่พันธุ์ การคัดเลือกแม่พันธุ์นั้นจะต้องหาแม่พันธุ์ที่ดี มาจากเหล่าที่ดี รูปร่าง สีสัน หน้าตา แข้งขางดงาม นอกจากนั้นยังต้องสืบต่อไปถึงบรรพบุรุษด้วยว่า พ่อ - แม่ ของแม่พันธุ์นั้นเป็นอย่างไร กล่าวคือ แม่พันธุ์ที่ดีจะต้องเกิดจากแม่ไก่ที่มีลักษณะดี ลงเหล่าให้ลูกดีมาแล้ว ส่วนพ่อของแม่พันธุ์นั้นจะต้องเป็นไก่ชนที่มีลักษณะดี มีเชิงชั้นในการตีเป็นเลิศ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ จะสามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้ (สถิตย์ หลวงนันท์, สัมภาษณ์,13 พฤษภาคม 2545) และจากการสัมภาษณ์นายประยูร โพธิ์ชัย ผู้เลี้ยงไก่ชนมากว่า 30 ปี เคยรับราชการในกรมป่าไม้และย้ายไปรับราชการอยู่หลายแห่ง และก็เลี้ยงไก่ชนไปด้วยปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ยังเลี้ยงไก่ชนอยู่ ปัจจุบันเป็นเจ้าของซุ้มหนุ่มเจ้าถิ่นตั้งอยู่ที่บ้านหนองกุง ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น พบว่าการคัดเลือกแม่พันธุ์นั้นต้องดูว่าลูกไก่ชุดใไหนที่ตัวผู้ชนเก่งที่สุดและมีประวัติการชนจากบ่อนได้มากครั้งก็คัดเลือกเอาจากไก่ชุดนั้นมาทำเป็นแม่พันธุ์ โดยเอาไก่สาวมาปล้ำกันดูตัวไหนเชิงดีตีเจ็บก็เอาตัวนั้นมาเป็นแม่พันธุ์ต่อไป (ประยูร โพธิ์ชัย, สัมภาษณ์, 11 มีนาคม 2545) นอกจากนี้ผู้วิจัยได้พูดคุยกับนาย นายสำเรียน เทพไกรวัลย์ เป็นทั้งผู้เพาะเลี้ยง ฝึกซ้อมและมือน้ำเอง มีประสบการณ์เลี้ยงไก่ชนมากว่า 20 ปี และมีซุ้มไก่เป็นของตัวเอง เคยเป็นกรรมการรักษาเวลา ( โดยใช้ขันน้ำ ) ที่สนามชนไก่บ้านคำไฮ-หัวทุ่ง อยู่บ้านหว้า ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นถึงการคัดเลือกแม่ไก่ว่ามีหลักในการคัดเลือก ดังนี้คือ แม่ไก่ต้องสูงลำตัวยาวสมส่วนที่เรียกว่า ไก่ฐานดี นอกจากนั้นดูที่เกล็ดแข้งต้องมีกากบาท เกล็ดเดิมพันสูงตลอดแข้ง เกล็ดกำไล เกล็ดแตกที่นิ้วก้อยและเกล็ดอื่นๆ ที่เป็นเกล็ดดีประกอบ (สำเรียน เทพไกรวัลย์, สัมภาษณ์, 12 มีนาคม 2545) จากภูมิปัญญาการเลือกไก่ตัวเมียไว้เป็นแม่พันธุ์ในจังหวัดขอนแก่นที่กล่าวมานี้พบว่าหลักการในการคัดเลือกแม่ไก่มีส่วนคล้ายกับทางภาคกลาง ผู้วิจัยขอยกตัวอย่างภูมิปัญญาของภาคกลางของอาจารย์พน นิลผึ้ง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาคัดเลือกแม่ไก่ทางภาคกลางดังนี้คือ ให้เริ่มเลือกตั้งแต่ตอนที่ไก่เป็นสาวรุ่นๆ อายุประมาณ 4 - 5 เดือน ก่อนออกไข่ เนื่องจากช่วงนี้ไก่จะมีรูปร่างโครงสร้างทางสรีระให้เห็นเด่นชัด และให้เลือกแม่พันธุ์ที่มีลักษณะดังนี้ 1) หน้าแหลมกลมกลึงแบบหน้านก ถ้าได้แบบหน้านกยูง หน้ากา หรือหน้าเหยี่ยว ได้ยิ่งดี ตาเรียวไม่ลึก ขอบตาสองชั้น ตาสีตามสายพันธุ์ เช่น ตาสีปลาหมอตาย (ขาวอมเหลือง) ตาหินชนวน (ตาดำ) ตาสีไพล จะเป็นไก่ฉลาดและอดทน หงอนบางเรียบกอดกระหม่อม