ปีที่ 2 ฉบับที่ 835 ประจำวันอังคารที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
ผ่อนนิคหกรรมอนุโลมพระป่วย
กรมศาสนาเปิดช่องถ้าพระธัมมชโยป่วย
จะงดไปรับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมก็ได้ เพราะอยู่ในขั้นไต่สวนมูลฟ้อง โดยเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
สามารถประมวล
เรื่องส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาชั้นต้น เพื่อพิจารณาได้ทันที ด้านคุณหญิงสุพัตรา เตรียมคุมเข้มพระดีเจ ที่ประกาศออกอากาศเรี่ยไร ชักชวนให้คนทำบุญ
ยอมรับหละหลวม ในเรื่องแบบนี้มานาน
นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า การที่ศิษย์วัดพระธรรมกายออกมาระบุว่า ยอมรับมติมหาเถรสมาคมตามกฎนิคหกรรม
ที่จะมีการเรียก พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ถ้าพระธัมมชโยป่วยอาจไม่ไปได้ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะพิจารณาว่าเรียกมาแล้วถ้าไม่มา จะรอเรียกอีกหรือไม่ หรืออาจจะไม่จำเป็นจะต้องรอ และประมวลเรื่องเสนอพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1
ในฐานะประธาน คณะผู้พิจารณา ชั้นต้น
เพื่อไต่สวนมูลฟ้องได้ทันที เพราะถือว่าก่อนหน้านี้เคยเรียกมาแล้วครั้งหนึ่ง
ถ้ามีอาการป่วยก็ไม่เป็นไร ถ้าเรียกแล้วไม่มาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็ประมวลเรื่องให้ผู้พิจารณาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาได้เลย ดูเหตุผลสมควรหรือไม่แล้วแต่ เจ้าคณะจังหวัดผู้เรียก เพราะท่านเคยเรียกมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะเรื่องก็ไม่มีอะไร เพียงแต่เรียกมาว่า มีการกล่าวหาอย่างไร ยอมรับไหม ถ้ายอมรับก็ตัดสิน
ถ้าไม่ยอมรับก็เข้า
กระบวนการพิจารณา ให้เจ้าภาค 1 ไต่ส่วนมูลฟ้องไป ให้ท่านเรียกมาก่อน หรือถ้าป่วยท่านก็ถือว่าได้เรียก 2 ครั้งแล้วจะประมวลเรื่องก็ไม่มีปัญหาอะไร หรือจะรออีกทีก็ได้แล้วแต่ท่าน
กรณีคดีใหม่ที่พนักงานสอบสวนได้ยื่นกล่าวหาพระธัมมชโยอีก การจะสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระะรรมกายของพระธัมมชโยหรือไม่
ขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของ เจ้าคณะตำบล
คลองหนึ่ง ในฐานะผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด แต่การจะเสนอให้มหาเถรสมาคม พิจารณาตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คงไม่มีผล
เนื่องจากมหาเถรสมาคม
คงไม่มีคำสั่งอะไร เพราะในกฎไม่ได้ให้อำนาจไว้
คุณหญิงสุพัตรา มาศดิศต์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลทางด้านสถานีวิทยุโทรทัศน์ กล่าวถึง ผู้ฟังรายการได้ร้องเรียนกรณี พระภิกษุจัดรายการทางวิทยุ หรือเป็นดีเจและขอรับบริจาคว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละอียด ขอตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมามีการร้องเรียนกันมาก ซึ่งพระก็มีหลายรูปแบบ บางรูปได้ทำหน้าที่สอนธรรมะ แต่ไม่มีการบริจาค แต่การขอบริจาคเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม จะให้คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กกช.)ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
คุณหญิงสุพัตรา กล่าวว่า ที่ผ่านมา กกช. ได้ปะชุมกันในเรื่องการลงภาพรุนแรง ภาพโป๊ ตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปในการกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดการหมิ่นเหม่ ในขณะที่เรื่องดีเจนั้น ควรจะมีมาตรฐานมากกว่านี้ โดยเฉพาะคนพูดไม่ชัด ดังนั้น ผู้ประกาศรายการวิทยุโทรทัศน์ทุกคน ต้องสอบให้ได้รับใบประกาศ ต้องยอมรับว่า
ที่ผ่านมา เรื่องนี้หละหลวม และการตรวจสอบนั้น ต้องตรวจบุคคลที่สอบผ่านไปแล้วด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบครอบคลุมไปถึงเรื่อง ดีเจท้องถิ่น เพราะไม่ได้มีการเข้มงวดมากนัก ต้องมีมาตรฐานมากกว่านี้
ด้านนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า แม้จะไม่มีระเบียบชัดเจน ห้ามพระสงฆ์ที่ไปดำเนินรายการ พูดเรื่องการรับบริจาค
แต่มีคำสั่ง มหาเถรสมาคม เกี่ยวกับการเรี่ยไร ห้ามไม่ให้พระไปเรี่ยไรนอกวัด อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยมีเรื่องทำนองนี้ ร้องมาที่กรมการศาสนา หาก กกช.ส่งเรื่องมาให้ ก็จะได้ประมวลเรื่อง เพื่อเสนอให้มหาเถรสมาคมพิจารณาสั่งห้ามได้ รวมทั้งเรื่องการจัดรายการแล้ว มีการถามและตอบปัญหานอกเรื่อง ที่ไม่ใช่ปัญหาธรรมะ ก็ไม่สมควร