ปีที่ 2 ฉบับที่ 603 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ

หน้า 1

พระอดิศักดิ์-เมตตา

ประวัติไม่น่าเชื่อถือ

เผยเหตุ พระอดิศักดิ์-เมตตานันโท ถูกเฉดหัวออกจากวัดพระธรรมกาย พระอดิศักดิ์ ความผิดเพียบ ทั้งทำร้ายอาจารย์ จนเป็นคดีขึ้นโรงพัก เจ้าโทสะ และมีข้อหายักยอก ทรัพย์สินของวัด ติดตัวไปอีกด้วย ด้านพระเมตตานันโท คิดการใหญ่พัวพันการเมือง ถึงกับขอเงินวัด ไปสนับสนุน ความเคลื่อนไหวของ ออง ซาน ซูจี ในประเทศพม่า และหาเงิน 20 ล้าน ช่วย โจนาธาน ดูดี้ ลูกครึ่งไทยอเมริกัน ที่ฆ่าพระสงฆ์ไทยในสหรัฐ

ภายหลังจากที่มีข่าวเรื่องวัดพระธรรมกายออกมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 2541 เป็นต้นมา บัดนี้กระแสสังคมส่วนใหญ่เริ่มเอนเอียง ที่จะพิพากษาทัณฑ์ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า น่าจะมีความผิดจริง

เนื่องจากมีพระภิกษุ 2 รูป ได้ออกมาแฉพฤติกรรมที่น่าสงสัยของพระธัมมชโย ทางข่าวไอทีวี คือ พระอดิศักดิ์ วิริยสักโก อดีตพระรุ่นบุกเบิก และเหรัญญิกของวัดพระธรรมกาย และพระเมตตานันโท อดีตกรรมการบริหารอาวุโส ของวัดพระธรรมกาย พยานบุคคลสำคัญที่ออกมาให้ปากคำ อย่างไม่หวั่นเกรงต่ออิทธิพลใดๆ

อย่างไรก็ตามทาง "พิมพ์ไทย" ได้พยายามตรวจสอบในเรื่องนี้ตลอดมา และมีความสงสัยอยู่เสมอว่า พระ 2 รูปนี้ พูดจริงมากน้อยแค่ไหน จึงได้ไปสืบเสาะข่าว จากแหล่งต่างๆ ที่ใกล้ชิดของพระทั้ง 2 รูป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ และมีชื่อเสียง เป็นที่นับหน้าถือตา ในด้าน การบำเพ็ญ สาธารณประโยชน์ หลายด้าน

ในที่สุดความจริงก็เปิดเผยออกมา เพราะแหล่งข่าวผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว ยอมเปิดเผยข้อมูลว่า ตนเองได้รู้จักกับพระ 2 รูป เป็นอย่างดี และตนเอง เป็นผู้ที่มีส่วนช่วยสนับสนุน การดำเนินงานของวัดพระธรรมกาย มาตั้งแต่เริ่มต้น

"ที่ต้องมาให้ข้อมูลในครั้งนี้ เพราะทนอัดอั้นตันใจไม่ไหว หวังว่า ทางวัดจะได้รับความยุติธรรมบ้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีสื่อมวลชน ใดเลย ที่จะตรวจสอบกลับไปว่า จริงๆ แล้ว พระอดิศักดิ์ กับพระเมตตา ออกมาจากวัดพระธรรมกายนั้น แน่ใจหรือกับที่เขาพูดว่า ต้องออกมา เพราะทนพฤติกรรมของเจ้าอาวาสไม่ได้ หรือว่าเพราะเขามีความผิดอย่างอื่น จนต้องอัปเปหิตัวเองออกมากันแน่

สื่อมวลชนดูเหมือนจะชูพระทั้ง 2 รูป เป็นตัวนำร่อง นำประเด็นที่จะชี้ว่า วัดพระธรรมกายเป็นองค์กรอันตรายต่อพระพุทธศาสนา โดยที่ลืมย้อนกลับไปมองว่า พฤติกรรมและเจตนาของพวกเขาเอง ก็มีบางอย่างที่ส่อความพิรุธอยู่ใน ไม่น้อยเลยเช่นกัน

ในความเป็นจริงแล้ว ตนรู้จักพระอดิศักดิ์มาตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส ชื่อเดิมว่า อดิศักดิ์ อารยะวัฒนาพงศ์ เป็นคนมีนิสัยเจ้าชู้มาตั้งแต่หนุ่ม ขนาดที่บวชเป็นพระแล้ว ก็ยังหนีไม่พ้นมีเรื่องชูสาวเกิดขึ้น เมื่อคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ตักเตือนในเรื่องนี้ เพราะมีผู้หญิงที่พระอดิศักดิ์เกี่ยวพันด้วย มาสารภาพผิด เรื่องความประพฤติดังกล่าวต่อคุณยาย