ปากแหลมคม มีร่องน้ำ เหง้าปากใหญ่ ปากสีเดียวกับแข้ง หูรัด เหนียงเล็ก ไม่หย่อนยาน 2) สีตรงตามสายพันธุ์หรือสีเดียวตลอดทั้งตัว แม่ไก่ควรเลือกขนพื้นสีเดียว เช่น เขียว ดำ แดง จะดี ไม่ควรมีสีด่างหรือสีเปรอะ ขนสร้อยคอมีขลิบตามพันธุ์ เช่น สีประดู่ ก็มีสีประดู่ขลิบที่ขนคอ เหลืองก็มีเหลืองขลิบที่ขนคอ 3) จะต้องเป็นไก่ที่มีโครงร่างดี จับยาวสองท่อน คอดกลาง บานหัว บานท้าย กระดูกอกใหญ่และไม่คดงอ บั้นท้ายโตแบน หลังยาว ปั้นขาใหญ่ คอยาวโค้งแบบคอม้าหรือคองูเห่า กระดูกปล้องคอถี่และใหญ่ กระปุกน้ำมันเดียว ขั้วหางใหญ่ดกและยาว 4) แข้งขากลม เล็ก นิ้วกลมยาว เกล็ดเรียงกันเป็นระเบียบ ท้องแข้งเต็ม มีปุ่มเดือย แข้งสีเดียวกัน ไม่ดำด่าง สีแข้งรับกับปาก ถ้ามีเกล็ดพิฆาตด้วยยิ่งดี 5) กิริยาชั้นเชิง เป็นไก่คล่องแคล่ว ว่องไว สะบัดหัว เล่นสร้อยตลอดเวลา เวลาจับจะจับได้ยาก พอจับได้แล้วจะเชื่องมือ ลองเอามาชนดูเชิง ถ้าเป็นไก่ชนได้สองหน้าสองคอ ตีแม่น ตีเจ็บ ตีลำโต ยืนดินดี ก็นำมาเป็นแม่พันธุ์ได้ (พน นิลผึ้ง. 2543 : 18) จากการคัดเลือกพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ก็สะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาชาวบ้าน เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ชนที่นำมาใช้ในการคัดเลือกไก่ที่จะนำมาเป็นพ่อ-แม่พันธุ์ เพื่อให้ได้ลูกไก่ที่เกิดมามีลักษณะที่ดีจากการถ่ายทอดลักษณะทางสายเลือด ซึ่งภูมิปัญญาเหล่านี้ได้จากการศึกษา สังเกตและจดจำแล้วนำมาปฏิบัติจริงแล้วทั้งสิ้น และที่สำคัญชาวบ้านจะเลือกพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์มาจากเหล่ากอที่ดี หรือเป็นไก่ที่มีตระกูลและมีชื่อเสียง มีประวัติชนดีชนเก่งมาก่อนซึ่งภูมิปัญญานี้สามารถอธิบายได้โดยวิทยาศาสตร์ด้วยหลักพันธุศาสตร์ของเมลเดล ว่าลักษณะทางพันธุกรรมของลูกจะได้รับการถ่ายทอดมาจาก พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ดังนั้นไก่ที่ชนเก่งย่อมมีโอกาสที่จะให้ลูกที่ชนเก่งด้วย ชาวบ้านจึงพิถีพิถันในการเลือกพ่อไก่-แม่ไก่โดยอาศัยพันธุ์ประวัติอย่างละเอียดลออ 3.3.1.3 ข้อที่ควรคำนึงในการคัดเลือกและเตรียมพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ จากข้อมูลภาคสนามนายสำเรียน เทพไกรวัลย์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการคัดเลือกและเตรียมพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้ดังนี้ 1) ไม่ควรเอาไก่ครอกเดียวกันมาผสมกันเพราะจะทำให้เกิดการผสมแบบเลือดชิด (inbreeding) ซึ่งจะทำให้ได้ไก่ลักษณะด้อยลงเรื่อยๆ 2) พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ จะต้องมีสุขภาพดี ปลอดโรคต่างๆ เช่น โรคคอดอก โรคขี้ขาว เป็นหน่อที่เท้าหรือที่เรียกว่า ลงพื้น หรือโรคอื่นๆที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม(สำเรียน เทพไกรวัลย์, สัมภาษณ์, 12 มีนาคม 2545) และจากผู้วิจัยได้สัมภาษณ์ นายพลาวิทย์ หล้าวงศ์ อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์เพาะเลี้ยงไก่ชนมานานกว่า 20 ปี เป็นคนหนึ่งที่มีส่วนดำเนินการสนามตลาดนัด ก.