ปีที่ 2 ฉบับที่ 815 ประจำวันพุธที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
ฝ่ายราชการ "ปูพรม" ถล่มธรรมกาย "ตือ" ส่งหนังสือถึงเจ้าคณะปทุม-คลองหนึ่ง สั่งปลดเจ้าอาวาส พระสุเมธาภรณ์รับลูก สั่งชี้ขาดวันนี้ ศิษย์วัดยันพระธัมมชโยป่วยจริง ไม่ได้แกล้ง อัดตำรวจทำเกินเหตุ วีระศักดิ์เตือน ปลดเจ้าอาวาส เป็นหน้าที่ของมส. ฆราวาสอย่าก้าวก่าย ด้านศิษย์ใกล้ชิดโดนคดีเป็นทิวแถว ถาวรขึ้นศาลเชียงใหม่
หมอพรชัยถูกแพทยสภา เล่นงานอ่วม พิจารณาจรรยาบรรณ
รายงานข่าวจากวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 14 นาฬิกาเศษ ของวันจันทร์ที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมารับหลวงพ่อธัมมชโย และคุณถาวร พรหมถาวร ให้เดินทางไปยังศาลอาญา เพื่อรับฟังการรับฟ้องของอัยการ
นายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์พยาบาล มูลนิธิธรรมกาย และนายแพทย์บรรลือ กองไชย แพทย์ผู้ชำนาญด้าน หู คอ จมูก จากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ยืนยันตรงกันว่า หลวงพ่อธัมมชโย มีอาการอาพาธ เนื่องจากกล่องเสียงและหลอดลมอักเสบ ซึ่งจำเป็นต้องพักผ่อนมากๆ ประมาณ 3 สัปดาห์
หมอยันพระธัมมชโยป่วยจริง
นอกจากนี้ ท่านยังเป็นโรคภูมิแพ้ ดังนั้น การเดินทางออกไปข้างนอกนั้น จะต้องพบกับสภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษ อากาศที่เปลี่ยนแปลงเร็ว เนื่องจากต้องเข้าออกห้องแอร์บ่อยๆ ซึ่งอาจมีผลให้ระยะเวลาของอาการที่จะดีขึ้นนั้น ต้องยืดออกไปอีก
อีกทั้งผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อ ก็ได้กล่าวยืนยันอาการอาพาธของหลวงพ่อว่า ท่านมีอาการเจ็บคออย่างหนัก มา 2-3 วันแล้ว จะฉันแต่ละทีก็ลำบาก บางวันฉันได้แค่มื้อเพล และบางมื้อ ท่านฉันข้าวต้มไปเพียง 2-3 คำ ก็ฉันไม่ได้อีก เพราะมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ และจะมีอาการนี้ทั้งวัน
พูดไม่ได้เขียนนส.แทน
ตอนที่แพทย์จากรพ.ตำรวจมาตรวจ หลวงพ่อเจ็บคอมาก จนไม่สามารถพูดอธิบายอาการให้ฟัง ต้องเขียนใส่กระดาษว่า "หลวงพ่อไปไม่ไหวจริงๆ หลวงพ่อไม่หนีไปไหนหรอก" และทางแพทย์จากรพ.ตำรวจเอง ก็เห็นว่า ท่านไอจนตัวงอ แต่ก็ยังยืนยันว่า อาการไม่เป็นอะไรมาก สามารถเดินทางได้ หลังจากแพทย์และตำรวจออกจากห้องไปแล้ว หลวงพ่อท่านก็ลุกขึ้นไปอาเจียนอย่างหนัก ที่ห้องน้ำทันที ทั้งๆ ที่เห็นว่า เป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมตำรวจยังสั่งอย่างนี้
ตร.ทำรุนแรงเกินไป
ถึงแม้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะได้ยืนยันอาการป่วยของหลวงพ่อ แต่ตำรวจยังไม่ยอมเชื่อ ทั้งๆ ที่ตามจรรยาบรรณตำรวจ หากผู้ต้องหาป่วย และไม่มีแนวโน้วจะหลบหนี ก็จะอนุญาตให้เลื่อนการรับฟังคำรับฟ้องออกไปได้ อีกทั้งข้อหาเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ไม่ใช่ความผิดที่ร้ายแรง เหตุใดเจ้าพนักงานตำรวจ จึงได้ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดต้องส่งตำรวจ และแพทย์มาตรวจซ้ำอีก ทั้งๆ ที่นายแพทย์พรชัย และนายแพทย์บรรลือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็ได้ยืนยันไปแล้ว ตำรวจกำลังทำตามกระแสมากเกินไปหรือไม่ ฤาตำรวจกำลังตามกระแสสื่อมวลชน ที่พยายามชั้นำตลอด?
