ปีที่ 2 ฉบับที่ 822 ประจำวันพุธที่ 13 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

อัดกรมศาสนา เร่งทำคดีเกินไป
วีระศักดิ์ร้องเตือน หัวดำอย่าป่วนพระ

วีระศักดิ อัดแหลกกรมการศาสนา เร่งคดีมากเกินไป เหมือนต้องการให้พระสึก ทุกอย่างน่าจะปล่อยไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ส่วนเรื่องทางสงฆ์ ฆราวาสไม่ควรก้าวก่าย ด้านเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เตรียมสั่งปลดพระครูปทุมกิจโกศล อ้างทำผิดมาแล้ว 2 ครั้ง ดร.เบญจ์โดนหนัก ตำรวจเตรียมตั้งข้อหาหมิ่นประมาท และกระทบความมั่นคง กรมศาสนายังไม่เลิก เตรียมชงลูกให้มส.พิจารณา หัวดำฟ้องพระ 19 ต.ค.นี้ โดยจะยื่นเสนอเป็นวาระพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากแพทยสภาว่า วานนี้ (12 ต.ค.) เวลา 15.30 น. น.พ.พรชัย พร้อมด้วยตัวแทนของ น.พ.บันลือ กองไชย ได้เดินทางมายื่นหนังสือ เรียกร้องความเป็นธรรมจาก แพทยสภา กรณีออกใบรับรองแพทย์ให้พระธัมมชโย ในวันที่ต้องไปรับฟังคำสั่งฟ้องที่ศาลอาญา โดยมี ศ.น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อุปนายกแพทยสภาเป็นผู้รับเรื่องไว้

โดย ศ.น.พ.สมศักดิ์ กล่าวว่า อนุกรรมการจริยธรรม ยังไม่ได้บอกว่า ใครผิดใครถูก และการพิจารณาคงไม่ได้เข้าข้างใคร การที่บางครั้ง อนุกรรมการจริยธรรมสรุปว่า เรื่องมีมูล ก็ไม่ได้หมายความว่า ถึงที่สุดแล้ว จะมีความผิด เพราะบางครั้ง อาจต้องการสืบสวนให้ลึกลงไปในรายละเอียด เพื่อจะได้เกิดความชัดเจนให้มากขึ้น

หมอพรชัยโวยสังคมไม่เป็นธรรม
ด้าน น.พ.พรชัย กล่าวว่า เวลานี้ตนและ น.พ.บันลือ ตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ให้แน่ชัดเลยว่าใบรับรองแพทย์ดังกล่าว เป็นเท็จหรือไม่ เพราะตนทำหน้าที่ รักษาอาการเจ็บป่วยของพระธัมมชโยมานาน ยืนยันว่า มีอาการหนักมาก เจ็บคอ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ฉันอาหารได้น้อย แต่แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจมาตรวจไม่ถึง 7 นาที กลับบอกว่า ไม่เป็นอะไร จริง ๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องหลบเลี่ยง แค่การไปฟังคำสั่งศาล เพราะมีหลายกรณีที่หนักกว่านี้ ก็ยังไม่ได้หลบเลี่ยงอะไร แต่ในฐานะแพทย์ ต้องให้คนไข้ แข็งแรงก่อน แล้วค่อยไปก็ได้ ไม่ถือว่ามีความผิดอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพหรือไม่ น.พ.พรชัย กล่าวว่า แน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อาการของพระธัมมชโยดีขึ้นมาก เพราะได้พักผ่อนพอสมควร แต่ยังไม่ค่อยมีเสียง

วิระศักดิ์อัดกรมศาสนา
นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้ามูลนิธิวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ตนรู้สึกแปลกใจต่อท่าทีของกรมการศาสนาเป็นอย่างมาก เพราะว่าเรื่องที่เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง พระครูปทุมกิจโกศล ไม่สั่งพักเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปแล้วนั้น ถือเป็นการวินิจฉัยโดยชอบ มีอำนาจเต็มตามกฎหมาย ทำไมกรมการศาสนา ถึงได้ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากนัก พระธัมมชโย ไม่ใช่อาชญากร ขนาดอาชญากรรมเมื่อต้องคดี ศาลก็ยังให้ความยุติธรรม เปิดโอกาสให้ต่อสู้คดี แต่นี่ทำเหมือนเร่งรัดให้คดีจบโดยเร็ว อยากถามเหมือนกันว่า ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน

ในเรื่องนี้ ตนสงสัยท่าทีของกรมการศาสนาว่า มีเจตนาอย่างไรกันแน่ จะเอากันให้ถึงตาย หรือให้สึกหาลาเพศไปเลยหรืออย่างไร บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมาย แต่กลับมีการ ใช้ศาลเตี้ยตัดสิน ทำไมไม่รอให้ศาลทางโลก และศาลทางสงฆ์ ตัดสินก่อน รอไม่ได้หรืออย่างไร ทุกอย่างมีขบวนการของมันอยู่แล้ว ไม่ทราบว่า จะเร่งรัดไปเพื่ออะไร ตอนนี้ เจ้าอาวาส ก็ลาพักชั่วคราวแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็น่าจะยุติ

อธิบดีกรมศาสนาพบพระสุเมธาภรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (12ต.ค.) นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา ได้เข้าพบพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อ สอบถามความคืบหน้าการสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของพระธัมมชโย เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หลังศาลประทับรับฟ้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวย้ำว่า หากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ทราบผลอย่างไร ให้รีบแจ้งกรมการศาสนาทราบ และเสนอให้มหาเถรสมาคมพิจารณาต่อไป

ด้านเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า รู้สึกหนักใจในเรื่องนี้ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ได้ไปปรึกษากับ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้รับคำแนะนำว่า ให้รอการวินิจฉัยของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับหนังสือผลการวินิจฉัยดังกล่าว คาดว่า พระมหาปัญญาขันติธัมโม เจ้าอาวาส วัดบางหลวง เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง จะส่งหนังสือผลการพิจารณามาให้ทราบ ภายในวันนี้ (12 ต.ค.) ทั้งนี้ หลังจากอธิบดีกรมการศาสนาเข้าพบเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีแล้ว ก็ได้เดินทางไปพบเจ้าคณะอำเภอคลองหลวงที่วัดบางหลวง

จี้พระครูปทุมกิจฯ รับผิดชอบ
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยภายหลังเข้าพบ เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง และพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ว่า ได้มาสอบถามความคืบหน้า กรณีที่ขอให้พิจารณาตามกฏมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ข้อ 56 ให้สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ของพระธัมมชโย ซึ่งวานนี้ (12 ต.ค.) ได้รับหนังสือการวินิจฉัยของ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งแล้ว ที่ไม่สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยดังกล่าว อยู่ระหว่างการเสนอตามลำดับชั้น ให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเป็นผู้ชี้ขาด เมื่อเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งวินิจฉัยเช่นนั้น ก็ต้องรับผิดชอบคำ วินิจฉัยดังกล่าว และเมื่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ก็ขอให้รีบแจ้งมายังกรมการศาสนา พิจารณาต่อไป ซึ่งทางกรมฯ ก็มีแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป

ด้านเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง กล่าวว่า ได้รับหนังสือผลการพิจารณาของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งแล้ว เมื่อ 2-3 วัน แต่เก็บหนังสือไว้ก่อน คิดว่า เจ้าคณะตำบลจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ไม่เปลี่ยน และได้แถลงผลการพิจารณาดังกล่าว ให้แก่สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ดังนั้นจึงส่งหนังสือผลการพิจารณาให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเมื่อคืนนี้แล้ว

เล่นแรงปลดเจ้าคณะคลองหนึ่ง
พระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวยืนยันว่า จะพิจารณาสั่งปลดพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ จากตำแหน่งเจ้าคณะตำบล คลองหนึ่ง หากให้เหตุผลไม่เพียงพอ ในการไม่สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของพระธัมมชโย ตามคำร้องขอของกรมการศาสนา โดยจะเรียกเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง มาชี้แจงเหตุผลการวินิจฉัยดังกล่าวเร็วๆ นี้ แต่ยังระบุวันไม่ได้ ต้องปรึกษาพระเถระผู้ใหญ่ก่อน 

จะต้องเรียกมาสอบถามความจริงใจของเจ้าคณะตำบล ที่เข้าไปดูแล้ว เขาไม่ปฏิบัติผิดอะไรเลย ทำไมเรื่องมาถึงแค่นี้แล้วทำไมถึงไม่ผิด ให้เขาให้คำตอบที่แน่นอน ต้องเรียกมา ชี้แจง ผิดก็ว่ากันตามผิด

ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือ พิจารณาไม่สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ได้รับเพียงหนังสือลาอาพาธของพระธัมมชโย และแต่งตั้ง พระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ขึ้นรักษาการเจ้าอาวาสแทน 

อ้างผิด 2 ครั้ง
ที่ผ่านมาเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา มีความผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องลายพระหัตถ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ระบุว่าปลอม และครั้งนี้นับเป็นความผิดครั้งที่ 2 การปลดเจ้าคณะตำบล เป็นสิทธิโดยตรงของเจ้าคณะจังหวัด แต่การสั่งปลด ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และใช้เวลา เนื่องจาก ต้องหาผู้มาดำรงตำแหน่งแทน ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพิจารณาทั้งคุณสมบัติและความสามารถ

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการที่เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง จังหวัดปทุมธานี สั่งไม่พักตำแหน่งหน้าที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ของพระธัมมชโยว่า ได้สั่งการให้กรมการศาสนา ทำหนังสือไปถึง เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง และเจ้าคณะจังหวัดประทุมธานี แล้วว่า ให้ส่งหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร อย่างเป็นทางการ มายังกรมการศาสนา ว่าเหตุใดจึงเห็นเช่นนั้น จากนั้นจ ะได้นำเรื่อง เสนอไปยังที่ประชุมมหาเถรสมาคม ให้พิจารณาต่อไปว่า การชี้แจงดังกล่าวถูกต้อง ตามกฏของที่ประชุมมหาเถรสมาคม หรือไม่ ทั้งที่กรมการศาสนาได้พยายามชี้แจงไปแล้วว่า การกระทำของธัมมชโย เป็นการเบียดบังยักยอกทรัพย์ ที่มีความผิดอย่างร้ายแรง ตามคดีอาญา

ตือถล่มผิดอาญาร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการหรือกรมการศาสนา ไม่มีอำนาจในทางปฏิบัติใดๆ ที่จะไปบังคับเขาได้ เราคงทำได้เพียงแค่การชี้ให้เห็นว่า พระธัมมชโย มีความผิดร้ายแรงเช่นใด จึงสมควร ที่จะต้องให้ออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไว้ก่อน เราต้องการให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ มีจิตสำนึก โดยหันมามองจากข้อเท็จจริง ดูความรู้สึกของสังคมที่เกิดขึ้นด้วย ถ้าจะไปตีความ เพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่ง ได้ประโยชน์ สังคมก็จะเสียหาย 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า การจะเอาโทษทางคดีกับพระธัมมชโย ไม่ว่าจะเป็นการถอดจากตำแหน่งเจ้าอาวาส หรือการให้สึก คงจะต้องรอให้มีคำตัดสิน เป็นที่สิ้นสุดในชั้นศาล ออกมาก่อนว่า พระธัมมชโยมีความผิดจริง ตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่

ตีความหัวดำฟ้องพระ
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)คงเป็นการประชุมตามปกติ ไม่มีวาระพิเศษแต่อย่างไร ซึ่งคาดว่าในวันที่ 19 ตุลาคม กรมการศาสนาจะกำหนดวันนัดประชุมพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อตีความกฎนิคหกรรมว่า ฆราวาสสามารถฟ้องพระสงฆ์ ได้หรือไม่ ทั้งนี้ จะต้องได้รับการอนุญาตจาก มหาเถรสมาคมก่อน จึงจะสามารถนัดประชุม มส.ในวาระพิเศษนี้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตีความออกมาว่า ฆราวาสสามารถกล่าวหาพระสงฆ์ได้ จะส่งผลถึงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก็ต้องเป็นไป ตาม ข้อเท็จจริง แต่ตนยังไม่อยากให้นำเรื่องนี้ ไปเชื่อมโยงกันในตอนนี้ ขอให้ถึงเวลานั้นก่อน ซึ่งหากมีการตีความออกมาว่า ฆราวาสสามารถกล่าวหาพระสงฆ์ได้ ก็คงต้องนำมติ มส. ในกรณีต่าง ๆ ออกมาพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง

อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง วินิจฉัยว่า ไม่ควรสั่งพักตำแหน่งพระธัมมชโยนั้น ตนจะรอการพิจารณา จากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี อีกครั้งหนึ่งว่า ท่านจะพิจารณาการวินิจฉัยของเจ้าคณะตำบลอย่างไร เพราะขณะนี้ท่านบอกว่ายั งไม่ได้รับรายงานจากเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง และเมื่อได้รับหนังสือ การ พิจารณาจากเจ้าคณะจังหวัดแล้ว จึงจะพิจารณาเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมต่อไป

