ปีที่ 2 ฉบับที่ 786 ประจำวันอังคารที่ 7 เดือนกันยายน พ.ศ. 2542 |
อธิบดีกรมการศาสนาตัวจริง "พิภพ" เตรียมสอบกรณีเทปลับฉาว เลื่อยขาเก้าอี้อธิบดี สั่งให้ "มาณพ" ทำหนังสือชี้แจง ด้านพระครูสุวรรณวชิรธรรม ปฏิเสธไม่รู้เรื่องเทปสินบน ขณะที่พระครูพี่ชาย "จารุวรรณ" สารภาพสิ้นต้องการช่วยมาณพ เป็นอธิบดี โดยใช้หลักฐานสินบน ล้มธรรมกาย ครั้นถูกซักหนักจึงออกอาการโยนบาปให้มาณพ-จารุวรรณ ชงเรื่อง ขึ้นมา โดยที่อาตมาเข้าใจว่า เป็นเงินบริจาคของธรรมกาย เผยฟ้อง ก.พ. 6 บิ๊กขรก.กรมการศาสนาทำผิดกฎหมาย
พระครูสุวรรณวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดสกุลปักษี ซึ่งเป็นบุคคลที่นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษกรมการศาสนา ระบุว่า เป็นผู้โทรศัพท์ติดต่อมายังนายมาณพ เพื่อให้ ช่วยเหลือ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยมีการพูดเรื่องเงินสินบนด้วย เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 กันยายนว่า ไม่รู้เรื่องดังกล่าว และไม่เคยคุย กับ นายมาณพ ในเรื่องนี้ ดูข่าวจากหนังสือพิมพ์แล้ว ยังรู้สึกงง ไม่เข้าใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย นอกจากการนำพระและเณรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม ไปขอรับทุนจาก วัดพระธรรมกายเท่านั้น เรื่องอื่นไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่สื่อมวลชนก็เหมาว่า อาตมาเป็นตัวตั้งตัวตีเสียทุกเรื่อง
พระครูสุพรรณฯ ไม่รู้เรื่องเทป
เมื่อถามว่า รู้จักนายมาณพ และนางจารุวรรณ พลไพรินทร์ หรือไม่ พระครูสุวรรณวชิรธรรม กล่าวว่า นายมาณพ รู้จักแน่นอน เพราะเคยเป็นผู้อำนวยการ กองศาสนสมบัติ และนัดประชุมพระ และเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรม บ่อยครั้ง ส่วน นางจารุวรรณ รู้จักในงานศพ แต่ไม่รู้ว่า เป็นภรรยานายมาณพ เพราะรู้จักแต่ภรรยาเก่า
ต่อข้อถามที่ว่า รู้หรือไม่ว่าข่าวที่ว่า มีการพูดคุยต่อรองเรื่องเงิน กับนายมาณพ และนางจารุวรรณ เพื่อให้ช่วยเหลือพระธัมมชโย มีการบันทึกเทปไว้ด้วย พระครูสุวรรณ วชิรธรรม กล่าวว่า ไม่รู้ และไม่เคยรู้ด้วยว่า อัดเทปกันอย่างไร ไม่รู้ว่าเสียงเหมือนอาตมาหรือไม่ อยากฟังเสียงในเทปบ้าง ตอนนี้ ยังไม่มีตำรวจจากกองปราบปรามมา ติดต่อทั้งสิ้น
แจงเหตุพระ-เณร จะอดตาย
พระครูสุวรรณวชิรธรรม กล่าวอีกว่า เหตุที่ต้องไปขอรับทุน หรือรับผ้าป่า จากวัดพระธรรมกาย เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้พระและเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ได้ฉันภัตตาหารกัน เนื่องจาก กรมการศาสนาไม่มีงบประมาณจะให้ ถ้าไม่ไปรับทุนจาก วัดพระธรรมกาย พระและเณร คงจะอดตายกันหมด
"ตอนนี้จะแย่กันหมดแล้ว เศรษฐกิจมันตกต่ำ จะต้องจำนำวัดกันแล้ว ถ้าไม่มีใครช่วยเหลือ เพราะมันจนกันใหญ่แล้ว ค่าไฟฟ้า น้ำมันก็ขึ้น แล้วครูในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ก็ขอขึ้นเงินเดือนอีก จะอยู่กันไม่ได้แล้ว ไม่เห็นมีใครยื่นมือมาช่วยเลย ปัญหาอย่างนี้ จะให้พวกเราตายกันหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ขอไปที่กรมการศาสนาแล้ว ก็บอกไม่มีงบ ขอองค์การ เอกชน มาช่วยพวกเราทีเถอะ" เจ้าอาวาสวัดสกุลปักษี กล่าว
พระครูน่านสารภาพช่วยมาณพ
