ปีที่ 2 ฉบับที่ 826 ประจำวันอาทิตย์ที่ 17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
พระกิตติวุฑโฒ บุกเชียงใหม่ ปลุกชาวพุทธตาสว่าง ลุกขึ้นสู้มารศาสนา ระบุชัดมีกระบวนการจ้องทำลายนานกว่า 30 ปี โดยเฉพาะพวกที่ตามหาแก่นธรรม อยู่ในขณะนี้ "คณิน บุญสุวรรณ" ถล่มกม.หัวดำใหญ่กว่าพระ ไม่โปร่งใส ฉวยโอกาสตอนชุลมุน ยัดเข้าสภา แนะทำประชาพิจารณ์ก่อนร่างขึ้นมาก "บุญทัน ดอกไธสง" เสนอแก้ปัญหาสงฆ์ด้วยสันติวิธี หยุดกล่าวหาพระและหยุดออกข่าว
เมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชมรมนครพิงค์สัมพันธ์เชียงใหม่ จัดเสวนาเพื่อพระพุทธศาสนา เรื่อง วิกฤตพุทธศาสนา
ร่างพระราชบัญญัติ
ฉบับใหม่พิฆาตสงฆ์ไทย โดยมีพระราชพุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเปิดการเสวนากับพระสงฆ์จำนวนกว่า 2,000 รูป จากวัดในอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งประชาชนทั่วไปอีกกว่า 500 คน ที่เข้าร่วมรับฟังว่า มีความห่วงใยในพระพุทธศาสนา
เพราะขณะนี้ได้เกิดความแตกแยกทางความคิด
อย่างกว้างขวาง จากร่างพระราช
บัญญัติคณะสงฆ์ ซึ่งการเสวนาและอภิปรายในครั้งนี้น่าจะเป็นหนทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปได้
จากนั้นนายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรีและกรุงเทพฯ ได้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง ชำแหละร่างกฎหมาย ฆราวาสปกครองพระ
และพระราช
บัญญัติการอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ความว่า การอ้างปัญหาของวัดใดวัดหนึ่งขึ้นมาว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะมีผลมาจากกฎหมายฉบับเดิม จนต้องมีการร่าง พ.ร.บ.ใหม่นั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อ ศรัทธา ลึกซึ้งและละเอียดอ่อน แต่บุคคลที่มาจากการเลือกตั้ง ต่อสู้มาจากการซื้อเสียง พัวพันไปด้วยกิเลส จะมากล่าวอ้าง ออกพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ใหม่ได้อย่างไรกัน หากต้องการให้โปร่งใสจริง ทำไมไม่เปิดประชาพิจารณ์ ก่อนที่จะมีการร่างฯ ขึ้นมา
ขณะนี้ พระผู้ใหญ่ถูกจาบจ้วงผ่านรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางสื่อแขนงต่าง ๆ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น หากพระราชบัญญัติฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบออกมา
การกล่าวหาและกล่าวโทษ อย่าง รุนแรง ต่อพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จะมากมายเพียงใด ปัจจุบันนี้ องค์กรของรัฐ ได้ครอบงำควบคุม และจัดการประชาชนโดยตรงอยู่แล้ว และกำลังก้าวล่วงมาสู่ศาสนา
อยาก ถามว่า มีเจตนาอะไรต่อพระพุทธศาสนา เพราะร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ที่มีการจัดทำขึ้น ระบุชัดเจนว่า จะให้ฆราวาสมาปกครองสงฆ์ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
นายคณิน กล่าวว่า มีความพยายามไม่ให้สงฆ์มีบทบาทในการกำหนดศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม ต้องการให้ประชาชนหมดความไว้ใจในสงฆ์ โดยอาศัยสื่อกลุ่มหนึ่ง และเหตุการณ์ชุลมุนผลักดันร่างฯ เข้าสภา ด้วยการใช้องค์กรของรัฐที่เรียกว่า คณะกรรมการอุปถัมภ์ และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่มีนักการเมืองเป็นประธาน มากดศีรษะพระ ซึ่งจะส่งผลให้มหาเถรสมาคม เสื่อมสลายลงในที่สุด
หลังจากนั้น ได้มีการอภิปรายเรื่อง วิกฤตพุทธศาสนา ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่พิฆาตสงฆ์ไทย โดยวิทยากร 3 ท่าน คือ พระเทพกิตติปัญญาคุณ กิตติวุฒโฑ
ผู้อำนวยการจิตตภาวัน วิทยาลัย จังหวัดชลบุรี นายแสวง อุดมศรี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และ ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
