ปีที่ 2 ฉบับที่ 815 ประจำวันพุธที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
สำนักข่าวต่างดาว เปิดแถลงแจงสี่เบี้ยว่าด้วยเรื่อง วัดพระธรรมกาย ที่เมื่อวานนี้ มีเสียงด่าเข้ามามากจนรับสายไม่ไหว เพราะเราไปจวกเอาที่ปรึกษาวัดพระธรรมกาย ที่ทำอะไรคิดการไม่ตลอด หวังดีแต่กลายเป็นร้ายไปซะฉิบ
ต้องยอมรับจริงๆ ว่า เหล่ากัลยาณมิตร วัดพระธรรมกายเหนียวแน่น อย่างกับตังเม ด่าสำนักข่าวต่างดาว จนอ่วมอรทัย ด่าจนเละเป็นโจ๊กโดนปาระเบิด
ฮ่า ๆ แต่เราก็น้อมรับคำด่าด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ...
เพียงแต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เราอยากเถียงให้คอเป็นเอ็น เราขอยืนยันว่า เราไม่ได้ด่าพระธัมมชโย แต่เราด่าทีมที่ปรึกษา ที่ไม่ยอมให้ท่านไปฟังคำวินิจฉัยของอัยการ
สมมตินะว่า ในวันนั้น หลวงพ่อธัมมชโย เดินลงจากรถพยาบาลด้วยความองอาจ หิ้วสายน้ำเกลือพะรุงพะรัง
ประชาชนที่เห็นภาพในจอทีวี เขาก็จะชมว่า หลวงพ่อใจเด็ด ขนาดป่วยปางตาย ยังเดินทางมาศาล รักษาสัจจะยิ่งชีวิต
แต่ในเหตุการณ์ที่สื่อมวลชนตีพิมพ์ กลับกลายเป็นว่า หมอกรมตำรวจบุกไปจับผิดพระถึงวัด เอาตัวมาส่งอัยการ
ภาพที่เกิดขึ้นมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
แทนที่พระจะถูกสรรเสริญ กลับมาถูกด่าเปิง นี่มันอะไรกัน ทีมที่ปรึกษาของหลวงพ่อ จะต้องทบทวนแนวคิดกันใหม่หรือไม่?
สิ่งนี้ต่างหากที่เราอยากท้วงติง และอยากบอกเหล่ากัลยาณมิตรให้เข้าใจ!!
ต่อไปมาอ่านจดหมายของคุณเมธาวี กันดีกว่า
ถึงสำนักข่าวต่างดาว
ได้อ่านข้อเขียน และคำเตือนที่ฝากไปด้วยความจริงใจ ถึงเหล่ากัลยาณมิตร รู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใยที่มีต่อกัน และกัลยาณมิตรเอง ก็ไม่มีวันที่จะโกรธสำนักข่าวต่างดาว
เพราะเราลำบากมาด้วยกัน ถูกด่าทุกวัน เพราะฉะนั้น เราจะไม่ด่ากันเอง
เหล่ากัลยาณมิตร มีความคิดที่จะเป็นคนดีของสังคม และช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เป็นคนดี เพิ่มมากขึ้น เพื่อความสงบร่มเย็น เป็นสง่าราศีของประเทศชาติบ้านเมือง มีพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเรา และให้อยู่คู่ประเทศชาติตลอดไป นี่คืออุดมคติของพวกเรา
สำนักข่าวต่างดาว ก็ทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนที่ดี มีอุดมการณ์ ที่มั่นคง เสนอข่าวให้ตรงด้วยความเป็นกลาง รับฟังข่าวสารสองทาง ให้ความกระจ่างที่น่าเชื่อถือ แก่ผู้บริโภคสื่อ
เพราะสองฝ่ายต่างก็มีหน้าที่ จึงคิดว่า น่าจะรู้กัน บางครั้งข้อมูลของเรา อาจจะไม่ถึงกันได้ทันท่วงที ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สำนักข่าวต่างดาว ไม่เข้าใจ แต่เราก็ให้อภัยกันได้เสมอ
ข่าวที่นำเสนอไปเมื่อวันที่ 5 ต.ค.2542 ที่ว่า ที่ปรึกษา "ยุให้พระโกหก" นั้น ก็ขอรับประกันได้ว่า ไม่เป็นความจริง
ความจริงก็คือ หลวงพ่อท่านอาพาธจริง ๆ เนื่องจากเป็นหวัด ทำให้กล่องเสียงอักเสบอย่างมาก จนไม่สามารถออกเสียงได้ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 2 ต.ค. จนถึงบัดนี้ (5 ต.ค.)
และเมื่อบ่ายวันที่ 4 ต.ค.42 เวลาประมาณ 14.00 น. ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ ได้เดินทางไปรับหลวงพ่อธัมมชโยถึงที่วัดนั้น
ซึ่งเป็นการกระทำ
ต่อหลวงพ่อธัมมชโย อย่างทารุณเกินไป จนถูกศิษย์ที่เห็นเหตุการณ์ ทำใจไม่ได้จริงๆ หากหลวงพ่อเป็นอะไรไปในวันนั้น ใครจะรับผิดชอบ ทั้ง ๆ ที่ นายแพทย์พรชัย พิญญพงษ์ และ นายแพทย์ บรรลือ กองชัย แพทย์ผู้ชำนาญด้านหู คอ จมูก จากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ก็ยืนยันตรงกันว่า หลวงพ่อธัมมชโย มีอาการอาพาธ เนื่องจากกล่องเสียงและหลอดลมอักเสบ
จำเป็นต้องพักผ่อนมากๆ ประมาณ 3 สัปดาห์ และยังมีโรคภูมิแพ้อีก การที่จะเดินทางออกไปพบกับสภาวะอากาศเป็นพิษ หรือเข้าห้องแอร์
ในขณะที่แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ ทำการตรวจอาการหลวงพ่อ ท่านก็เจ็บคอมาก จนไม่สามารถพูดอธิบายอาการให้ฟังได้ ท่านเขียนใส่กระดาษว่า "หลวงพ่อไม่ไหวจริงๆ หลวงพ่อไม่หนีไปไหนหรอก" (ไม่มีนะจ๊ะ) และแพทย์จากโรงพยาบาลก็เห็นกับตาว่า ท่านไอตัวงอจนเจ็บหน้าอก
ครับ .. เราทราบว่า หลวงพ่อป่วยจริง แต่ตำรวจเขาสั่งว่า "ถึงหามใส่เปลก็ต้องเอาตัวมาให้ได้" โหดเหี้ยมทารุณจริงๆ