ปีที่ 2 ฉบับที่ 812 ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
3 ตุลาคม ศกนี้ เป็นวันมงคล เนื่องในวโรกาสครบรอบวันคล้ายวันประสูติ 85 พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ซึ่งเป็นองค์สังฆบิดร
ของพุทธศาสนิกชน
ขอพุทธศาสนิกชนทุกท่าน บำเพ็ญ ศีล ทาน บารมี เพื่อเคารพบูชาองค์สังฆบิด อย่าได้นำความเห็นที่แตกต่างมาเป็นประเด็น สร้างความละคายเคืองเบื้องพระบาท
สองวันที่แล้ว สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ และไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา เดินทางไปนมัสการพระธรรมปิฎก ถึงวัดญาณเวศกวัน เพื่อให้กำลังใจ
และสอบถาม
ถึงกรณีที่ถูกโจมตีว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา
สมศักดิ์ ยืนยันว่า พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์ทั้งสองฉบับ เป็นผลงานของคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ไม่เกี่ยวข้องกับพระธรรมปิฎก แต่อย่างใด
รมว.ศึกษาธิการ สำทับถึงกณี ความต้องการที่จะนำคฤหัสถ์มาปกครองสงฆ์นั้น แท้จริงแล้ว ไอเดียดังกล่าว เกิดจากกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง
ไม่เกี่ยวกับพระธรรมปิฎก
อีกเช่นกัน
กรุณาจำกันไว้ให้ดีนะครับ ว่าใครเป็นใคร มีบทบาทหน้าที่กันอย่างไร สรุปความพยายามเกี่ยวกับการออกกฎหมายควบคุมสังฆมณฑล หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญคือ คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ มีอำนวย สุวรรณคีรี เป็นตัวตั้งตัวตี และกระทรวงศึกษาธิการ โดย สมศักดิ์ หรือเสี่ยตือ
ขณะเดียวกัน พระธรรมปิฎกก็ยังมองว่า เรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ความจริงมีความเคลื่อนไหวที่จะปรับเปลี่ยนมากว่า 20 ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่
เป็นเรื่องธรรมดา ของกฎหมาย เมื่อใช้ไปนานๆ กาลเวลาเปลี่ยนไป ก็ต้องปรับปรุงใหม่ ให้ทันเหตุการณ์
ที่ผ่านมา เมื่อใช้ไปแล้ว ปฏิบัติไปแล้ว อาจเกิดข้อบกพร่อง
การออก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ต้องพิจารณาที่พระธรรมวินัยเป็นหลัก พระธรรมวินัยว่าอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามอย่างนั้น
พระธรรมปิฎกเห็นว่า เวลานี้การปกครองคณะสงฆ์ แยกออกเป็นเสี่ยงๆ หากเรารู้เป้าหมายร่วมกันก็สามารถประสานได้ สิ่งที่สำคัญต้องเน้นไตรสิกขาให้กับพระ
ท่านเจ้าคุณมีความเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คณะสงฆ์อย่างนี้ ก็ต้องพนมมือ สาธุ สาธุ สาธุ
นั่นหมายถึงจะเอากฎหมายทางโลกมาเป็นต้นร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้นความพยายามของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้คฤหัสถ์มาปกครองพระ ถือว่าเป็นเรื่องที่ล่อแหลมเป็นอย่างมาก ต่อสังฆมณฑลทั่วประเทศ
พระกับพระท่านพูดกันรู้เรื่อง เพราะมีศีลเสมอกัน 227 ข้อ แต่จะเอาฆราวาสที่แม้แต่ศีล 5 ข้อยังไม่แน่ใจว่า ขาวสะอาดเพียงใด มายุ่มย่ามพระ จะกลายเป็นเรื่องยุ่งอีรุงตุงนัง
การออกกฎมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกฎหมายปกครองสูงสุดของประเทศ ยังต้องทำประชาพิจารณ์ เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนคนไทยทั่วประเทศ
ทางกลับกัน การออกพ.ร.บ.คณะสงฆื ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงนั้น คือพระภิกษุสงฆ์ และสามเณรทั่วประเทศ
ปากหนักไปหรือเปล่าครับ ท่นรัฐมนตรี
คงไม่เสียเวลา หรือลำบากยากเย็นอะไรที่จะไปสอบถามพระสงฆ์องค์เจ้าท่านสักหน่อยเป็นไรว่า ยินดีพร้อมใจหรือไม่ ที่จะนำ พ.ร.บ.ฆราวาสหัวดำปกครองสงฆ์
มาให้พระท่าน ยึดถือ ปฏิบัติ
สังฆพิจารณ์เท่านั้น คือหนทางที่จะต้องเร่งรีบดำเนินการ หากเห็นว่า กฎหมายปกครองสงฆ์ล้าสมัยเกินไปแล้ว มีข้อบกพร่อง หย่อนยานมากมาย
โดยเฉพาะที่ปรึกษากรรมาธิการการศาสนา "อำนวย" ไม่ทราบว่า มีอะไรอยู่ข้างหลัง หรือว่า เสี่ยวรเดช เป็นแรงเชียร์ จึงออกอาการเหมือนวัยรุ่นใจร้อนเร่งผ่าน พ.ร.บ.หัวดำ
ปกครองสงฆ์ โดยไม่ทำสังฆาพิจารณ์สอบถามความเห็นของหมู่สงฆ์ก่อน
คันแต่ไม่รู้จักที่คัน เรียกว่า "เกาผิดที่" คันหางดันเกาหัว
ก็เหตุเกิดที่ไหนเล่า ไยเจ้าไม่รู้
อริยสัจของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า น้อมนำมาเป็นแนวทางแก้เหตุแห่งทุกข์ รู้ให้เท่าทัน ก็จะสามารถดับทุกข์นั้นๆ ลง ได้อย่างง่ายดาย
สำคัญอย่างเดียว อย่าได้เที่ยวไปคบค้าแต่ผู้ที่ชอบนิยมความรุนแรง จับพระมาชี้หน้าด่าทางทีวี สร้างค่านิยมให้กับตัวเอง ชนิดไม่เกรงกลัวบาปกรรม เห็นพระเป็นแพะ จับพระชนพระ จนเกิดความร้าวฉานในวงการสงฆ์
เร่งรีบทำลายม่านหมอกเสียแต่เดี๋ยวนี้ เถิด หากอยากได้ชื่อว่า เป็นผู้รักพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เพราะพระท่านพูดคุยกันรู้เรื่องอยู่แล้ว
นักวิชา "กร่าง" รับประทานมื้อละแสน โรงแรมหรู
อย่าสู่รู้มั่วธรรมะจนเกินจริง
จะแดดิ้นไร้แผ่นดินกลบหน้าเอย
โซตัส