ศ.ดร.บุญทัน กล่าวว่า ความขัดแย้งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่ไม่ใช่การทำลาย หน้าที่ของรัฐคือเงียบ และขอร้องให้ชาวพุทธใช้เหตุผล พิจารณาปัญหาที่เกิด
เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ควร ออกมาให้สัมภาษณ์รายวันว่า จะสึกพระ ติดคุก 10 ปี เพราะจะสร้างข้อกังขาให้ประชาชน เพราะปัญหาที่เกิดเปราะบาง ลึกซึ้ง ทำเหมือนพระ
เป็นสุนัขรับใช้ของใคร คนหนึ่ง เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น คือ การกล่าวหาพระ ยักยอกสมบัติของตนเอง ที่ดินที่ประชาชนยกให้ พยายามกล่าวหาพระ แต่ทำไมพวกค้ายาเสพติด
ตามชายแดนสามเหลี่ยม ทองคำ ไม่ไปจับ ไม่ประจาน การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้เกียรติบุคคลอื่น
การแก้ปัญหาต้องใช้สันติวิธี หยุดด่า หยุดออกข่าว ขณะนี้น่าสงสารศาสนา และบรรดาอลัชชี ยอมรับว่า พระทำผิดได้ แต่พระรู้จักวิธีแก้ปัญหา
กรมการศาสนาและกระทรวง ศึกษาธิการ ต้องไม่ทำตัวเป็นนายของพระ และประชาชน คนจบเปรียญ 8-9 เมื่ออกมารับใช้รัฐ ก็ไม่ต่างอะไรกับทาสรับใช้เช่นกัน ไม่ต้องไป ตามหาแก่นธรรมแก่นทองที่ไหน เพราะศาสนาอยู่ที่ใจ
นายแสวง กล่าวว่า จุดอ่อนมาจากเรา ไม่รู้บทบาทและหน้าที่ของตน การจะทำอะไรกับพระสงฆ์ ต้องใช้ความเมตตา แต่ขณะนี้เกิดปัญหาว่า ประชาชนมองว่า
พระสงฆ์ต่ำกว่า ตน พยายามครอบงำ หน่วยงานราชการก้าวล้ำหน้าที่ และชี้นำพระสงฆ์ให้ปฏิบัติตาม แต่ตนรู้สึกพอใจที่ตอนนี้ เจ้าคณะตำบลในจังหวัดปทุมธานี
ยืนหยัดและกล้าทำความจริง ให้ปรากฏ โดยไม่ยอมทำตามคำสั่งลับของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอธิบดีกรมการศาสนา ที่ให้ปลดเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง ที่ถูกดำเนินคดีอาญา
พระเทพกิตติปัญญาคุณ กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดวิกฤตต้องมองย้อนกลับไป 1 ปี จะพบว่าเริ่มมาจากการอธิกรณ์ข้อ 1 คือ มีฆราวาสกลุ่ม 1 และพระ 2-3 องค์
ออกมา กล่าวหา สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมกาย ว่า สอนผิดหลักพุทธศาสนา อวดอุตริมนุษยธรรม จนต้องจับสึก เป็นการกล่าวโทษร้ายแรง และสื่อกระพือโหมข่าวออกไป อย่างกว้างขวาง ซึ่งรู้ดีว่า สื่อไทยและนักข่าว ที่มีจรรยาบรรณ หาไม่ได้ เพราะถ้ามี คงไม่ก่อให้เกิดความสับสนเช่นนี้ ลึก ๆ เป็นการสร้างกระแสขึ้นมา เพื่อครอบงำกิจกรรมของคณะสงฆ์
ที่ร้ายมาก คือ รัฐที่มีอำนาจดูแลทุกข์สุขประชาชน กลับซ้ำเติมผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เราไม่อยากให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย
พระเทพกิตติปัญญาคุณ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ทำให้พระเถระปวดหัว ก่อนมีร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมา มีสัญญาณอันตรายต่อพุทธศาสนามาแล้วประมาณ 30 ปี
เพราะมีการ
จัดประชุมที่ธรรมศาสตร์มาแล้ว และก็คือคนที่มาตามหาแก่นธรรมอยู่ทุกวันนี้ กรณีที่เกิดกับธรรมกาย ทำให้เห็นว่า เจ้าคณะอำเภอที่มีพรรษา 17 พรรษา จาบจ้วงต่อพระผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบลที่มีพรรษา 55 พรรษา ผิดพระธรรมวินัยชัดเจน หากมีการออก พ.ร.บ.นี้จะทำให้สึกพระง่าย อันตรายมาก เพราะแม้แต่พระชั้นสมเด็จฯ ก็คงถูกจับสึกจนหมด เพราะคดีอาญา ใครก็กล่าวโทษกันได้ง่าย ๆ ทำให้พระดี ๆ ถูกทำลายหมด เช่นเดียวกับสงครามในติมอร์ตะวันออก และโคโซโว ที่มาจากเรื่องศาสนาเช่นกัน
แล้วเราจะยอมให้เกิดปัญหาเช่นนั้นหรือ พุทธศาสนาอ่อนลง จากคนที่ถูกจ้างมาทำลาย เป็นแผนการที่กระทำมานานจากบุคคลเหล่านี้ ถึงเวลาแล้ว ที่พุทธศาสนิกชนทุกภาค จะต้องหันมาดูแลศาสนา และปกป้องยามที่เกิดภัยขึ้น