ปีที่ 2 ฉบับที่ 818 ประจำวันเสาร์ที่ 9 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
สำนักข่าวต่างดาวเปิดแถลงแจงสี่เบี้ย ว่าด้วยเรื่องกรณีวัดพระธรรมกายอีกวัน และจะเขียนครั้งนี้แล้วเลิก เพราะอยากให้ศิษย์วัดธรรมกายรับรู้ความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น คือไม่อยากอธิบายมาก เพราะมีโทรฯ และจม.เข้ามาถามมากเหลือเกิน
คือเรื่องเมื่อวันที่ 4 ต.ค.นั้น คุณเชื่อหรือไม่ว่า ศิษย์ธรรมกาย ยังไม่ยอมจบ ทั้งโทร. ทั้งจดหมายมาด่าแบบ "นันสต็อปแอคชั่น" เรื่องนี้ เราไม่ว่ากันอยู่แล้ว
ด่าอย่างอื่นน่ะด่าได้ แต่ด่าว่าเราทำตัวเป็น "ผู้พิพากษาหน้าใหม่ ยุคสองพัน" นั้น ตรงนี้ ตอบเลยว่า ไม่เคยคิดเช่นนั้นจริง
และถ้าใครอ่านบทความโดยใช้วิจารณญาน หรือใช้หลักโยนิโสมนสิการ ยืมคำฮิตที่ "โซตัส" เขาชอบใช้มาเขียนหน่อย
รับรองเลยว่า พวกคุณจะไม่ด่าสำนักข่าวต่างดาว อย่างแน่นอน เราต้องการ "เตือนสติ" ที่ปรึกษาของวัด ที่ไม่มองเหตุการณ์ให้ตลอด
สำนักข่าวต่างดาว รู้ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. แล้วว่า ทางเจ้าหน้าที่ เขาปล่อยข่าวตีปลาหน้าไซว่า พระธัมมชโยจะเบี้ยว ไม่เดินทางมาฟังคำสั่งของอัยการ
ไม่เชื่อลองดูหัวข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ฉบับวันที่ 3 ต.ค.แล้วจะรู้
และในตอนค่ำของวันที่ 3 ต.ค. เจ้าหน้าที่เขามีประชุมวางแผนกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
ถ้าพระธัมมชโยไม่มา โดยอ้างว่าป่วย หากจะต้องใส่เปลหาม ก็ต้องเอาตัวมาให้ได้ และถ้ายังดื้อดึงไม่มา โดยใช้แบบที่เขาเรียกว่า "โล่มนุษย์"
ทางเจ้าหน้าที่เขาก็จะสั่งถอนประกันตัว เพราะถือว่า ไม่ให้ความร่วมมือ และขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน
ดังนั้น เราจึงอยากบอกว่า แม้ว่าพระธัมมชโยจะป่วยจริง ป่วยปางตาย ห้อยสายน้ำเกลือร่องแร่ง เขาก็จะหามมาจริง ทั้งนี้ เพราะเขาต้องการให้มีเหตุเกิดขึ้นอย่างนั้นอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามี "โล่มนุษย์" อย่างที่เขาว่า
ก็เข้าล็อคพอดี คือ หาเรื่อง "จับสึก" ซะเลย ไม่เชื่อลองไปถาม ทนายความ สนธยา โพธิแดง ดูได้ ขนาดต่อรองจนหน้าเหลืองหน้าเขียว อัยการเขายืนยันไม่ยอมลูกเดียว
แถมยังส่งหมอตำรวจ ไปตรวจถึงที่วัดเหมือนที่เป็นข่าวไปแล้ว