ไก่ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น อยู่คุ้มวัดป่าเหล่างา ถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นได้ให้แง่คิดเกี่ยวกับการเตรียมและคัดเลือกพ่อ-แม่ไก่ ดังนี้ 1) ไก่ที่นิสัยไม่ดี เช่น จิกตีลูกไก่หรือไก่ตัวเมียขณะให้อาหาร ไม่ควรเอามาทำเป็นพ่อพันธุ์ เพราะจะทำให้เสียเวลาและไม่คุ้มกับการลงทุน 2) พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ จะต้องมีความคุ้นเคยกัน ซึ่งทำได้โดยปล่อยพ่อพันธุ์- แม่พันธุ์ไว้ ในโรงเรือนเดียวกัน แล้วใช้สุ่มครอบพ่อพันธุ์เอาไว้รอให้แม่พันธุ์ไปหมอบข้างสุ่มแล้วจึงปล่อยให้ผสมพันธุ์กัน เพราะเชื่อว่า ถ้าแม่ไก่มีความเต็มใจที่จะผสมพันธุ์จะทำให้ลูกไก่ที่เกิดมามีความสมบูรณ์ 3) เตรียมโรงเรือนให้มีขนาดกว้างขวาง สะอาด สำหรับทำรังให้ไก่ ปล่อยให้พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์อยู่ตามลำพังในสถานที่ที่ร่มรื่น มีหญ้าและแมลงต่างๆ พร้อมกับให้อาหารเสริม จะทำให้เกิดการผสมพันธุ์อย่างเป็นอิสระตามธรรมชาติ พ่อพันธุ์มีความกระตือรือร้นในการผสมพันธุ์ ซึ่งจะทำให้ไข่มีโอกาสฟักออกเป็นตัวมีมากขึ้น (พลาวิทย์ หล้าวงศ์, สัมภาษณ์, 30 มกราคม 2545) จากข้อที่กล่าวมานี้ เป็นภูมิปัญญาที่สามารถอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ว่าไก่ที่จะนำมาทำพ่อ-แม่พันธุ์นั้นหากมาจากสายเลือดเดียวกัน (เลือดชิด) แล้วโอกาสที่ได้ลักษณะด้อยถ่ายทอดมายังลูกหลานนั้นมีมาก และไก่ที่มีประวัติเป็นโรคหรืออ่อนแอมาก่อนถึงจะหายเป็นปกติแล้วอาจมีรอยโรค ระบบสืบพันธุ์อาจโดนทำลายด้วยโรค จะให้ลูกไก่ไม่สมบูรณ์ สำหรับแม่ไก่มีนิสัยไม่ดี เลี้ยงลูกไม่เก่ง(ไม่แผ่)ควรคัดออก เพราะเลี้ยงลูกแล้วตายหมดจะทำให้เสียเวลาไม่ควรนำมาทำแม่พันธุ์ ส่วนการทำให้พ่อไก่และแม่ไก่มีความคุ้นเคยกันมาก่อนนั้นนับได้ว่าเป็นกุศโลบายให้แม่ไก่มีความพร้อมที่จะไข่ก่อนจึงให้ผสมพันธุ์ ซึ่งตามธรรมชาติเมื่อไข่ แก่จัดตัวเมียจึงจะยอมให้ผสมพันธุ์ เมื่อตัวเมียพร้อมการผสมพันธุ์จึงจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ส่วนการสร้างโรงเรือนและปล่อยไก่ให้ผสมพันธุ์กันตามธรรมชาตินั้นเป็นการจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมให้ไก่เพื่อให้ไก่อยากผสมพันธุ์ นับเป็นความรู้ความเฉลียวฉลาดของคนเพาะเลี้ยงไก่ชนที่นำมาใช้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติจริง 3.3.2 วิธีผสมพันธุ์ไก่ชน จากการเก็บข้อมูลภาคสนาม ทำให้ทราบว่า