ปีที่ 2 ฉบับที่ 826 ประจำวันอาทิตย์ที่ 17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
เมื่อวานนี้ผมพูดถึงทฤษฎีหมวก 6 สี 6 ใบ ของ ดร.เดอโบโน ซึ่งเหมาะกับสภาพสังคมไทยในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งยุคประเทศวิกฤตผู้นำ ผู้ที่ขาดวิสัยทัศน์ระดับโลก
และในยุค ที่ โลกกำลังจะก้าวสู่สหัสวรรษใหม่ ต้องการความคิดใหม่ๆ
พอดีสัปดาห์ก่อน ดร.เดอโบโน มาเล็คเชอร์ในเมืองไทยเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ทำให้คนไทยเริ่มรู้จักโปรเฟสเซอร์นักคิดคนนี้ ทั้งที่บางคนอาจจะรู้จักมานานแล้ว
ถ้าจะถามว่า แกเป็นใครและเก่งแค่ไหน คุณหมอเกิดเป็นชาวเกาะมอลต้า แต่มาได้ดิบได้ดีในเกาะอังกฤษ เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด แคมบริดจ์ และ ฮาร์วาร์ด จบปริญญาเกียรตินิยมจากอ๊อกฟอร์ด ทางด้านจิตศาสตร์ และจิตวิทยา ปริญญาเอกทางด้านเวชศาสตร์ จาก แคมบริดจ์
ปัจจุบันอายุ 67 ปี เป็นยอดนักคิดทางการบริหารที่สอนอบรมผู้บริหาร ระดับสูง บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น ไอบีเอ็ม เชลล์ ยูนิลีเวอร์ ไอซีไอ ดูปองท์ และบริษัททั่วโลก หนังสือของ ดร.เดอโบโน ถูกแปลไม่น้อยกว่า 19 ภาษา เขียนมาแล้วกว่า 20 เล่ม
เมื่อวานนี้ ผมทิ้งแนวคิดของ ดร.เดอโบโนไว้ตรงหมวก 3 ใบแรก ในจำนวน 6 ใบ
นั่นคือ การสะท้อนการทำงานหรือแผนผังการคิดของมนุษย์ ที่ทำงานเหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยที่เราไม่รู้ตัว เป็นการเอ๊กซเรย์ แผนผังวิธีคิดของมนุษย์มาเป็น 6 ขั้นตอน
เมื่อวานผมยกตัวอย่างใกล้ตัว คือภาพของคนนั่งสมาธิเป็นแสน เป็นระเบียบเรียบร้อย ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทันทีที่บุคคลภายนอกมองเห็นภาพนี้ จะเป็นจากโทรทัศน์
หรือหนังสือพิมพ์
ก็แล้วแต่เขาคิดอย่างไร และสมองวิ่งทำงานอย่างไร สั่งการอย่างไร
ขั้นตอนที่หนึ่ง คือ หมวกสีขาว จะส่งข้อมูลเข้าสมองทันที สมองจะคิดทันที โดยใช้กรอบความรู้เก่าที่มี โอ้โฮ คนมานั่งสมาธิตั้งแสนคน เขามานั่งทำไมใครชวนมา ทำไมเชื่อ ทำไมมา
จากนั้นสมองก็จะวิ่งเข้าขั้นตอนที่สอง ทันที คือ หมวกสีแดง ซึ่งเป็นสีของอารมณ์ บางคนจะตัดสินใจได้ทันที ใช้ความคิดที่เร็วดุจสายฟ้า คนที่มีพื้นที่ในทางที่ดีก็จะชอบ
คนที่มีพื้น ช่างสงสัยก็จะไม่ชอบ ทั้งหมดนี้มาจากอารมณ์และข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งเป็นหมวกสีขาว
ด้วยความรวดเร็วของความคิดมนุษย์ ที่เกิดมามีความกลัวเป็นพื้นลึกๆ ของจิต สมองจะวิ่งเข้าหมวกสีดำ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สาม ทำให้คิดร้าย คิดกลัวคิดในทางลบ หาอันตราย หาจุดอ่อน ถ้าพื้นอารมณ์สีแดงนั้นไปในทางลบมากกว่าบวก อารมณ์จะพลุ่งพล่าน ไม่อยากเห็น เห็นแต่อันตราย เกิดความเกลียด และสมองจะวิ่งกลับไปหาหมวกสีขาว
หาข้อมูล เพิ่มเติมให้ได้ แต่สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้กลายเป็นสีดำนำหน้า ก็ต้องหาข้อมูลในทางทำลายล้างในการกำจัดมากกว่าการสร้างสรรค์