แต่แทนที่รพะอดิศักดิ์จะยอมรับผิด กลับปฏิเสธอย่างหนักแน่น และเก็บความแค้นไว้ในใจ จนเมื่อสบโอกาส พระอดิศักดิ์ถือโอกาส เดินชนคุณยาย ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีแล้ว และยังเอามือทุบอกของอาจารย์ตนเองอีกด้วย จนได้มีการนำเรื่องนี้ ไปแจ้งความกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ณ สงขลา สถานีตำรวจคลองหลวง เป็นผู้รับแจ้งความ ขณะนี้นายตำรวจผู้นี้ ได้ย้ายไปอยู่ที่ สภ.อ.หัวหิน

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ในวัดอีก ซึ่งพระอดิศักดิ์กับสีกาสาวคนหนึ่ง ได้ทำขึ้น จนเป็นข่าวอื้อฉาวมากที่สุดในวัด จากเรื่องนี้ จึงทำให้พระอดิศักดิ์ ต้องออกจากวัดไปอย่างถาวร

ด้าน พระเมตตานันโท เป็นฉลาด ความจำดี สามารถอธิบายความต่างๆ ให้เข้าใจได้ง่าย แต่มีส่วนบกพร่องคือ ขาดความเกรงใจ ไม่รู้คุณคน เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน เอาแต่ใจตัว ขาดวิจารณญาน และ ฝักใฝ่ทางการเมือง

ที่ว่า ขาดความเกรงใจนั้น อาจารย์วัลลภา ชาติประเสริฐ เล่าให้ตนฟังว่า ได้สนับสนุนพระรูปนี้ เพราะคิดว่า ต่อไปจะเป็นกำลัง ให้กับพระศาสนา เมื่อพระเมตตาจะไปศึกษาต่อเมืองนอก ได้ออกปากขอเงิน ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งสมัยนั้นราคาแพงมาก แต่รายได้ ของอาจารย์มีไม่มาก เป็นข้าราชการ และยังต้องเลี้ยงดูบุตรด้วย จนทำให้อาจารย์นำเรื่องดังกล่าว มาปรึกษากับตนในที่สุด

ส่วนเรื่องความไม่รู้คุณคนนั้น อาจารย์ ก. มีสามีเป็นนักธุรกิจอาวุโส ให้รายละเอียดว่า ก่อนที่พระเมตตา จะไปศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัย อ๊อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ มีปัญหาเรื่องที่พัก จึงขอร้องให้สามีซึ่งรู้จักกับท่านสุเมโธ ที่วัดจิตตวิเวก หรือ ชิตเฮิร์สท์ (Chithurst Forest Monastery) ให้ที่พักแก่พระเมตตา ภายหลังเมื่อพระเมตตา พบตนกับสามี ไม่เคยขอบคุณหรือเอ่ยถึง ทั้งที่สามีเป็นผู้ใหญ่ และช่วยวิ่งเต้น ในต่างประเทศให้

ที่สำคัญคือ พระเมตตาพัวพันการเมือง โดยในวันหนึ่ง พระเมตตาได้ขอวัดพระธรรมกาย ให้การช่วยสนับสนุน นางอองซาน ซูจี ในการต่อสู้ ที่พม่า แต่รองเจ้าอาวาสได้ปฏิเสธ โดยบอกว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่พึงกระทำ

อีกกรณีหนึ่ง เป็นคดีของ โจนาธาน ดูดี้ ลูกครึ่งชาวไทย สังหารพระสงฆ์ไทยที่วัดในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2536 พระเมตตา ได้ทำจดหมาย ออกเรี่ยไรเงิน จากญาติโยม โดยอ้างว่า ได้รับไฟเขียวจากเจ้าอาวาส ให้ดำเนินการ ทั้งที่กองทุนมนุษยธรรม ที่อเมริกา รับผิดชอบ ดูแลคดีอยู่

พระเมตตาดื้อดึงออกเรี่ยไรเงิน โดยอ้างว่า จะนำมาเป็นค่าทนายจำนวนเงิน 20 ล้านบาท ซึ่งสามารถเรี่ยไรไปกว่าล้านบาท แต่มติของวัด ไม่เห็นชอบ กับการกระทำอันเป็นการก้าวก่ายทางการเมือง จึงเป็นเหตุให้พระเมตตาต้องออกจากวัดไปในที่สุด และไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เงินจำนวนนี้   ได้ถูกใช้ไปเพื่อการใด"

ดังนั้น น้ำหนักความน่าเชื่อถือของพระทั้ง 2 รูปที่โจมตีวัดพระธรรมกายในขณะนี้ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะพฤติกรรม ดังที่กล่าวมาแล้ว ข้างต้น

[หน้าหลัก][ข่าวหน้า1][วิวาทะ][บทนำ][ปุจฉา]