ผู้สื่อข่าว "พิมพ์ไทย" ได้สอบถามไปยังพระครูฯ ที่จังหวัดน่าน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพระสังฆาธิการในจังหวัด และเป็นบุคคลที่นายจารุวรรณ พลไพรินทร์ ให้ความนับถือ เป็น ญาติสนิทเหมือนพี่ชาย เหมือนบิดา และเป็นเจ้าชีวิต ถูกกล้างอ้างในเทปลับ ให้สีกาป้อมที่อ้างตัวเป็นศิษย์ธรรมกาย โอนเงินผ่านไปยังบัญชีพระครูดังกล่าว ปรากฏว่า พระครูรูปนี้ ยอมรับว่า รู้จักกับนางจารุวรรณ และเสียงที่พูดคุยกันในเทปลับ ก็เป็นเสียงจริงของอาตมา
"มาณพ" คนดีส่งถึงอธิบดี
"อาตมาเห็นว่า โยมมาณพเป็นคนดี ก็อยากจะช่วยสนับสนุนให้ได้ขึ้นเป็นใหญ่ในกรมการศาสนา เป็นอธิบดีว่ากันอย่างนั้น อาตมายืนยันด้วยศีลของอาตมาว่า โยมมาณพ เป็นคนดี พระทั่วประเทศรู้ดีว่า เป็นคนอย่างไร พูดกันตรงๆ ล่ะกัน เรื่องสินบนธรรมกาย อาตมาต้องการให้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะล้มธรรมกาย" พระครูจังหวัดน่านกล่าว
เมื่อถามว่า ท่านเป็นพระภิกษุ ทำไมต้องลงทุนถึงขนาดเอาเลขที่บัญชีธนาคารของตัวเอง โอนผ่านเงินสินบน พระครูรูปนี้ ตอบว่า ก็ต้องการช่วยโยมมาณพ ช่วยให้เป็น อธิบดี กรมการศาสนา
สุดท้ายโยนบาปจารุวรรณ
เมื่อถามว่า การทำอย่างนี้ เป็นอาบัติ ผิดต่อพระธรรมวินัย พระครูรูปนี้ถึงกับพูดไม่ออก จนผู้สื่อข่าว "พิมพ์ไทย" ต้องหาทางออกให้ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ ท่านพระครูไม่รู้เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับสินบน หากแต่นางจารุวรรณ เป็นผู้ดำเนินการ กับนายมาณพ พระครูรูปนี้ นิ่งไป พร้อมกับเปล่งเสียงว่า เอ่อๆ คงเป็นอย่างนั้น
"อาตมาคิดว่า เป็นเงินบริจาค จึงบอกเลขบัญชีธนาคารของอาตมาไป ซึ่งทางธรรมกายจะมีแบบฟอร์มบริจาคเงินไปตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศอยู่แล้ว" พระครูจังหวัดน่าน กล่าวแสดงความสับสนของที่มาที่ไปของกระแสข่าวเทปลับ โดยในเบื้องต้นยืนยันว่า มีส่วนรู้เห็นทุกขั้นตอนกับเรื่องดังกล่าว ขณะเดียวกัน ก็มาปฏิเสธภายหลังว่า นางจารุวรรณ กับนายมาณพ เป็นผู้ดำเนินการทั้งสิ้น
ต่อข้อถามที่ว่า หลังจากตกเป็นข่าวนายมาณพ ได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ พระครูกล่าวว่า ไม่ได้รับการติดต่อจากนายมาณพ
ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังบัานพักของนางจารุวรรณ ปรากฏว่า ไม่อยู่ จึงใช้ความพยายามติดต่อไปหานายมาณพ ซึ่งโทรศัพท์เป็นหมายเลขเดียวกับนางจารุวรรณ ปรากฏว่า นายมาณพ เป็นผู้รับสาย ทั้งนี้ นายมาณพ ยืนยันว่า ได้หย่าขาดจากนางจารุวรรณแล้ว ส่วนเรื่องสินบนบางจารุวรรณ นำเรื่องมาปรึกษากับเขา และก็ได้ให้นางจารุวรรณ ย้อนลอยศิษย์ธรรมกาย แต่ปรากฏว่า นางจารุวรรณกลับถูกต้มเสียเอง
แหล่งข่าวจากกรมการศาสนา เปิดเผยว่า นางจารุวรรณ มักไปปรากฏตัวตามงานสังคมต่างๆ กับนายมาณพ โดยเฉพาะงานประมูลของกรมการศาสนา ก็จะมีชื่อของ นาง จารุวรรณ เป็นคนที่เข้าไปประสานเกี่ยวกับงานประมูลทุกเรื่อง
"พิภพ" ลั่น สอบ "เสี่ยมาณพ"
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)ว่า ตนจะเรียกนายมาณพ มาสอบถามถึงเรื่องราว ที่เกิดขึ้น โดยจะให้ทำหนังสือชี้แจง เป็นลายลักษณ์อักษร ว่า มีความเป็นมาอย่าง
"หากผู้ใหญ่สอบถามมา ผมจะได้อ้างได้ และขณะนี้ กรมการศาสนา ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว มีเพียงสื่อมวลชนที่เสนอข่าวสารข้อมูลเท่านั้น" นายมาณพกล่าว
มส. มีมติให้จภ.1 ชี้แจง
