ปีที่ 2 ฉบับที่ 841 ประจำวันจันทร์ที่ 1 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
ว่าด้วยเรื่องของ "นิคหกรรม" เรื่องง่ายๆ ที่ต้องรอบคอบ?
การนิคหกรรมพระธัมมชโย
และพระทัตตชีโว เจ้าอาวาส
และรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ตามคำกล่าวหาของ เสี่ยมาณพ
พลไพรินทร์ และปู่สมพร เทพสิทธา
ยังไม่สามารถสู่
กระบวนการศาลสงฆ์ได้
ด้วยว่ามติมหาเถรสมาคม
นัดล่าสุด
ที่กรมการศาสนาออกมาประกาศปาวๆ
ว่า มหาเถรสมาคม
มีมติให้คฤหัสฟ้องพระได้นั้น
ยังไม่มีเอกสารหรือหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ
จนถึงวินาทีนี้
ยังไม่มีการชี้ชัดว่า มส.มีมติให้คฤหัสถ์ฟ้องพระได้หรือไม่?
โดยส่วนตัวแล้ว
ผมไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวยืดเยื้อ
เพราะไม่ส่งผลดีต่อพระพุทธศาสนา
อีกทั้งกระบวนการนิคหกรรม
จะเป็นเครื่องพิสูจน์
ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าว
และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ที่กล่าวหาพระภิกษุ
ไม่มีเรื่องอะไรที่พระธัมมชโย
และพระทัตตชีโว จะต้องหวั่นไหว
หากพิจารณาถึงข้ามขั้นตอน
เกี่ยวกับความพยายามของฝ่ายที่ต้องการให้คฤหัสถ์ทั้งสอง
สามารถกล่าวหาพระได้
เข้าสู่กระบวนการนิคหกรรม
คณะผู้พิจารณาชั้นต้น
หรือผู้มีอำนาจลงนิคหกรรม
นั่นคือ พระสุเมธาภรณ์
เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
ต้องพิจารณาไปตามกฎมหาเถรสมาคม
ตามขั้นตอนต่างๆ
ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติของผู้กล่าวหา
หรือลักษณะของคำฟ้อง ลักษณะ 3
หมวด 1 (1) โดยเฉพาะข้อ...
ข.เรื่องที่นำมาฟ้อง
มิใช่เป็นเรื่องเก่าอันมิได้คิดจะฟ้องมาแต่เดิม
ง.เรื่องที่นำมาฟ้องมิใช่เรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
เว้นแต่กรณีที่มีปัญหาทางพระวินัย
(2) ระบุไว้ด้วย... ถ้าปรากฏว่า
โจทก์หรือคำฟ้องของโจทก์บกพร่องจากลักษณะใดอย่างหนึ่ง
ดังกล่าวใน (1) ให้สั่งไม่ฟ้อง
โดยระบุข้อบกพร่องให้โจทก์ทราบ
เรื่องมันก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ
นิคหกรรม
จะไปทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตกันไปไย??
ข้อกล่าวเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์
พระมีที่ดินไว้ในครอบครองแล้วต้องอาบัติปาราชิก
ก็คงเป็นเรื่องนิยายน้ำเน่าเท่านั้น
เพราะปาราชิกมี 4 กรณีข้างต้น
ไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิก
ตามพระธรรมวินัย
ส่วนเรื่องที่คาบเกี่ยวกับคดีความทางโลก
ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
ก็ไม่สามารถนำมาเป็นข้อกล่าวหาในนิคหกรรมได้
ดังนั้นข้อกล่าวหาที่สามารถนำมาพิจารณากับพระธัมมชโย
และพระทัตตชีโว
ในการฟ้องนิคหกรรม
น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการ
"อวดอุตริมนุสธรรม" เท่านั้น
"อวดอุตริมนุสธรรม"
อย่างไรที่คฤหัสถ์ทั้งสองนำมากล่าวหาพระสองรูปนี้
1) บิดเบือนคำสอนจากพระไตรปิฎก
โดยเฉพาะเรื่องนิพพานเป็นอัตตา
2) ถวายข้าวพระพุทธเจ้า
เป็นเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณากันในศาลสงฆ์
ผมมีคำถามอยู่ว่า
มีพระไตรปิฎกฉบับใดระบุไว้ว่า
พระนิพพานมีสภาพเป็นอัตตาหรืออนัตตา???
ทว่าในความเป็นจริงที่สัมผัส
หรือเห็นด้วยกายหยาบ
พระในเถรวาทก็มีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับนิพพานอยู่แล้ว
แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องนำมาถกเถียงกัน
เพราะเป็นเรื่อง "ปัจจัตตัง"
กรณีที่มีการออกมาทุ่มเถียงกันอยู่นี้
เนื่องจากสื่อมวลชนเป็นตัวเร่ง
บวกกับพวกมหานอกวัด ร้อนวิชา
เกรงว่าสัญญาที่รู้จำสมัยเมื่อครั้งที่ตัวเองเคยบวชเรียน
ได้ถึง ปธ.9
จะเสื่อมสลายไปพร้อมกับสังขารที่โรยรา
จึง พยายาม เข้าไปมีส่วนร่วม
เถียงกันไปเถิดครับ
พระอรหันต์เดินดิน มีจริงนะ
จะบอกให้ ท่านคงได้แต่แอบยิ้ม
หรือปลง
เวทนาผู้ที่นำประเด็นดังกล่าวมาทุ่มเถียงกัน
ปัจจัตตังครับ ย้ำคำนี้
เพราะพระนิพพานเป็นเรื่องที่เห็นเอง
รู้เอง !!!
กรณีถวายข้าวพระพุทธเจ้าของวัดพระธรรมกาย
ถูกมองว่า เป็นการขายปาฏิหาริย์
งมงาย
ผมมีคำถามว่า
แล้วพิธีกรรมดังกล่าว
สร้างความเดือดร้อนให้ใครหรือไม่
ทำให้สังคมเลวระยำต่ำช้าหรือไม่
ทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายป่วง
เหมือนกับนักการเมือง
งาบแบงก์กรุงไทย หรือไม่
ถ้าเห็นว่าเป็นพิธีกรรมนอกรีต !
ต่อไปนี้
พิธีกรรมการทำบุญในพระพุทธศาสนา
ทำบุญเลี้ยงพระ
จะต้องให้กรมศาสนา
หรือคณะมหาเถรสมาคม
ออกกฎระเบียบไปเลยว่า
ห้ามถวายข้าวพระพุทธเจ้า
ตั้งแต่ผมจำความได้
เวลามีการทำบุญ
พ่อผมก็จะให้ถวายข้าวพระพุทธ
อาหารคาวหวาน น้ำบริสุทธิ์
ถูกจัดใส่ถ้วนชาม
วางลงบนถาดที่เหมาะสม
ตั้งจิตระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ
พระ บริสุทธิ์ และพระปัญญาธิคุณ
ก่อนที่จะประเคนหรือถวายภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์ด้วยซ้ำไป
การนำกุศโลบาย
เพื่อรำลึกถึงคุณของพระบรมศาสดาสมณโคดม
อวดอุตริมนุสสธรรมตรงไหนครับ ???
เสี่ยมาณพ ปู่สมพร !
ควรเอาเวลาไปช่วยกันอุ้มชูหมู่สงฆ์
ขจัดพวกมารที่ตั้งหน้าตั้งตาล้วงปัจจัยจากย่ามพระ
รับเคลียร์ปัญหาให้พระที่ต้องอาบัติทั่วราชอาณาจักรดีกว่าเน้อ
โซตัส