ปีที่ 2 ฉบับที่ 832 ประจำวันเสาร์ที่ 23 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
ยันธัมมชโย ไม่คิดหนีคดี
ทนายความวัดพระธรรมกาย ยืนยันเจ้าอาวาสไม่เคยคิดหลบหนี ส่วนที่ปิดบัญชีแบงก์ให้เหลือ 3 แห่งนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมบัญชี และป้องกันคำครหาที่ว่า
นำเงินไปทำ ธุรกิจ ยอมรับเป็นต้นความคิดในการถอนเงินเอง ด้านกระทรวงศึกษาฯ ไล่บี้หนัก ส่อเจตนาเหล่เงินวัด ทำทุกวิถีทางหวังปลดพระธัมมชโย ออกจากการเป็นเจ้าอาวาสให้ได้ ด้านตำรวจนัดวันมอบตัวในคดีใหม่แล้ว 28 ต.ค. ส่วนพระสุเมธาภรณ์ ยังกำหนดวันดำเนินนิคหกรรมไม่ได้ น่าจะเป็นในเดือนพฤศจิกายน
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติออกหมายจับพระธัมมชโย ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอ
ไม่ว่า จะเป็นการแจ้งจับครั้งที่ 1 หรือ 2 ก็ตาม ก็สามารถเป็นเหตุให้สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ แต่กระทรวงศึกษาฯ คงไม่สามารถสั่งการได้เอง
เพราะขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจ
ของพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ในฐานะผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด ที่จะดำเนินการ แต่หากเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ยังยืนยัน ตามคำวินิจฉัยเดิม ที่ไม่สั่งพักตำแหน่ง โดยมีเหตุผลว่า ไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับการคณะสงฆ์ ตนก็จะให้กรมการศาสนานำเรื่องดังกล่าว เข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ในครั้งหน้า รวมทั้งเรื่องที่พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมด้วย
ในฐานะที่มส.เป็นองค์กรสูงสุด ถ้ามีความเห็นบัญชาลงมา ในทางปฏิบัติจะต้องดำเนินการตามนั้น หากมส.ไม่มีมติออกมา ทางกระทรวงฯ คงไม่สามารถทำอะไรได้
ขึ้นอยู่กับ ประชาชนจะวินิจฉัยว่า อะไรเกิดขึ้นกับวงการสงฆ์ ทั้งนี้ การไม่สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะมีผลต่อการเบิกเงินของวัดเป็นจำนวนมาก หากสั่งพักตำแหน่ง ก็จะไม่สามารถเบิกเงินได้
แม้ว่า จะมีการลาพักตำแหน่งเป็นการชั่วคราว แต่พระธัมมชโยยังมีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินอยู่เหมือนเดิม ซึ่งส่อให้เห็นเจตนาว่าหวังผลอะไร อย่างไรก็ตาม
ตนได้รับรายงาน จาก
พนักงานสอบสวนว่า ตามหลักปฏิบัติ ทรัพย์สินของวัด ที่นำมาฝากธนาคาร จะต้องมีผู้ทรงสิทธิ์ 3 คน และการเบิกเงินหรือถอนเงิน จะต้องมีผู้ร่วมรู้เห็นเป็นพยาน 2 คน
แต่ใน กรณีนี้ อำนาจการเบิกเงินจะเบ็ดเสร็จอยู่ที่พระธัมมชโยเพียงรูปเดียว
นอกจากนี้ ตนได้รับรายงานจาก นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา ว่า พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า ต้นเดือนพฤศจิกายนจะนิมนต์ พระธัมมชโยและพระทัตตชีโว มารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่มีผู้กล่าวหาว่า ยักยอกทรัพย์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนา และตนได้สั่งการให้กรมการศาสนา ประสานกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อระบุ วันเวลา สถานที่ ในการรับทราบข้อกล่าวหา ให้ชัดเจน และขอให้ตัวแทนกรมการศาสนา เข้าร่วมรับฟังด้วยว่า มารับทราบข้อกล่าวหาจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันคำครหาที่อาจจะเกิดขึ้น
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงกรณีที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกออก
ได้ระบุถึงการแก้ปัญหา