อธิบดีกรมการศาสนากล่าวถึงผลการประชุมของมส.ว่า ที่ประชุมมีมติรับรองผลการประชุม เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ซึ่งได้ให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 รายงานผลการ ปฏิบัติงาน ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น เป็นลายลักษณ์อักษร ต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เมื่อมส.รับรองมติแล้ว ในวันที่ 7 ก.ย. ตนจะได้ทำหนังสือรับรองมติมส. ไปมอบให้พระพรหมโมลี ซึ่งพระพรหมโมลี ยืนยันกับตนว่า ถ้าได้รับหนังสือรับรองแล้ว จะรีบชี้แจงต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ทันที
จภ.1 แต่งทนายฟ้องเซียนพระ
สำหรับกรณีพระพรหมโมลี ได้แต่งตั้งทนายความฟ้องกลับนายประจิณ ฐานังกรณ์ ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และแจ้งความเท็จ นั้น นายพิภพเห็นว่า การที่พระฟ้องร้อง ฆราวาส ขณะนี้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ สามารถฟ้องได้ ไม่ผิดกฎหมายและพระธรรมวินัย แต่ถ้าพระที่มีเมตตา ก็คงไม่ฟ้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ มีพระสงฆ์ออกมาฟ้องฆราวาสมาก ถ้าท่านเห็นว่า ทำให้ท่านเสียหายก็ฟ้องร้องได้
ทางด้าน นายรัตย์ ปิยะพงษ์ ทนายความของพระพรหมโมลี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากพระพรหมโมลี ฟ้องศาลอาญา กรณีนายประจิณ ทำให้เจ้าคณะภาค 1 เสียหาย 3 ข้อหา คือ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หมิ่นประมาท และแจ้งความเท็จ โดยศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 22 ก.ย.นี้
ขณะที่นายประจิณ กล่าวว่า ตนฟ้องพระพรหมโมลีไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเชื่อว่า ศาลจะไม่รับคำฟ้อง เพราะตามหลักพระธรรมวินัย พระฟ้องฆราวาสไม่ได้
ฟ้อง ก.พ.เอาผิดขรก.กรมศาสนา
วันเดียวกันนี้ กลุ่มเสชัยธรรม นำโดยนายจุติพงษ์ เปลี่ยนโมฬี พร้อมด้วยพวก จำนวน 300 คน ทำหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงาน ข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้ตรวจสอบ การปฏิบัติหน้าที่ ของข้าราชการกรมการศาสนา ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 34 พ.ร.บ.ระเบียบ ก.พ. แก้ไขปรับปรุง 2538 มาตรา 80 มาตรา 84 และมาตรา 85 วรรค 2
ประกอบด้วย 1) นายพิภพ กาญจนะ 2) นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ 3) นายสำรวย สารัตน์ 4) นายมาณพ พลไพรินทร์ 5) นายเชลียง เทียมสนิท และ 6) นายจรวย หนูคง
โดยหนังสือร้องเรียนกล่าวโทษข้าราชการดังกล่าวอ้างถึง ข้าราชการทั้ง 6 คน ได้ข่มขู่บีบบังคับให้ พระธัมมชโย โอนที่ดินให้วัด ทั้งที่ทุกคนต่างรู้ดีว่า ที่ดินดังกล่าว เป็นการ บริจาคในนามส่วนตัว ให้กับพระธัมมชโย
ธรรมกายโต้สินบน 1.5 ล้าน
นายวีระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย กล่าวว่า จากการติดต่อกับ นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความของวัด ยังไม่ทราบว่า มีข้อหาอะไรเพิ่มเติม ส่วนการที่ พนักงานสอบสวน จะสรุปสำนวนคดีดังกล่าว ส่งให้กับอัยการ ในวันที่ 9 กันยายน และเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องไปพบพนักงานสอบสวน ก่อนส่งมอบสำนวนนั้น จะขอ ปรึกษา กับทนายความของวัดก่อนว่า เจ้าอาวาส จะต้องไปพบพนักงานสอบสวนหรือไม่
หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย ยังได้กล่าวถึงข่าว การวิ่งเต้นล้มคดี ด้วยการจ่ายเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท ผ่านทางอดีตภรรยานายมาณพด้วยว่า ไม่เป็นความจริง อย่าง แน่นอน โดยการต่อสู้ของวัดพระธรรมกาย และเจ้าอาวาสที่ผ่านมาจะยึดหลักความจริง ตามตัวบทกฎหมาย และมติมหาเถรสมาคม และเชื่อว่า จะได้รับความยุติธรรมในที่สุด
