ปีที่ 2 ฉบับที่ 814 ประจำวันอังคารที่ 5 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

"กรณีธรรมกายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว จะตะแบงอะไรกันอีก

ในที่สุดคดีของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย ผู้ตกเป็นจำเลยของสังคม และสื่อมวลชน ที่ลงความเห็นเกือบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า พระรูปนี้เป็นพระปลอม ต้องอาบัติ ชั่วหยาบรุนแรง ถึงขั้นประหารชีวิต ตัดขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์ในเถรวาท 

โดยที่ไม่มีใครยอมฟังมติของคณะกรรมการมหาเถรสมาคม

ล่าสุดสำนักอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องศาล เพื่อพิจารณาสำนวนตามที่พนักงานสอบสวนส่งมาตามลำดับ

กรณีธรรมกาย และเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ตลอดจนลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ต้องว่ากันไปตามกระบวนการตุลาการ 

ผมจะคอยดูว่า มนุษย์หน้าไหนจะออกมาตะแบง ชี้ผิด ชี้ถูก จัดรายการเอามันส์เข้าว่า จับพระทะเลาะกับพระไปทั่วประเทศ

จนหาความเป็นกลางไม่ได้

รวมถึงพระที่ร่วมวงเสวนากับคฤหัสถ์ซาดิสม์ คณะนั้นด้วย 

เป็นความทุเรศ และถือเป็นความตกต่ำที่สุดในวงการคณะสงฆ์ไทย

บ้านเมืองมีกฎหมายเป็นกลไกปกครองสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่คนใจร้อน หนุ่มน้อยผมหงอก ผมบางหลายคน บางคนลืมตาดูโลกมาเกือบจะลาโลงอยู่แล้ว ยังไม่เข้าใจกฎ ระเบียบของสังคม

เอาความรู้สึกของตัวเองมาจับ มากวาด จนสับสนวุ่นวาย

ผมย้ำว่า... คดีธรรมกายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เพราะอัยการมีความสั่งฟ้อง เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหา อยากรู้นัก มนุษย์หน้าไหน จะเที่ยวเดินยุ่มย่ามก้าวก่ายอำนาจตุลาการ

ตราบใดที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ต้องยกประโยชน์ให้กับจำเลยว่า เขายังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เมื่อใดก็ตามที่ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว เมื่อนั้นแหละ จะด่าว่า จะเยาะเย้ย ตามประสา ชาวบ้าน แม่ค้าร้านตลาด ก็ไม่มีใครว่า

แต่ผู้ที่ได้ชื่อเป็นวิญญูชนหลายท่าน มีคลังสมองเป็นถึง ดร. เป็นราชบัณฑิต ไยจึงไม่เข้าใจกฎระเบียบของสังคม ผมไม่เข้าใจว่าคนเหล่านั้น ต้องการสร้างชื่อ สร้างภาพให้กับตัวเอง ไปถึงไหน

โดยเฉพาะการออกโรงเพื่อเรียกค่านิยมจากสังคม ในนามที่ผู้อื่นประสบเคราะห์กรรมเวทนาอยู่

เกือบขวบปี กรณีธรรมกาย ผู้ที่ติดบัตรปกป้องพระพุทธศาสนา และแม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อเป็นภิกษุสงฆ์ด้วยกันเอง หามีใครนำหลักวิชชาของพระพุทธเจ้า มาน้อมนำปฏิบัติ เพื่อหาทาง ออก ให้กับ ปัญหาเลย

ซ้ำกลับยังนำองค์สมเด็จพระสังฆราชฯ มาเป็นเกราะกำบัง สร้างความชอบธรรมให้กับหมู่คณะ

กล่าวหาผู้อื่นรักพระพุทธศาสนากันแต่เปลือกกระพี้ ไม่เข้าใจถึงแก่นธรรม

กล่าวหาผู้อื่นปกป้องเดียรถีย์ ผิดหลักการทำนุบำรุงอุ้มชูพระพุทธศาสนา 

กล่าวหาผู้อื่นว่า สักว่าเป็นชาวพุทธแต่เพียงสำมะโนครัว หรือทะเบียนบ้าน

น่าจะหากะลาใหญ่สักใบ

ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกหน้าพิศเงาตัวเอง เพื่อยังประโยชน์ให้เกิดแก่ตนก่อน ที่จะเที่ยวพ่นน้ำลายรดหน้าผู้อื่น

หากลดทิฐิมานะ ทำลายอัตตาของตัวเองได้แล้ว

ค่อยเสนอหน้ามาพูดถึงเรื่องนิพพานเป็นอนัตตา หรืออัตตา 

โดยเฉพาะนักการเมืองที่กำลังมีบทบาทสำคัญในการยกร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ทั้งสองฉบับ สำรวจตรวจตราพรรคของตัวเองเสียก่อน ว่าเน่าเหม็นเพียงใด กวาดขยะซุกใต้พรม อย่าหวังว่าบ้านหลังนั้นจะสะอาดอย่างแท้จริง

ว่ามีส่วนเกิน ส่วนงอกตรงไหน มีส่วนบริหารทำให้ประเทศชาติตกอยู่ในภาวะคับขันถึงเพียงนี้ เอาเงินช่วยเหลือแต่เจ้าสัว ถีบหัวคนยากคนจน

ยังหน้าด้านอ้างว่า เกิดมาจากเด็กวัด แม่เป็นแม่ค้า ตัวเองเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง

ต้องพิจารณากันให้หนัก ต้องสำเหนียกกันให้มากกว่านี้

จะเอาเงินปิดฟ้า หว่านจ่ายแจกสื่อมวลชน ซื้อนักวิชาการมาเป็นสมุนรับใช้อำนาจเผด็จการสร้างภาพแหกตาประชาชน

สัจธรรมที่ว่า ไม่มีความลับในโลก และเวรกรรมมีจริง ท่านต้องให้เกียรติ ยำเกรง เคารพเชื่อมั่นในสัจธรรมของพระพุทธเจ้า

จะเอาอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวมารุมทำร้ายผู้อื่น พวกมากเสียงดัง ยกมือเมื่อไหร่ กูก็ชนะในสภาฯ พูดอะไรออกไปก็คนของกูทั้งนั้น

ความรู้สึกอย่างนั้น ความเห็นชอบอย่างนั้น ไม่จัดเป็นสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้อง ไม่อาจลบล้างความศักดิ์สิทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย

ไม่อาจลดทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพระนิพพานได้เลย

หากพิจารณาเห็นพระนิพพานเป็นผลไม้หมดฤดู และจะไม่ผลิดอกออกผลอีกต่อไป พุทธศาสนาจะถูกลบไปจากประเทศไทย ภายในไม่ถึงชั่วอายุคน

และสิ่งที่ผมเขียนอยู่ เป็นลายลักษณ์อักษร เผื่อชะตากรรมบ้านเมืองประเทศชาติ คนไทยชาวพุทธไม่โชคร้ายจนเกินไป ก็เชื่อว่าจะนำไปเป็นข้อมูลอ้างอิง เพื่อสร้างสัมมาทิฐิอันชอบ ในการปกป้องพระพุทธศาสนา ให้สืบต่อไปตราบนานเท่านานด้วยเถิด

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][เจาะคน][สหัสวรรษ][วิวาทะ]