ปีที่ 2 ฉบับที่ 818 ประจำวันเสาร์ที่ 9 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

วิวาทะสำนักข่าวต่างดาวตบะแตกเพราะโลภ โกรธ หลง ใดกันเล่า?

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนั้น เป็นพุทธพจน์ที่ศักดิ์สิทธ์ เป็นสัจธรรมแท้เที่ยง

วันนี้ต้องขออภิปรายถึงกรณีวิวาทะที่เกี่ยวกับสำนักข่าวต่างดาวอีกครั้งหนึ่ง

บังเอิญ!

ที่สายตาของผม กวาดไปเห็นไปรษณียบัตรฉบับหนึ่ง อ้างว่าเป็นสมาชิกพิมพ์ไทย 246 คนลาดกระบัง

อ่านดูรู้สึกสะดุดเล็กน้อย จะปล่อยผ่านเป็นเศษขยะลงตะกร้า เดี๋ยวจะหาว่า กองบรรณาธิการพิมพ์ไทย ชอบกินแต่ลูกยอ

ผมไม่ขอวิจารณ์ผู้ที่เขียนไปรษณีบัตรเข้าใจธรมะของพระพุทธเจ้าซาบซึ้งเพียงใด ด้วยเหตุผลที่ว่า การเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

สมาชิกพิมพ์ไทยผู้นี้ ระบุว่า...

"ข่าวต่างดาววัยรุ่นจริงนะ เป็นผู้พิพากษาหน้าใหม่ ยุคสองพัน ตัดสินรุนแรง จริงนะครับ คนป่วยไข้หวัดมีกี่ระดับครับ พื้นฐาน ปานกลาง รุนแรง (แล้วแต่...จะคิด) ผมเคยเห็น ขั้นรุนแรงลุกไม่ไหว คนข้างบ้านตะโกนไฟไหม้ อาการป่วยกลายเป็นอาการตกใจ (บางคนช็อค) ลุกขึ้นวิ่งหนียกของใกล้มือไปด้วย พอหายตกใจป่วยหนักปางตาย อย่าด่วนตัดสินว่า มุสา คุณต่างดาวหูเบาจริง (หูหนักมาเกือบปี ตบะแตกตอนหนังใกล้จบ) กิเลสดำใกล้จะจางหายไปแล้ว ใจเย็นๆ หน่อย เป็นเรื่องของกิเลสดำ อย่าไปคิดมาก ผมฟังข่าววิทยุอสมท. 100.5 ทุกเช้ายังเฉยๆ เรียกแต่อดีต มีแต่ตำหนิติเตียน ยังพูดล่วงหน้าแม่นยำ ตามสื่อตอแหลเกือบทุกฉบับ (ยกเว้นพิมพ์ไทย) อย่าเขียนตามกระแสสื่อรอบข้าง ชาวบ้านเรียกสื่อ นั่งเทียน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นบทบาทของกิเลสดำทั้งสิ้น อาการป่วยของ หลวงพ่อธัมมชโยเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ ไม่กล้าเอา น่าสงสารกิเลสดำ ไม่มีอะไรจะทำคอยหาเรื่อง พระใส่ร้ายต่างๆ นานา (กิเลสดำ คือ โลภ โกรธ หลง อยู่ในตัวทุกคน มีไม่เท่ากัน เป็นต้นเหตุแห่ง การระแวงสงสัยผู้อื่นเว้นตนเอง)"

ข้อความข้างต้นเป็นความเห็นของท่านสมาชิกพิมพ์ไทยท่านหนึ่ง ที่ตัดพ้อความเห็นของสำนักต่างดาว

ขอน้อมรับความเห็นของท่านไว้โดยสดุดีขอรับ

ผมถือคติที่ว่า "เมื่อใดก็ตามที่เราเดินอยู่ท่ามกลางพายุฝนลมกระหน่ำ จงอย่าหวั่นไหวว่า ร่างกายของเราจะไม่เปียกปอน"

สรุปแล้ว สำนักข่าวต่างดาวตบะแตก ทำดีมาเกือบขวบปี ดีแตกตอนที่หนังฟอร์มโตใกล้จะจบ

ผมไม่ทราบว่า จะพูดอย่างไรดี

ขอแปลภาษาบาลีตามภูมิรู้อันน้อยนิด เท่าที่ผมมีอยู่เป็นคติธรรมก็แล้วกัน

กิเลส หมายถึง รากเหง้าของอวิชชาเป็นปัจจัยปรุงแต่งให้จิตมนุษย์ สัตว์โลก คิดสัปดน จนถึงขั้นมีจิตวิปลาส เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ ที่พระพุทธองค์ประกาศให้พุทธบริษัท ฆ่ามัน ให้หมดสิ้นไปจากจิต