วัดพระธรรมกาย โดยให้มีการดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วว่า การที่สมเด็จเกี่ยวระบุเช่นนี้ ถือว่ามีความชัดเจนมาก ในการแก้ปัญหา และคงอยากให้ดำเนินการตามกฎมหาเถรฯ อย่างเคร่งครัด
ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรดำเนินการตามขั้นตอน และขณะนี้ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในฐานะผู้พิจารณาได้บอกว่า จะดำเนินการเรียกตัวพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว อดีตเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไปรับทราบข้อกล่าวหา ภายในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ ตนยังได้รับการแนะนำจากสมเด็จเกี่ยวว่า ให้ไปนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1
เพื่อถวายคำแนะนำตาม ลำดับ โดยวานนี้ (22 ต.ค.) ตนได้มอบให้นายสุทธิวงศ์ ตันยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมศาสนาและเจ้าหน้าที่กรมศาสนา นำหนังสือยืนยันมติมหาเถรฯ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งเป็นข้อความเดียวกัน ไปกราบนมัสการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และเจ้าคณะภาค 1 ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา และมีส่วนเกี่ยวข้อง
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ถ้าในเดือนพฤศจิกายน ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทางกรมการศาสนา ก็จะประสานงานต่อไปอีก รวมทั้งจะสอบถามว่า มีอุปสรรคเรื่องใด
ที่จะให้ กรมศาสนาช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้ได้ ทางกรมการศาสนาก็ยินดีที่จะสนองงานอยู่แล้ว เพื่อจะได้ให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนกรณีที่กรมการศาสนาประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ให้พิจารณาเรื่องการอายัดบัญชีเงินฝากของพระธัมมชโยนั้น
ขณะนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด
กำลังพิจารณา อยู่ว่า จะดำเนินการได้อย่างไร เพราะเห็นว่าการดำเนินใด ๆ นั้นเป็นเรื่องของกฎหมาย ควรถามผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ให้ระบุออกมาอย่างชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่กรมการศาสนา ได้ประสานไปทางธนาคารด้วยนั้น มีความคืบหน้าอย่างไร นายไพบูลย์กล่าวว่า ตนได้บรายงานจากธนาคารบางแห่ง
แจ้งความ เคลื่อน ไหว
เกี่ยวกับบัญชีเงินฝากของพระธัมมชโย ซึ่งมีบางธนาคารได้ปิดบัญชี แล้วโอนไปฝากอีกธนาคารหนึ่งที่อยู่ใกล้วัด
สำหรับกรณีที่กระทรวงมหาดไทย ได้ออกหมายจับพระธัมมชโย และลูกศิษย์อีกนั้น ทางพนักงานสอบสวนมีอำนาจทำได้ การออกหมายจับก็ไม่ถือว่า เป็นเรื่องร้ายแรงอะไร
เป็น เพียงการเชิญตัวมาเพื่อสอบถาม และถ้าอยู่ในวิสัยที่วางใจได้ ก็จะสามารถประกันตัวออกไปได้ และตนเชื่อว่า คงไม่มีปัญหาวุ่นวายตามมา
ส่วนการที่สมเด็จเกี่ยว กล่าวว่า โครงสร้างการแก้ไขปัญหาเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีกฎหมายบ้านเมืองมาเกี่ยวข้องด้วยนั้น นายไพบูลย์ให้ความเห็นว่า
เป็นเพราะปัจจุบัน
มีกฎมหาเถรสมาคมอยู่แล้ว เมื่อฝ่ายกฏหมายบ้านเมือง เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะต้องพิจารณาให้รอบคอบมากกว่าเดิม ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อพระต้องอธิกรณ์
ทางพระก็จะตัดสินไป ตามนั้น ซึ่งในบางครั้ง พระอาจจะไม่มีความผิดก็เป็นได้ ทำให้เห็นว่า เป็นเผด็จการเกินไป
ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความของพระธัมมชโย ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ
หัวหน้าคณะพนักงาน
สอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย เพื่อขอทราบรายละเอียด และจะได้มีการนัดหมายที่จะพาพระธัมมชโย พร้อมกับลูกศิษย์ 3 คน ที่ถูกกล่าวหา มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
นายสนธยากล่าวว่า ที่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อต้องการนัดวันและเวลา เพื่อนำผู้ต้องหา เข้ามอบตัวเพื่อรับทราบคำกล่าวหา
ซึ่งทางพนักงานสอบสวน ได้นัดใน
วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา 14.00 น. ส่วนสถานที่มอบตัว ก็คือ ที่กองปราบปราม
ส่วนในกรณีที่มีข่าวออกมาว่า ทางวัดพระธรรมกายได้สั่งปิดบัญชีเงินฝากตามธนาคารต่าง ๆ เพื่อให้พระธัมมชโยหลบหนีนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
เพราะตน เป็น
ผู้สั่งการให้มีการดำเนินการดังกล่าว โดยให้ทางวัดไปทำการปิดบัญชีที่กระจัดกระจายให้หมด และขอให้เปิดไว้เพียงแค่สามบัญชี ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกต่อการควบคุม แต่ทางวัดจะเหลือบัญชีเงินฝากไว้ที่ธนาคารใดบ้างนั้น ตนก็ยังไม่ทราบรายละเอียด และในการที่ตนให้มีการดำเนินการดังกล่าว ก็เพราะในขณะนี้ กำลังมีคดีความกันอยู่ ที่ผ่านมาก็มีการกล่าวหาว่า ได้มีการนำเงินของทางวัด ไปเที่ยวซื้อที่ดินบ้าง ไปใช้ในการธุรกิจต่าง ๆ บ้าง ที่ถือว่าเป็นความผิด ดังนั้นตนจึงเห็นว่า ยังมีการเปิดบัญชีไว้หลาย ๆ ที่ ก็จะเป็นความยุ่งยากในการควบคุม นอกจากนี้ที่ผ่านมา ทางพระธัมมชโยซึ่งเป็นผู้เซ็นเช็คจ่ายเงินเอง ก็ยังไม่รู้ว่า จ่ายเงินไปเป็นค่าอะไรบ้าง เนื่องจากมีบัญชีเยอะมาก จนควบคุมได้ไม่ทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสั่งปิดบัญชีเงินฝากของทางวัดนั้น ได้มีการแจ้งเรื่องให้ทางกรมการศาสนาทราบเรื่องหรือไม่ เนื่องจากมีกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาในเรื่องนี้ว่า
ให้กรม
การศาสนามีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของทางวัด ซึ่งในเรื่องดังกล่าว นายสนธยา กล่าวว่า ตามกฎระเบียบแล้ว
ทางวัดเพียงแค่แจ้งเรื่อง
ให้ทางกรมการศาสนาทราบเรื่อง
เท่านั้น แต่ตนก็ยังไม่ทราบว่า ทางวัดได้จัดการแล้วหรือยัง และการที่ดำเนินการสั่งปิดบัญชีไปก่อนที่จะแจ้งให้กรมการศาสนาทราบเรื่องไปก่อนนั้น ถือว่าไม่ผิด
เพราะสามารถแจ้งให้ ทราบได้ ในภายหลังจากที่มีการดำเนินการไปแล้ว ซึ่งในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ตนก็จะได้นำเอาหลักฐานในเรื่องดังกล่าว มาแสดงให้ทางพนักงานสอบสวน ตรวจสอบดูก็แล้วกันว่า เป็นไปตามข่าวหรือไม่ และขอรับรองว่า เงินของทางวัด ยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีการโอนถ่ายไปไหน
ในระยะที่ผ่านมา มีข่าวลือต่างๆ เช่นหาว่า หลวงพ่อไปผ่าตัดศัลยกรรมหรือจะการเปลี่ยนตัวทนายความ มีการนำเสนอข่าวไปแบบผิดๆ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ส่วนเรื่องการถูก ดำเนินคดีใหม่ ตนเอง ก็ยังไม่ได้ปรึกษากับพระธัมมชโย เนื่องจากท่านยังป่วยอยู่
รายงานข่าวจากกองปราบปรามแจ้งว่า สำหรับวงเงินประกันตัวพระธัมมชโย พร้อมกับลูกศิษย์ ที่ถูกดำเนินคดีอีกครั้งนี้ได้มีการตั้งวงเงินไว้คนละสามล้านบาท
ส่วนเรื่องที่นาย สนธยา อ้างว่า ได้โอนเงินของทางวัดพระธรรมกายให้เหลือเพียงแค่สามบัญชีเงินฝาก เพื่อง่ายต่อการควบคุมดูแลนั้น จากการตรวจสอบของทางพนักงานสอบสวนแล้วพบว่า ในสามบัญชีที่ยังเหลืออยู่นั้น ไม่พบว่า มีการโอนเงินมาแต่อย่างใด ซึ่งก็ไม่ทราบว่า โอนเงินกันอย่างไร ถึงยังไม่เข้าบัญชี ซึ่งยอดเงินทั้งหมดของทางวัดพระธรรมกาย
ที่มีเป็น จำนวนมากนั้น จนบัดนี้ก็ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร