|
|||
เว็บไซท์ที่น่าสนใจ |
![]() ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)
การเลี้ยงไก่ชนระยะนี้ ต้องเอาใจใส่เป็นอย่างมาก เพราะเป็นระยะที่ไก่ยังไม่แข็งแรง ดังนั้นในช่วง 3 วันแรกยังไม่ต้องให้อาหาร จัดหาเพียงน้ำสะอาดและเม็ดกรวดเล็กๆไว้ให้ไก่กิน เนื่องจากในช่วงนี้ ลูกไก่จะมีอาหารจากไข่แดงที่เหลือสะสมไว้ในตัว ถ้าให้อาหารในระยะนี้จะทำให้ลูกไก่ท้องเสีย จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ สำหรับอาหารควรเริ่มให้ลูกไก่กินข้าวเป็นอันดับแรก ในระยะนี้ลูกไก่ต้องการอาหารที่มีโปรตีนสูง ควรให้อาหารสำเร็จรูปสำหรับไก่เล็กร่วมกับรำและปลายข้าวหรือจะใช้อย่างเดียวก็ได้ วิธีนี้เหมาะสมและสะดวก ทำให้ลูกไก่แข็งแรง โตเร็วและอัตราการเลี้ยงรอดสูง เพราะได้อาหารครบถ้วนกว่าวิธีดั้งเดิมที่ให้แต่อาหารธรรมชาติอย่างเดียว การให้อาหารไม่ควรให้คราวละมากๆ ควรแบ่งให้ครั้งละน้อยๆ และให้บ่อยครั้ง แบ่งเป็นมื้อเช้า กลางวัน บ่ายและเย็น การให้หัวอาหารมีข้อดีตรงที่ทำให้ไก่มีอัตราการเจริญเติบโตดี แต่ทำให้ไก่สะสมไขมันและอ่อนแอ หัวอาหารอาจมีความเหมาะสมกับการเลี้ยงไก่ชนิดอื่นที่ไม่ใช่ไก่ชน เพราะไก่ชนต้องการกระดูกและกล้ามเนื้อที่ใหญ่และแข็งแรง เตรียมร่างกายเอาไว้สำหรับต่อสู้ ดังนั้นอาหารที่มีตามธรรมชาติเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับไก่ชนมากที่สุด จากข้อมูลภาคสนามพบว่าชาวบ้านรู้จักการนำเอาปลวกมาเป็นอาหารไก่ ทำให้ไก่มีอัตราการเจริญเติบโตดี โครงสร้างใหญ่และแข็งแรง ไม่มีอาการข้างเคียงที่เป็นอุปสรรคในการชน และปลวกที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงไก่นั้น มักทำรังอยู่ตามป่าเสื่อมโทรม รังมีสีน้ำตาลขนาดเท่าลูกฟุตบอล ชาวบ้านเรียกปลวกชนิดนี้ว่า ปลวกไก่น้อย นำมาเลี้ยงไก่โดยใช้มีดสับรังปลวกแล้วเคาะปลวกออกจากรังให้ไก่กินทีละน้อย ที่เหลือก็ใช้เลี้ยงในวันต่อไปได้ แต่ปกติปลวกจะมีอยู่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว โดยจะกินไม้หรือใบไม้ที่กองทับถมกัน ด้วยเหตุนี้นายคำตัน ทองล้น เจ้าของฟาร์มไก่ชนยูงทอง จึงได้พยายามแนะนำชาวบ้านให้ทำตามโครงการ ปลูกไผ่เลี้ยงไก่ชน เพราะป่าไผ่จะมีปลวกและแมลงต่างๆที่ไก่ชนชอบกินมาอาศัยอยู่ ไก่ก็จะได้รับอาหารที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอ และชาวบ้านก็จะได้รับประโยชน์จากต้นไผ่อีกทางหนึ่ง เพราะไผ่เป็นไม้ที่ใช้หน่อเป็นอาหาร เป็นสินค้าและสามารถแปรสภาพเป็นหัตถกรรมอีสานได้มากมาย ซึ่งเป็นการเสริมรายได้ ลดรายจ่ายของชาวบ้าน ในที่สุดจะนำไปสู่การพึ่งตัวเองของชุมชน นอกจากนั้นยังต้องให้ภูมิคุ้มกันโรค เช่น ภูมิคุ้มกันโรคหลอดลมอักเสบ ฝีดาษ นิวคลาสเซิลและอหิวาต์ไก่ ตามระยะเวลาที่เหมาะสม ดังนี้ ครั้งที่ 1 ให้ภูมิคุ้มกันโรคนิวคลาสเซิล สเตรนเอฟ เมื่อไก่อายุ 1 สัปดาห์ โดยหยอดตาหรือจมูก 1 หยด และให้ภูมิคุ้มกันโรคฝีดาษ โดยใช้เข็มสำหรับวัคซีนฝีดาษไก่จุ่มวัคซีนแล้วปักลงบนพังผืดปีกด้านใน 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 ให้ภูมิคุ้มกันโรคหลอดลมอักเสบ เมื่อไก่อายุ 2 สัปดาห์ โดยหยอดจมูก 1-2 หยดและควรทำซ้ำทุก 3 เดือน ครั้งที่ 3 ให้ภูมิคุ้มกันโรคนิวคลาสเซิล สเตรนเอฟ เมื่อไก่อายุ 4 สัปดาห์ โดยหยอดตาหรือจมูก 2 หยดและควรทำซ้ำทุก 3 เดือน ครั้งที่ 4 ให้ภูมิคุ้มกันโรคอหิวาต์ไก่ เมื่อไก่อายุ 6 สัปดาห์ โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อหน้าอก 1 ซีซี.