โลภ หมายถึง ไม่รู้จักพอ อันมีอารมณ์ต่อเชื่อมมาจาก "ตัณหา" ซึ่งคือความอยากนั่นเอง และต้องเป็นความอยากที่ไม่มีประมาณเสียด้วย จึงจะถือว่า เป็นความ "โลภ"

โกรธ หมายถึง ความรู้สึกไม่พอใจต่ออารมณ์ที่มากระทบจิตของปัจเจกชนนั้นๆ แล้วแต่ว่าจะแสดงออก หรือตอบโต้ด้วยวิธีใด อาทิ ปากคอสั่น มือไม้สั่น พูดคุมน้ำเสียงไม่อยู่ หายใจถี่ โกรธจนหน้าดำ หน้าแดง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละบุคคลว่า มีพื้นฐานทางใจอย่างไร

สิ่งหนึ่งที่ผมวิตกกังวลอยู่เสมอก็คือ การกล่าวหาแบบเหมารวม ช่วง 8-9 เดือน คำพูดที่ว่า สื่อบิดเบือนค่อนข้างจะหนาหู บางท่านถึงกลับมีความเห็นว่า ทบวงมหาวิทยาลัย น่าจะลบหลักสูตรนิเทศศาสตร์ หรือวารสารศาสตร์ ออกไปเลยทีเดียว

ความเห็นอย่างนี้ เป็นความเห็นแบบเหมาจ่าย ประเมินแบบหยาบๆ 

พอๆ กับความเห็นของพระบางรูปที่ออกมาตำหนิแนวทางปฏิบัติของสำนักอื่น ว่าผิดเพี้ยน

โดยกล่าวหาว่า วิชชาธรรมกาย ไม่มีในพระไตรปิฎก และไม่ใช่หนทางที่จะเดินทางไปสู่ประตูพระนิพพานได้

เป็นความเห็นที่คับแคบ ไม่มี "โยนิโสมนสิการ" ตามที่เพียร พยายามสั่งสอนผู้อื่น คือมองให้มากกว่า 1 เป็น 2 เป็น 3 เผื่อความคิด เผื่อใจให้เป็นอย่างอื่น เพื่อนำไปประมวลเป็น แนวทางให้เกิดสัมมาทิฏฐิ 

กรณีศิษย์วัดพระธรรมกายถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต หลายคนวิตกกังวล พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมหลวงพ่อช่วยไม่ได้ !

บางคนก็สะใจที่เห็นเพื่อนร่วมโลกต้องเดินทางมาพบกับจุดจบ

อารมณ์ข้างต้น ไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ ไม่ใช้ความเห็นชอบตามแนวทางของพระพุทธเจ้า

เพราะเห็นความทุกข์ของผู้อื่นเป็นเรื่องสนุก ไร้เมตตาต่อผู้ร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งผู้ที่มีอารมณ์อย่างนี้ ก็ไม่อาจหนีบ่วงกรรมไปได้เช่นกัน

ส่วนจิตที่วิตกกังวลว่า ทำไมหลวงพ่อธัมมชโยช่วยไม่ได้ ก็เป็นความเห็นไม่ถูกต้องเช่นกัน

เป็นผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนาแบบลูบๆ คลำๆ

ถ้าเป็นผู้เข้าใจในหลักพระพุทธศาสนาแล้ว เราต้องพิจารณาถึงเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้น มองเห็นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ไม่ข้องใจสงสัยในกฎแห่งกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีมนุษย์ หรือสัตว์โลกหน้าไหนแบกเวร แบกกรรมให้กันได้ ล้างบาป ล้างกรรมให้กัน และกันได้ แต่สามารถ โอบอุ้ม ให้เพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก ร่วมกระทำความดี ละเว้นความชั่ว สร้างศีล ทาน บารมี เพื่อเป็นอาวุธเกระคุ้มกันอวิชชา กิเลส ตัณหา ให้ทุเลาเบาบางได้

นี่คือหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ ปกติธรรมดา ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้แล้วนำมาเผยแผ่ให้สัตว์โลกได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมอวิชชาทั้งปวง

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][ต่างดาว][สหัสวรรษ][วิวาทะ]