ตำรวจสอบเพิ่ม
ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีทุจริตวัดพระธรรมกายว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้(12 ต.ค.) นายบวรเทพ จาติกวนิช เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ได้เดินทาง เข้าพบ พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม ตามหมายเรียกตัว เพื่อสอบปากคำในประเด็นที่พนักงานสอบสวน มีหลักฐานการจ่ายเช็คเงินสด 400,000 บาท ของพระธัมมชโยให้นายบวรเทพ ซึ่งจากการสอบสวนนายบวรเทพ ให้การว่าการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว เป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องบำบัดน้ำเสีย ภายในวัดเท่านั้น ไม่มี เรื่องการทุจริต ตามที่เป็นข่าวเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และปัจจุบัน ตนก็ยังพักอาศัยอยู่ในวัด ไม่ได้หลบหนีไปไหน

ชนัทนันท์โผล่อีก
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม ได้ทำหนังสือถึง พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เพื่อพิจารณาเรื่องการร้องเรียนของ นางชนัทนันต์ สุขุมพานิช ที่เข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ในกรณีที่ถูกบริษัท ดี เวิลด์ ของนางจิราวัฒน์ ศรีสัตนา หรือสีกาอี๊ด คนสนิทพระธัมมชโย ไม่ยอมโอนที่ดิน ในโครงการตะวันทอง ที่นางชนัทนันต์ได้ซื้อเอาไว้ 100 ตารางวาเป็นเงิน 3 แสนบาท ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 จนกระทั่งบัดนี้ ก็ไม่สามารถโอนให้นางชนัทนันต์ ได้ นอกจากนี้ ยังมีการทวงถามมาตลอด แต่สีกาอี๊ด ได้บ่ายเบี่ยงและอ้างว่า ไม่สามารถตามตัวเจ้าของที่ดินดังกล่าว มาโอนกรรมสิทธิ์ได้ 

นางชนัทนันต์ ได้เข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวน ช่วยดำเนินการกับสีกาอี๊ด พ.ต.อ.ทวี จึงได้ทำหนังสือถึงหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาว่า จะให้มีการใช้พนักงาน สอบสวน ชุดเดียวกันกับที่ทำคดีวัดพระธรรมกายหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่า เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน 

นอกจากนี้ นางชนัทนันต์ ก็เป็นเจ้าทุกข์ในกรณีวัดพระธรรมกาย ที่ได้มีการซื้อที่ถวายวัด แต่กับมีการโอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อของพระธัมมชโย

ดร.เบญจ์ โดนหนักกระทบมั่นคง
พล.ต.ท. สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสอบสวน กรณีการเผยแพร่หนังสือโจมตีพระธรรมปิฎก (ประยุทธ ปยุตโต) เจ้าอาวาส วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม พระสงฆ์รูปสำคัญของวงการพระพุทธศาสนา เขียนโดย ดร.เบญจ์ บาระกุล ซึ่งมีการจัดพิมพ์เป็นหนังสือ และบทความลงใน หนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่ง กล่าวว่า 

คณะทำงานพบว่า ดร.เบญจ์ มีตัวตนจริง และเป็นบุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับพระธรรมปิฎก ขณะนี้พักอยู่ในประเทศไทย ที่ผ่านมา มีการเดินทางผ่านเข้าออกระหว่าง กรุงเทพ- ลอสแองเจลิสอยู่ตลอด

ขณะนี้คณะทำงาน กำลังให้กองคดี กองวิชาการ และเจ้าพนักงานการพิมพ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาในข้อกฎหมายว่า หนังสือดังกล่าวขัดกับ พ.ร.บ.การพิมพ์หรือไม่ หากมีการชี้ขาดว่าขัดกับ พ.ร.บ.การพิมพ์ ดร.เบญจ์ ก็จะมีการความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ด้วยการกล่าวหาบุคคลอื่น โดยไม่มีมูลความจริง และความผิดฐานทำสิ่งพิมพ์ ที่ขัดต่อ พ.ร.บ.การพิมพ์ และมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ


[หน้าหลัก][หน้า1][สหัสวรรษ][วิวาทะ]