ตร.มั่นใจสำนวนแน่นหนา
พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย กล่าวแสดงความมั่นใจว่า สำนวนคดี ที่จะส่งให้อัยการวันที่ 9 กันยายน มีความแน่นหนา และอัยการ น่าจะสั่งฟ้อง ส่วนที่มีข่าวว่า จะออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น พล.ต.ท.วาสนา กล่าวว่า มีแน่นอน แต่ขอสงวนชื่อ และ จำนวนไว้ก่อน สำหรับข้อหาฉ้อโกงประชาชนของพระธัมมชโย ยังไม่ได้มีการสอบสวน แต่จะเรียกพยานสอบไปเรื่อย ๆ หลังจากมีการส่งสำนวนคดีนี้ให้กับอัยการแล้ว ทั้งนี้วันนี้ พล.ต.ท.วาสนา ได้ขอเทปข่าวเกี่ยวกับเรื่องธรรมกายทั้งหมดจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 และ ไอทีวี. ไปประกอบสำนวนด้วย
อย่างไรก็ตาม หากวันที่ ๙ กันยายน ธัมมชโย และนายถาวร พรหมถาวร ไม่มาโดยอ้างว่า ป่วย นั้น พล.ต.ท.วาสนา กล่าวว่า คงจะต้องพิจารณาถึงเหตุผลว่า เป็นเช่นนั้น จริง หรือไม่ แต่ก็ต้องนำตัวไปส่ง พร้อมสำนวนให้ได้ โดยจะนำไปส่งที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก เนื่องจากคดีนี้ มีการสอบสวนและจับกุม ในเขตพื้นที่อำนาจของพนักงานสอบสวน
พล.ต.ท.วาสนา ยังกล่าวถึงกรณีที่นายมาณพ ถูกติดต่อให้วิ่งเต้นล้มคดี ว่า ยังไม่มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่หากจะสอบจริง ๆ ต้องเรียก พระครูสุวรรณวชิรธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเทปในการใช้ติดต่อหรือไม่ พล.ต.ท.วาสนา ไม่ตอบคำถามดังกล่าว แต่ระบุว่า ถ้ากระทรวงศึกษาฯ ติดต่อขอมา จะส่งให้ แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เคยติดต่อ
เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯแจง
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า ยังมีทางออกในการดำเนินการกับ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามกฎนิคหกรรมได้ แต่คงต้อง รอให้มีการแก้ไขกฎ ให้เรียบร้อยก่อน และรอให้คดีทางโลกเสร็จก่อน ถ้าศาลสงฆ์ดำเนินการไปตอนนี้ ด้วยจะเกิดความสับสนขึ้น เมื่อถามว่า ที่บอกว่า ศาลสงฆ์ยัง ดำเนินการต่อได้ คืออะไร เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ปฏิเสธที่จะบอกรายละเอียด และกล่าวเพียงว่า "ก็พอทำได้ แต่ไม่ต้องให้บอกตอนนี้ ศาลสงฆ์หยุดนิ่งไปก่อน รอ ๆ ศาลบ้านเมือง และกฎระเบียบ ใหม่ ที่จะแก้ให้เรียบร้อยดี ให้สมบูรณ์ ให้ออกมาใช้ได้เลย เรื่องของวัดพระธรรมกาย ยังอยู่อีกนาน"
เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้อาตมายังไม่ถือว่า เรื่องปัญหาวัดพระธรรมกายได้พ้นตัวแล้ว เพราะเรื่องยังคลุมเครืออยู่ แต่ไม่ถือว่า เป็นเรื่องหนักใจ สำหรับ ในเรื่องเงินทองสินบนต่าง ๆ เพื่อล้มคดีศาลสงฆ์ อาตมารับประกันได้แน่นอนว่า ไม่มี เพราะไม่ชอบเรื่องนี้จนขึ้นสมอง และการดำเนินการต่าง ๆ ไม่ได้เกรงใจใครทั้งนั้น ทั้งพระพรหม โมลี เจ้าคณะภาค 1 ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ได้สนใจหรือยุ่งเกี่ยวกับ นำเรื่องนี้ไปเกี่ยวโยงกับการแต่งตั้งสมณศักดิ์พระสังฆาธิการ ที่จะมีเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ พระสุเมธาภรณ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้กำลังรอว่า เมื่อใดที่ตำรวจจะขอสอบปากคำ กรณีนายประจิณ ฐานังกรณ์ ร้องว่า อาตมาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และกำลังรอดูว่า ถ้าทางนายประจิณ ดำเนินการเรื่องนี้จริงจัง ก็จะฟ้องกลับบ้าง