เรื่องสงฆ์หัวดำอย่ายุ่ง
นายวีระศักดิ์ ฮาดดา หน.มูลนิธิธรรมกายกล่าวว่า เรื่องการปลดเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องของสงฆ์ไม่ใช่ฆราวาส เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม กรมการศาสนา มีหน้าที่เป็นเลขานุการของมหาเถรสมาคม คอยดูแลรักษาผลประโยชน์ของวัด ไม่มีอำนวจที่จะสั่งปลดเจ้าอาวาส ขอให้ขั้นตอนต่างๆ เป็นการพิจารณาของคณะสงฆ์ตามลำดับชั้น
หน.สำนักงานมูลนิธิธรรมกายกล่าวด้วยว่า ขอความเป็นธรรมให้กับพระธัมมชโยด้วย เรพาะว่าป่วยมาหลายวันแล้ว ไม่ใช่ป่วยวันจะขึ้นศาล ที่ผ่านมา หากให้เวลาพักรักษาตัวอีก 1-2 วัน คงไม่เกิดความเสียหาย เพราะไม่ได้หนีไปไหน โดยเฉพาะไปครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีแรงกดดันใดๆ เนื่องจาก ทางอัยการจะให้ประกันตัว ไม่เหมือนครั้งแรกที่วัดชนะสงคราม การบังคับพระที่ป่วยไปขึ้นศาล ทำให้ภาพของตำรวจที่ปรากฏสู่สาธารณชนไม่ดี
อัดตือกดดันสงฆ์
ส่วนการที่นายสมศักดิ์ รมว.ศึกษาฯ สั่งให้กรมการศาสนา ออกหนังสือ หรือมีคำสั่งเสนอความเห็นไปยังคณะสงฆ์ ให้สั่งพักการเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ของพระธัมมชโย ตนเห็นว่า เป็นการสร้างกระแสกดดันคณะสงฆ์
น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี ประชาสัมพันธ์วัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ที่สื่อมวลชน วิทยุ และโทรทัศน์ พากันประโคมข่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สั่งปลดพระธัมมชโย จากตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้น ข่าวดังกล่าว ไม่เป็นความจริง เพราะผิดระเบียบขั้นตอนการดำเนินการ ตามกฎหมายสงฆ์
จวกสื่อมั่วข่าวปลดเจ้าอาวาส
เนื่องจาก ผู้พิจารณาในเรื่องดังกล่าวก็คือ ผู้ปกครองใกล้ชิด คือเจ้าคณะตำบล ดังนั้น การออกข่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดสั่งปลดนั้น จึงเป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน
คงเป็นการเข้าใจผิด
ของสื่อมวลชน ที่ไม่รู้ขั้นตอน
ศึกษาฯ เด้งรับลูกตร.