และนี่เองคือปัญหาของสังคมไทย ที่ชอบใส่หมวกแค่ 3 ใบแล้วก็หยุดแค่นั้น สังคมไทยจึงเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เต็มไปด้วยการคิดทำลายล้าง
เข้าข่ายใครทำดี แต่อย่าให้เด่นนะ เพราะจะเป็นภัย คิดแค่เรื่องร้ายมากกว่าคิดในเรื่องดี
อันที่จริงนักคิดระดับโลก เขาจะเดินทางต่อไปสู่ หมวกใบที่สี่ คือ หมวกสีเหลือง ซึ่งเป็นสีแห่งความสดใส ความหวัง การมองโลกในทางบวก เพราะเหรียญทุกเหรียญจะมี 2
หน้า เสมอ คนที่เห็นภาพคนนั่งสมาธิ เป็นแสน บางคนก็จะเกิดความปลื้มปีติ เกิดความยินดี นึกชื่นชม ใครนะที่เก่งทำได้ถึงขนาดนี้ ถ้าคนไทยนั่งสมาธิกันทั้งประเทศอย่างนี้
รับรอง ศีลธรรมดีขึ้นแน่นอน จะได้เป็นการแก้ภาพพจน์ศีลธรรมตกต่ำ ยาเสพติด โสเภณี ที่ไทยกำลังดังทั้งโลก
นักคิดที่เก่งกล้าจะสามารถมองไปได้ถึงหมวกใบที่ห้า ซึ่งเป็นหมวกสีเขียว เป็นสัญลักษณ์นั้นหมายถึง ความชุ่มชื่น อุดมสมบูรณ์ ทำให้โลกสดใสนั่นคือ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ คนที่เห็นภาพคนนั่งสมาธิมากๆ จะนึกว่า ทำไมไม่นั่นกันให้ได้เป็นล้านคน นั่งกันเป็นสิบล้านคน
ถ้าอย่างนั้นจะเกิดพลังมหัศจรรย์ให้กับประเทศไทย จะกลายทฤษฎีสนามแม่เหล็กของไอน์สไตน์ เหมือนอย่างที่มหาริซีของกลุ่ม ที.เอ็ม.เขียนตำราไว้
ถ้าคนมานั่งสมาธิ พร้อมกัน มากๆ สังคมจะพลิกกลายเป็นสังคมสันติสุข ประเทศจะเจริญรุ่งเรือง นักคิดที่ใส่หมวกสีเขียวนี้แหละ คือนักคิดระดับโลก ที่สร้างโลกปฏิวัติโลก คิดไฟฟ้า คิดโทรศัพท์ คิดวิทยุ โทรทัศน์ คิดเครื่องบิน
นักคิดผู้สวมหมวกสีเขียวนี่แหละ ที่เมืองไทยหายากมาก จึงทำให้เมืองไทยแข่งขันกับโลกไม่ได้ เดี๋ยวนี้ทำอะไรแม้เพื่อนบ้านใกล้
ปกครองด้วยประชาธิปไตย
เหมือนกันกับเรา ก็ยังแพ้ ราบคาบ เพราะเมืองไทยเก่งแต่คิดทำลาย คือ ใส่หมวกสีดำ มากกว่าสีเหลืองและสีเขียว
แต่สุดยอดของนักคิด คือ หมวกใบที่ 6 หมวกสีฟ้า สีแห่งความสุขุม เยือกเย็น เชื่อมั่นและยิ่งใหญ่
แสดงถึงความคิดของนักบริหารระดับสูง
ที่รู้จักควบคุมบริหารความคิด
บริหาร อารมณ์ บริหารข้อมูล บริหารความคิดเสี่ยงภัยและอันตราย บริหารความคิดในทางบวก และบริหารความคิดสร้างสรรค์
นั่นหมายถึงว่า ดร.เดอโบโน ได้ให้ข้อคิดว่า มนุษย์ทุกคนต้องรู้จักบทบาทของตัวเอง ศักพยภาพของตัวเอง ต้องรู้จักทำตัวเป็นนักคิดใส่หมวกทั้ง 6 ใบ เริ่มจากเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล นักควบคุมอารมณ์ นักคิดเสี่ยงภัย นักคิดสร้างโลก นักสร้างสรรค์ และนักบริหาร นักตัดสินใจ
ถ้าใครทำได้ดังนี้ จึงสมควรที่จะเป็นผู้นำองค์กรผู้นำประเทศ ผู้นำโลก
วันนี้วันอาทิตย์ ผมเก็บเอาเกร็ดความรู้เรื่องการบริหารมาฝากพวกเราชาวสหัสวรรษใหม่ เพราะเราจะตองเริ่มต้นปรับตัวเอง ปรับความคิดสู่สหัสวรรษใหม่
ที่โลกทั้งโลกจะมีการ พลิกโลก และหมุนเร็วกว่านี้ การจะอยู่ในโลกสมัยใหม่ เราต้องเริ่มละทิ้งคนรุ่นเก่า ความคิด คนที่ยังคิดกับวนเวียนอยู่กับความเชื่อเก่า ความรู้เก่า และทำร้ายคนที่คิดใหม่
เพราะ ตัวเองคิดสู้ไม่ได้ แข่งไม่ได้
เมื่อสู้ไม่ได้ แทนที่จะยอมรับ กลับใช้วิธีทำลาย เพื่อจะได้อนุรักษ์โลกเก่าแก่ของตัวไว้ให้ตัวเองอยู่ในอำนาจนานที่สุด ส่วนสังคมกับชาติ อนาคตจะเป็นอย่างไร ช่างมัน
สิงห์ขาว