ผู้เลี้ยงไก่ชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีวิธีผสมพันธุ์ไก่ ดังต่อไปนี้ 3.3.2.1 วิธีธรรมชาติ พบในพื้นที่นอกเขตเทศบาลเป็นส่วนมาก เพราะชาวบ้านมีพื้นที่กว้างมากพอที่จะปล่อยไก่ให้หากินและผสมพันธุ์กันโดยอิสระ ปกติชาวบ้านมักจะปล่อยให้ไก่ชนผสมพันธุ์กันตามลานบ้าน โดยใช้พ่อพันธุ์ 1 ตัว ต่อ แม่พันธุ์ 2 5 ตัว การผสมพันธุ์แบบนี้จะทำให้อัตราการผสมติดสูง เพราะพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ได้ออกกำลังกายไปในตัว ทำให้ร่างกายแข็งแรง และที่สำคัญ คือ ไก่จะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องจัดการอะไรมากมายนัก เพียงแต่ทำรังไว้ให้แม่ไก่ได้ออกไข่ในที่ที่ปลอดภัยเท่านั้น ผู้เลี้ยงไก่ส่วนมากนิยมการผสมพันธุ์วิธีนี้ เพราะมีความเชื่อว่า การปล่อยให้แม่ไก่ออกไข่ กกไข่และเลี้ยงลูกเองจะทำให้ได้ ลูกไก่ที่แข็งแรงมากที่สุดและประหยัดมากที่สุด 3.3.2.2 วิธีขังในสุ่ม ทำได้โดยการจัดพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ไว้ในสุ่มเดียวกัน คอยเก็บไข่ทุกวัน แล้วนำไปให้แม่ไก่ตัวอื่นกกไข่แทน หรือนำไปฟักในตู้ฟัก วิธีนี้เป็นวิธีของ นายสำเรียน เทพไกรวัลย์ เหมาะสำหรับการเลี้ยงไก่ชนในพื้นที่ที่จำกัด (สำเรียน เทพไกรวัลย์, สัมภาษณ์, 12 มีนาคม 2545) 3.3.2.3 วิธีขังในเล้า เป็นวิธีของนายทองดี ไชยกำเนิด ส่วนมากพบในเขต เทศบาลเมืองขอนแก่นที่มีพื้นที่ในการเลี้ยงไก่จำกัดทำได้โดยการสร้างเล้าไก่แล้วทำรังไก่ไว้ในเล้า แล้วปล่อยให้พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ผสมพันธุ์กันในเล้า (ทองดี ไชยกำเนิด, สัมภาษณ์, 12 มีนาคม 2545) 3.3.2.4 วิธีปล่อยแปลงตาข่าย เป็นวิธีของนายสถิตย์ หลวงนันท์ ชุมชนบ้านโนนทันและนายประยูร โพธิ์ชัย บ้านหนองกุง ตำบลศิลา ทำได้โดยการสร้างเล้าไก่แล้วทำรังไก่ไว้ในเล้า ใช้ตาข่ายขึงบริเวณรอบๆเล้า แล้วปล่อยพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ลงผสมพันธุ์ในแปลงตาข่าย แม่ไก่จะวางไข่ในเล้า ฟักไข่และเลี้ยงลูกเอง (สถิต หลวงนันท์, สัมภาษณ์, 10 มีนาคม 2545) การผสมพันธุ์ไก่ชนนั้นเป็นวิธีธรรมชาติที่ไม่ต้องการดูและเอาใจใส่มากนัก แม้ในปัจจุบันนี้มีการนำการผสมเทียมเข้ามาใช้และมีการขังแม่ไก่แบบใช้ขังในกรงตับและเก็บไข่มาฟักในตู้ฟักไข่ซึ่งเป็นการเพาะไก่ชนสนองความต้องการของลูกค้าของฟาร์มไก่ชนซึ่งทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในแถวถาคกลางเท่านั้น แต่ชาวบ้านในอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นยังคงนิยมใช้การผสมพันธุ์ไก่ของตนเองโดยวิธีธรรมชาติอยู่ แต่จะคอยป้องกันไม่ให้แม่ไก่ไปผสมกับพ่อไก่ตัวอื่นโดยทำรั้วหรือกั้นด้วยตาข่าย จากนั้นก็ปล่อยให้ไก่ผสมพันธุ์อย่างอิสระไม่มีการดูแลอะไรมากนักเพราะเนื่องจากว่าชาวบ้านจะต้องออกจากบ้านไปประกอบอาชีพอย่างอื่น |
||
|