ดร.วิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เรียกนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาและนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์
รองอธิบดีกรมการศาสนา
มาหารือ เพื่อดำเนินการดังกล่าว โดยดร.วิชัย กล่าวก่อนร่วมหารือว่า เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ซึ่งยอมรับว่าการดำเนินการ
อาจจะล่าช้า ไปบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
หาเรื่องอีกปลดเจ้าอาวาส
จากการหารือแล้วเห็นว่า ขณะนี้พระธัมมชโยถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา สามารถใช้กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 ข้อ 56 ให้เจ้าคณะตำบล
สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาส
วัดพระธรรมกายได้ เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้ายังให้ดำรงตำแหน่งอยู่ อาจเสียหายได้ โดยในวันนี้กรมการศาสนา จะส่งหนังสือแจ้งไปยัง เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้แจ้งต่อไปยัง เจ้าคณะตำบล เพื่อพิจารณา
ขณะนี้ในดุลยพินิจของเรา ความเสียหายอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะว่าเป็นคดีเกี่ยวกับการยักยอกเงิน เกี่ยวกับเจ้าอาวาสนำเงินของวัด ไปใช้ ในทางธุรกิจ ในทางอื่นๆ
หากจะอยู่ใน
ตำแหน่งดังกล่าวนี้ ก็จะมีผลเสียหายได้
ส่วนคดีทางธรรมของพระธัมมชโย ขณะนี้หยุดและแขวนไว้อยู่ ก็จะให้อธิบดีกรมการศาสนา ได้ไปกราบนมัสการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่อยู่ในมหาเถรสมาคม
เพื่อให้มีพลังเป็น
หนึ่งเดียว ในการแก้ปัญหาวัดพระธรรมกาย
"เสี่ยตือ" สั่งเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากอัยการสั่งฟ้องพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในคดีอาญา 2 ข้อหาแล้ว นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.กระทรวงศึกษาธิการ
มีคำสั่งให้
กรมการศาสนาทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะตำบลคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ถอดถอนตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ในระหว่างที่มีการพิจารณาคดี
ของพระธัมมชโย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ถ้าเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดของพระธัมมชโย ไม่มีคำสั่งพักตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กรณีเป็นพระสังฆาธิการถูกฟ้อง ตกเป็นจำเลย จะต้องมีเหตุผลตอบให้ชัดเจนว่า เพราะอะไร ขณะเดียวกัน ตนจะขอให้นำเอกสารคำฟ้องของอัยการ เข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อประกอบการพิจารณาคดีในทางธรรม
ด้านนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ได้ร่างหนังสือส่งให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และเจ้าคณะตำบลคลอง 1 แล้ว ส่วนเจ้าคณะตำบลจะสั่งพัก
การเป็น เจ้าอาวาส ของพระธัมมชโยหรือไม่ ขอให้อดทนรอคอย การปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม อย่าเพิ่งวิตกกังวลว่า เจ้าคณะตำบลจะไม่ดำเนินการ
เพราะขณะนี้สถานการณ์
เปลี่ยนแปลง ไปจากเดิมแล้ว
โทษไม่ถึงสึก
ทั้งนี้ ตนจะประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุด ขอเอกสารการสั่งฟ้องพระธัมมชโย ส่งให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี หรือเจ้าคณะตำบลคลองหลวง
ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของ
พระธัมมชโย เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 ใช้ประกอบการพิจารณาสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของพระธัมมชโย
แต่ขั้นนี้ยังไม่ถึงขั้น
ให้พระธัมมชโยสึก
พูดเหมือนรู้ว่าปลดแน่
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวด้วยว่า หลังจากเจ้าคณะตำบลคลองหลวงมีคำสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของพระธัมมชโยแล้ว
จะต้องแต่งตั้งรองเจ้าอาวาส