และควรทำซ้ำทุก 3 เดือน หลังจากลูกไก่ได้รับภูมิคุ้มกันโรค ลูกไก่จะเกิดภาวะเครียด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อภูมิคุ้มกัน จึงต้องให้วิตามินและยาปฏิชีวนะเสริมเพื่อให้ลูกไก่แข็งแรง สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ และเมื่อลูกไก่อายุได้ 2 เดือน ให้แยกลูกไก่ออกมาจากแม่และช่วงนี้เองลูกไก่จะจิกตีกันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในฝูง ซึ่งอาจทำให้บาดเจ็บล้มตายกันได้ ดังนั้นจึงต้องให้วิตามินและยาปฏิชีวนะอีกครั้งเพื่อลดภาวะเครียด (ภมร พุทธสอน, สัมภาษณ์, 23 กรกฎาคม 2543) การเลี้ยงดูลูกไก่ระยะแรกนี้ ลูกไก่ควรได้รับการเอาใจใส่มากเป็นพิเศษเพราะลูกไก่ยังไม่แข็งแรง หากินยังไม่เก่งและยังไม่รู้จักการหลบหลีกภัยต่างๆ เมื่อครบอายุที่ต้องทำวัคซีนป้องกันโรคต้องทำตามปฏิทินการให้วัคซีนของกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด เพราะสาเหตุที่ไก่ของชาวบ้านตายเป็นอันดับแรกคือสาเหตุมาจากโรคระบาด แต่ชาวบ้านส่วนมากยังไม่มีการป้องกันโรคตามหลักวิทยาศาสตร์ หากไก่ป่วยก็จะรักษาด้วยสมุนไพรซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง จะเห็นว่าชาวบ้านใช้หลักเวชศาสตร์มาใช้กับการเลี้ยงไก่ชนของตนเอง โดยการพึ่งพาภูมิปัญญาตัวเองเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของนฤมิตร สอดสุข โดยให้ชาวบ้านพึ่งตัวเองได้ ลดการพึ่งพาจากภายนอก จะทำให้ชุมชนเข้มแข็งเป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน 3.3.8 วิธีการเลี้ยงดูและให้อาหารลูกไก่ชนรุ่นกระทง ไก่อายุ 5-6 เดือน จะเรียกว่า ไก่กระทง ระยะนี้ไก่จะมีความแข็งแข็ง รู้จักหากินเอง หลบหลีกภัยและช่วยตัวเองได้มากขึ้น อาจจะเริ่มปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติ ช่วงนี้ไก่จะไม่ค่อยอยู่ติดกับแม่ไก่แล้ว การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในระยะนี้ก็คือ ไก่ตัวผู้จะเริ่มมีเสียงขัน ไก่ตัวเมียจะเริ่มติดตัวผู้เพื่อผสมพันธุ์ ระยะนี้ต้องแยกตัวผู้ตัวเมียออกจากกัน เพื่อคัดเลือกไก่ที่มีลักษณะดีไว้เป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ส่วนไก่ที่ลักษณะไม่เหมาะกับการเป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ จะคัดออกขายหรือนำมาแยกเลี้ยงไว้เป็นอาหารสำหรับบริโภคในครัวเรือน ไก่ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีสีขนสวยงามเป็นมันเลื่อม เริ่มรู้จัก กรีดกรายขึ้นทับตัวเมีย ระยะนี้ให้ระวังไก่จะจิกตีกันเอง โดยเฉพาะเวลาที่ไก่เปียกฝน ขนจะลีบลู่ติดกับลำตัว ไก่ชนจะ จำกันไม่ได้คิดว่าเป็นไก่นอกฝูงที่ไม่คุ้นเคยกัน เมื่อไก่จิกตีกันเองก็จะเกิดการบาดเจ็บเสียสภาพการเป็นไก่ชน ดังนั้นเมื่อไก่ชนอายุได้ 7 เดือน ควรนำมาคัดเลือกเอาเฉพาะตัวที่มีลักษณะดี นำมาขังสุ่ม เพื่อป้องกันการจิกตีกันและฝึกให้เป็นไก่ชนต่อไป |
||
|