ปีที่ 2 ฉบับที่ 826 ประจำวันอาทิตย์ที่ 17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

ผู้เอ่ยปากเชิดชูพระไตรปิฎกเพียงลมปาก พิจารณาละเอียดเพียงใด

พระไตรปิฎกเปรียบเสมือนเข็มทิศ ที่จะนำเหล่าพุทธบริษัท ฝ่าด่านอวิชชาความมืดบอด เพื่อให้ถึงขุมทรัพย์อันประเสริฐ หรือวิมุตติ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระคุณเจ้าจะปฏิเสธพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ จะสรรเสริญด้วยลมปาก ยกย่องสรรพคุณดีงามอย่างไร หากพระคุณเจ้าไม่นำพา ไม่น้อมนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ความรู้นั้น สัจธรรม จริงแท้แน่นอนอย่างไร คงเป็นเรื่องที่ยากเห็นแสนเข็ญที่จะเผยแผ่ธรรมะให้แก่ผู้อื่นได้รู้จริงเห็นแจ้ง ตามพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ผมเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ที่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก คงเกิดอาการสับสนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้

โดยเฉพาะกรณีธรรมกาย ที่พระสงฆ์บางรูป ฆราวาสบางคน มีความคิดยิ่งที่จะทำให้เกิดเป็นฝักเป็นฝ่าย เธออยู่ข้างฉัน เขาอยู่ข้างเธอ หรือว่าชาตินี้เธอกับฉันไปกันไม่ได้

อยู่ร่วมแผ่นดินไม่ได้กันทีเดียว เพราะคุณคือเดียรถีย์

ใจจ่าย ใจเร็วกันเกินไปหรือไม่ เอาอารมณ์อะไรมาตัดสิน จะปกป้องพระพุทธศาสนา จะต้องใช้วิธีการที่ละมุนละม่อม จึงจะได้ชื่อว่า เป็นลูกศิษย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หากกรณีวัดพระธรรมกาย หรือ พระธัมมชโย ตกอยู่ในอาการอาพาธป่วยไข้ เราพุทธบริษัทสมควรจะปฏิบัติ หรือวางตัวกับท่านอย่างไร

ภูมิรู้ ภูมิธรรมของผมมันก็อีแค่ "หางอึ่ง"

มิบังอาจที่จะไปสั่งสอนพระภิกษุสงฆ์ที่ออกมาตั้งป้อมล้มธรรมกายดอกครับ

แต่ในพระไตรปิฎก ได้จารึกถึงการช่วยเหลือของหมู่ภิกษุสงฆ์ ที่พึงมีต่อกันไว้อย่างน่าอัศจรรย์ดังนี้ครับ…

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง อาพาธด้วยโรคท้องเสีย เธอนอนจมปัสสาวะ อุจจาระของตนอยู่ ขณะนั้นพระผู้มีพระภาค มีท่านพระอานนท์ตามเสด็จ เที่ยวตรวจเสนาสนะไปยัง ที่อยู่ของ ภิกษุนั้น ทอดพระเนตรเห็นเธอนอนจมปัสสาวะ อุจจาระของตนอยู่ จึงเสด็จเข้าไปหา ตรัสถามว่า…

ดูก่อนภิกษุ เธออาพาธด้วยโรคอะไร?

ภิกษุนั้นกราบทูลว่า โรคท้องเสียพระเจ้าข้า

ภิกษุผู้พยาบาลเธอไม่มีหรือ?

ไม่มี พระเจ้าข้า

เพราะเหตุไรเล่า ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลเธอ?

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ทำประโยชน์แก่ ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลเข้าพระองค์

สิ้นเสียงภิกษุผู้อาพาธ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกพระอานนท์มาสั่งว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงไปนำน้ำมา เราจะอาบน้ำให้ภิกษุนี้

พระอานนท์ไม่รอช้า รับพระพุทธดำรัส รีบนำน้ำมาทันที 

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรดน้ำ พระอานนท์ทำความสะอาด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจับทางศีรษะ พระอานนท์ยกทางเท้า ให้ภิกษุนั้นนอนบนเตียง

ปฐมเหตุนี้เอง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเรียกประชุมภิกษุทั้งหลาย และตรัสถามเหล่าภิกษุต่อที่ประชุมว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มีภิกษุไข้อยู่ในวิหารโน้นมิใช่หรือ

มี พระเจ้าข้า

เธออาพาธด้วยโรคอะไร?

ด้วยโรคท้องเสีย พระเจ้าข้า…

มีใครพยาบาลภิกษุนั้นหรือเปล่า?

ไม่มี พระเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ทำไมเล่า ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลภิกษุนั้น

ภิกษุทั้งหลายไม่พยาบาลเธอ เพราะเธอไม่ทำประโยชน์แก่ภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าข้า

…"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มารดาบิดาผู้จะพึงพยาบาลพวกเธอก็ไม่มี ถ้าเธอไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพยาบาลเรา ก็พึงพยาบาลภิกษุไข้เถิด ถ้ามีอุปัชฌายะ อุปัชฌายะพึงพยาบาลเธอตลอดชีวิต จนกว่าจะหาย ถ้ามีอาจารย์ อาจารย์พึงพยาบาลเธอตลอดชีวิต จนกว่าจะหาย ถ้ามีสัทธิวิหาริก สัทธิวิหาริก พึงพยาบาลเธอ ตลอดชีวิต จนกว่าจะหาย ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ พึงพยาบาลเธอตลอดชีวิตจนกว่าจะหาย ถ้ามีภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ ภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ พึงพยาบาลเธอ ตลอดชีวิต จนกว่าจะหาย ถ้าไม่มีอุปัชฌายะ อาจารย์ สัทธิวิหาริก อันเตวาสิก ผู้ร่วมอุปัชฌายะ หรือผู้ร่วมอาจารย์ สงฆ์พึงพยาบาลเธอ ถ้าไม่พยาบาลต้องอาบัติทุกกฏ"… วินัย ปิฎก 5/226

พระธรรมวินัยเป็นของสูงละเอียดอ่อน เป็นตัวแทนพระมหาศาสดาเอกของโลก ที่จะคอยดูแลปกครองหมู่สงฆ์ แม้ยามอาพาธป่วยไข้ พุทธบริษัททั้งหลายเข้าใจพระไตรปิฎกเพียงใด

ก่อนหน้านี้ผมพูดอยู่เสมอว่า ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ย่อมไม่ทอดทิ้งกัน เราติดเพื่อก่อ หานำไปเพื่อการทำลายล้างกันไม่

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][สหัสวรรษ][วิวาทะ][ต่่างดาว]