หรือ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ขึ้นรักษาการเจ้าอาวาสแทน หรืออาจเป็นพระรูปอื่นก็ได้ ที่พิจารณาเห็นสมควร
ส่งหนังสือถึงเจ้าคณะปทุมฯแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (5 ต.ค.) นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังฆการ
กรมการศาสนา นำหนังสือชี้แจง
เรื่องศาลรับฟ้องพระธัมมชโย ไปยังเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้พิจารณาตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 ข้อ 56 ที่ระบุว่า
พระสังฆาธิการ รูปใด ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา และอยู่ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัย ถ้าผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นว่า หากให้ดำรงตำแหน่งต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์ จะสั่งให้พักจากตำแหน่งหน้าที่ไว้ก่อนก็ได้
บังคับให้ชี้ขาดวันนี้
เวลา 18.10 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ได้นำหนังสือชี้แจงศาลรับฟ้องพระธัมมชโย และให้พิจารณาตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 ให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระสุเมธาภรณ์ กล่าวว่า จะรีบทำหนังสือให้เสร็จภายในคืนนี้ และแจ้งไปยังเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ส่งต่อให้เจ้าคณะตำบลคลอง 1 ในวันนี้ (6 ต.ค.) เพื่อให้ทำการชี้ขาด
ศาลเลื่อนคดีอ้างชื่อ "ทวี" ไถวัด
ศาลจังหวัดธัญบุรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทที่นายอรรคพล ขาวสัก แอบอ้างชื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม
เรียกเงินจากวัดพระธรรมกาย
จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อล้มคดีวัดพระธรรมกาย แต่ศาลได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 22 ตุลาคมนี้ เพื่อรอการสืบสวนของเจ้าพนักงาน
หมอศิษย์วัดเจอเล่นอีก
กรณี น.พ.พรชัย พิญญพงษ์ แพทย์ประจำมูลนิธิวัดพระธรรมกาย ออกใบรับรองแพทย์รับรองอาการป่วย ของพระธัมมชโยว่าหนักมาก ไม่สามารถมารับฟังคำสั่งฟ้องที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม แต่เมื่อตำรวจนำแพทย์จากโรงพยาบาลอื่น ไปตรวจอาการพระธัมมชโย พบว่า อาการไม่หนัก และนิมนต์มารับฟังคำสั่งฟ้องนั้น
น.พ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกแพทยสภา กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นได้มีการตรวจสอบเอกสารพบว่า น.พ.พรชัย
ขึ้นทะเบียน ขอใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือใบประกอบโรคศิลปะกับแพทยสภา กรณีที่ให้ความเห็นดังกล่าวทางแพทยสภากำลังขอเอกสารจากตำรวจ และผู้เกี่ยวข้อง
เพื่อนำเข้าที่ประชุม
อนุกรรมการจริยธรรม ซึ่งประชุมกัน ทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือน ในเดือนนี้ ตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม ได้ผลอย่างไร
จะนำเข้าที่ประชุม
คณะกรรมการ แพทยสภาชุดใหญ่ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
น.พ.สุวิทย์ กล่าวว่า หากการพิจารณาพบว่า คดีมีมูล โทษของการให้ความเห็น หรือออกใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ จะมีโทษถึงขั้นพักใช้ใบอนุญาต อาจะเป็นพักใช้ 1 เดือน 3 เดือน หรือเป็นปี แล้วแต่ความเห็นของที่ประชุมแพทยสภา หรือโทษขั้นร้ายแรงมาก ถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม
ที่ผ่านมา
ยังไม่เคยมีการเพิกถอนใบอนุญาต
การประกอบ วิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากการออกใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ
แพทย์สภาอ้างเสียภาพพจน์หมอ
การให้ใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กระทบต่อความน่าเชื่อถือของแพทย์ในวงกว้าง และสังคมสนใจ ทางอนุกรรมการจริยธรรมแพทยสภา
จึงเร่งดำเนินการ
สอบสวนโดยเร็ว จากการตรวจสอบพบว่า น.พ.พรชัย สำเร็จการศึกษาเมื่อปี 2534 ทำงานมาได้ 8 ปีแล้ว