สรุปก็คือ เขามีมาตรการอย่างนี้ วางไว้ล่วงหน้า และที่ปรึกษาของวัด ก็ทำตาม "เด๊ดล๊อค" ที่เขาวางไว้ เราในฐานะที่ยืนข้างเดียวกันมาตลอด มันก็ต้อง "เตือนสติ" กันบ้างเป็นธรรมดา
เพราะเห็นแต่ละท่านมีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในสังคม ยิ่งใหญ่ด้วยกันทุกคน "เกม" แค่นี้ ยังมองไม่ออก เราก็เห็นว่า "อนาคต" ของวัดจะเป็นอย่างไรต่อไป
และถ้าคนกันเอง "เตือน" กันไม่ได้ ไม่รับฟัง ทำตัวเป็นพวก "อันทัชเอเบิ้ล" (แตะไม่ได้) ก็โอเค เพราะเราขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงเหมือนกัน
ส่วนเรื่องที่บอกว่า เหตุที่เกิดกรณีธรรมกายขึ้น เป็นเรื่องของ "กิเลสดำ" อะไรนั้น เราได้ยินมามากมายเหลือเกิน
เราขอยอมรับว่า ที่ท่านวินิจฉัยกันมานั้น "ถูกต้อง 100%" เพราะคนอยู่ในโลกนี้ ล้วนแต่มีกิเลสหนาด้วยกันทั้งนั้น ยกเว้นพระอรหันต์
ส่วนใครจะ "หนา" มากกว่าใครนั้น ก็ควรจะพิจารณาตัวเอง ไอ้ประเภทที่ปรารถนาร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีเหนือคนอื่นนั้น ในความเห็นของเรา คนประเภทนี้ "โลภมาก" กว่าคนอื่นเยอะ
ไอ้ความโลภนี่แหละ ที่พาให้ใครต่อใครฉิบหายเยอะแล้ว!!
ดังนั้น ถ้าจะพูดให้เหมือนกับที่ท่านด่าเรามาว่า "กิเลสดำ" มันพาไป ก็ถูกต้อง แต่ "กิเลสดำ" ของใคร จะพาให้วัดฉิบหาย มากกว่ากัน อันนี้ ต้องพิจารณาให้ "ละเอียดๆ "
ต่อไปที่มีคนถามเรื่อง "ยุให้พระโกหก" เรื่องนี้เรายอมรับว่า เราเขียนไปเช่นนั้นจริง เพราะในวันที่ไปศาล เราเห็นพระธัมมชโย เดินส่ายอาดๆ ไม่มีทีท่าว่าป่วย
ถ้าคนเราไม่เชื่อสิ่งที่ "เห็นด้วยตา" แล้วจะให้เชื่ออะไรดีล่ะ พระเดชพระคุณ หรือว่า วันนั้น เราตาฝาดไปเอง และหากใครได้ดูทีวี ก็จะเห็นแบบที่เราเห็นนั่นแหละ
ส่วนเรื่องที่ว่า พฤติกรรมของวัดในระยะหลัง "บิดๆ เบี้ยวๆ" นั้น
เรื่องนี้ เราไม่อยากอธิบาย ขืนอธิบายไปเห็นที "วงแตก" ขอหยุดแค่นี้พอ
ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่สำนักข่าวต่างดาวอยากอธิบาย...
ส่วนใครไม่พอใจคำชี้แจง ต้องการ "ด่า" เหมือนเดิม ก็ไม่ว่ากัน และเราจะไม่เขียนตอบโต้อะไรไปอีก แค่นี้ ก็ "เซ็ง" จนเหลือจะทนแล้ว
สิ่งที่อยากบอกมากที่สุดคือ ที่นี่คือ สำนักข่าว ไม่ใช่ว่า ใครสั่งให้เขียนอะไรก็ได้ จุดยืนของเรา คือ ความเที่ยงธรรม ซื่อตรง ต่อการนำเสนอข่าว
สำหรับผู้ที่เสียประโยชน์ เพราะเราพูดความจริง แล้วให้ลูกทีมถล่มเรา ควรจะประกาศนามให้ชัดด้วย จะได้รู้กันให้ชัดเจนไปเลยว่า "ใครคือเหลือบ"