ทั้งนี้การให้การรับรองเป็นเท็จ ยังกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหมอคนนั้นเอง ซึ่งโทษขึ้นกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถ้าคนไข้ตายโทษก็หนัก แต่ถ้าไม่ถึงขึ้นอันตรายร้ายแรง โทษจากการประกอบวิชาชีพไร้มาตรฐาน ก็ลดลงมา
แพทย์ถูกสังคมใช้เป็นเครื่องมือ บางกรณีไม่น่าจะกำหนด ให้มีการใช้ใบรับรองแพทย์ เช่น การสมัครงาน การสมัครเรียนต่อ เอนทรานซ์
ไม่คัดเลือกคนที่เหมาะกับ
ตำแหน่งงาน จำนวนหนึ่ง แล้วมาตรวจร่างกายอย่างละเอียด
คนสมัครเอนทรานซ์ ปีละแสนคน ให้คนที่ผ่านข้อเขียน ไปตรวจร่างกายละเอียด เพียงหมื่นคน แพทย์จะได้มีเวลารักษาคนไข้อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม
การที่มีคนมาตั้งโต๊ะขาย
ใบรับรองแพทย์ ให้ประชาชนในช่วงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดรับสมัคร ทางแพทยสภาเข้าไปดำเนินการพัก ใช้ใบอนุญาตแพทย์เหล่านั้นแล้ว หากสังคมช่วยกันสอดส่อง เชื่อว่า แพทย์คงไม่กล้านอกลู่นอกทาง สังคมจะให้การยอมรับใบรับรองแพทย์มากขึ้น
ส่งตัว "ถาวร" ไปเชียงใหม่
เมื่อเวลา 09.25 น.วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พ.ต.ต.การุณ อินประสาร สารวัตรแผนก 3 กองกำกับการ 3 ตำรวจกองปราบปราม และกำลัง นำตัวนายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์พระธัมมชโย ซึ่งขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องหา ให้การสนับสนุนพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และยักยอกทรัพย์กรณีวัดพระธรรมกาย เดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ และได้นำตัวเดินทางต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
เวลาประมาณ 10.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ส่งมอบตัวนายถาวรให้กับ พ.ต.ท.ชาตรี คงรอด รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.อ.แม่แตง ตามหมายจับ 4 ฉบับ ซึ่งออกมาตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2541 ข้อหาบุกรุก และแผ้วถางพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่แตง 4 แปลง เนื้อที่รวม 320 ไร่ 3 งาน
ปฏิเสธทุกข้อหา
แต่นายถาวร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงพิมพ์ลายนิ้วมือ และทำประวัติ เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ออกหมายจับ
ส่งฟ้องต่อ อัยการ
ในตอนบ่ายวันนี้ โดยมีทนายความเดินทางมาด้วย 1 คน เตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัว
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายอินทร มิตรเฉลียว กำนันตำบลป่าแป่ อำเภอแม่แตง มาชี้ตัวและยืนยันการกระทำผิด โดยนายอินทร
ระบุว่านายถาวร เข้ามาทำสวน
ใบชาและใบเมี่ยง ในพื้นที่ป่าสงวนฯ ชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ดำเนินการแจ้งความจับ ตั้งแต่ปี 2531
เมื่อเวลา 14.40 น. วานนี้(5 ต.ค.) พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ นำตัวนายถาวร พรหมถาวร ผู้ต้องหาในคดีบุกรุก แผ้วถาง
และปลูกสร้าง อาคาร
ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตง พร้อมสำนวนสอบสวน ส่งมอบต่อนายสรศักดิ์ ศิริวัฒนาวงศ์ อัยการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหลังจากใช้เวลาในการพิจารณาเพียง 10 นาที ก็ได้มีคำสั่งส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ทันที
ต่อมาเวลา 16.00 น. น.ส.จริยา ปาละวงศ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านสำนวนและชี้คดี โดยนายถาวร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาทั้ง 4 คดี ผู้พิพากษาจึงนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น. และนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความ ได้ขอประกันตัวนายถาวร ด้วยเงินสดจำนวน 1.8 ล้านบาท ซึ่งนายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้พิจารณาให้ประกันตัว