ปีที่ 2 ฉบับที่ 841 ประจำวันจันทร์ที่ 1 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

วันนี้ชาวพุทธทั่วประเทศ รอคอย วันที่ "ธรรมเป็นอำนาจ" ในไทย

ช่วงนี้ผมมักจะได้รับเชิญให้ไปพูดให้กำลังใจชาวกล้าตะวันหลายแห่ง เป็นธรรมดาก็มักจะได้รับคำถามเกี่ยวกับเรื่องหลวงพ่อ เกี่ยวกับเรื่องวัดตามกระแสข่าวของผู้ที่รัก ผู้ที่เป็นห่วง ก็ดีครับ เพราะถ้าไม่รัก ไม่ห่วง เขาก็คงไม่ถาม ขอให้ช่วยกันรักษาความรักพระพุทธศาสนานี้ไว้ให้มั่นคง อย่างนี้แหละ รับรองว่า พุทธศาสนาไม่มีวันเสื่อมสลาย

ใครแตะต้องทำลายศาสนา ตอนนี้เห็นกันชัดๆ ทุกตัวแสดงแล้วว่า ใครเป็นใคร ไม่ต้องหลบต้องซ่อนอีกต่อไป เพราะช่วงนี้ ใครกล้าออกมาด่าพระได้ แกล้งพระได้ จับพระได้ หาความ พระได้ จะกลายเป็นพระเอกหมด ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ทั้งที่หลายคนตอนนี้กำลังเริ่มรับกรรม

ใครรักวัดพระธรรมกาย ใครรักหลวงพ่อ กลายเป็นมนุษย์ประหลดาในสังคม กลายเป็นเหมือนพวกอาชญากรทำผิดคิดร้ายต่อบ้านเมือง ใครออกมาปกป้องก็จะมีขบวนการ้าย โจมตีด่าว่า เป็นฝูงอย่างเจ็บแสบ คนดีกลายเป็นคนร้ายหมด ชั่วพริบตา เพราะอำนาจสื่อมาร

ข้าราชการตอนนี้ก็กลัวหัวหดไปทั้งประเทศ ได้แต่สั่นหน้าไม่กล้าวิจารณ์ พระผู้ใหญ่องค์ไหนออกมาพูดปกป้องก็จะถูกตราหน้า ทั้งๆ ที่ท่านก็พูดด้วยใจเป็นกลาง พูดความจริง แต่ตอนนี้ ท่านลืมไปว่า คนรังเกียจความจริง

คนยุคนี้ไม่ชอบฟังเรื่องดีๆ ใครพูดเรื่องดีๆ แม้ทีวี คนก็เปลี่ยนช่อง ทีวีต้องเป็นข่าวร้าย ข่าวเหี้ยมเกียม ข่าวคนชั่ว กลายเป็นสื่อใหม่ ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนหนังสือพิมพ์จอมโหดเรียบร้อย ผมเห็นผู้สื่อข่าวหน้าหวานๆ แต่เสียงเหี้ยมเกรียมดุดัน เสียดแทงหัวใจดีนัก และได้รับการยกย่อง

ครับ ยุคนี้ต้องยอมรับว่า เป็นกลียุคที่แม้แต่พระเบื้องบนก็สู้อำนาจมารไม่ไหว ความชั่วกำลังปกแผ่ไปทั่ว คนเกลียดศาสนา กำลังเป็นใหญ่ คนผิดศีลทั่วบ้านทั่วเมือง ยุคคนชั่วกำลังขึ้น ครองอำนาจ อ่านจากหัวข่าวหนังสือพิมพ์ มีแต่ความสลดหดหู่ บ้านเมืองวิกฤต ผู้นำวิกฤต ข้าราชวิกฤต จะหันไปพึ่งใครได้ ต้องอดใจ อดทนกันอีกหน่อยนะครับ คงไม่นาน

เมื่อวานผมเพิ่งอ่านข่าวในจีนแดง พระเอกใหญ่แห่งประเทศคอมมิวนิสต์ ขณะที่คอมมิวนิสต์ล่มสลายไปแล้วทั่วโลก เพราะสร้างความยากจนให้กับประเทศอย่างแสนสาหัส จนคนทน อดอยากไม่ไหว ลุกฮือขึ้นโค่นอำนาจเผด็จการทั่วโลก แต่จีนคอมมิวนิสต์ยังคงอยู่ และปกครองด้วยอำนาจเผด็จการร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่สิ่งที่คอมมิวนิสต์กลัวและเกลียดที่สุดคือ ศาสนา เช่นเดียวกับ จอมเผด็จการทั่วโลกที่กลัวที่สุด ก็คือ ศรัทธาและศาสนา

วันนี้ ที่กรุงปักกิ่ง รัฐบาลกำลังจะออกกฎหมายกำจัดกลุ่มนั่งสมาธิฟาหลุนกง ให้เป็นกลุ่มนอกกฎหมาย ทั้งที่กลุ่มนี้ คือกลุ่มออกกำลังกาย นั่งสมาธิ แบบที่เราเห็นที่สวนลุมพินี ตอนเช้าๆ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร คนไทยเรียกว่า รำมวยจีน แต่ท่าสุดท้ายก็คือ การนั่งสมาธิแบบพุทธ

ปรากฏว่า ได้รับความนิยมเป็นล้านๆ ทั่วประเทศจีน และนอกประเทศก็แพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว หลายสิบล้านคน แต่รัฐบาลจีนอ้อมแอ้ม แก้ข่าวว่า มีอย่างมากก็ไม่เกิน 2 ล้านคน ในเมืองจีน แหม ช่างเหมือนกับทีวีเมืองไทยเปี๊ยบเลย

วันก่อนชาวธรรมกายไปให้กำลังใจหลวงพ่อที่กองปราบพันสองพันคน ทีวีก็ออกข่าวหน้าใสว่า มีแค่ร้อยสองร้อยคน เข้าใจว่าตอนเด็กๆ จะสอบตกเลขคณิต หรือไม่ก็ปัญญาอ่อนผิดปกติ น่าจะไปหาหมอ เพราะเห็นนับตัวเลขธรรมกายทีไรก็มักจะผิดปกติมนุษย์ คงจะกลัวมาก กลับแบบคอมมิวนิสต์ในจีนแดงนี่แหละ

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ความกลัวของรัฐบาลจีน ถึงขั้นให้ใช้กำลังกับคนที่มานั่งสมาธิ ออกกำลังกายที่ย่านเทียนอันเหมิน ถ้าบอกว่าเป็นฟาหลุนกงละก็ แม้นั่งสมาธิอยู่ก็ถูกจิกหัว ตบตีจน เลือดไหล ลากตัวขึ้นรถไปขังที่โรงพัก เหมือนกับหมูหมา จนฝรั่งชาวต่างประเทศถึงกับช็อค เพราะนึกว่าจีนจะเจริญแล้ว ครับ คงลืมไปว่า เขายังเป็นคอมมิวนิสต์ ที่เหี้ยมโหดฆ่าคน บริสุทธิ์

ภาพตำรวจที่ลากคนแก่อายุ 80 ไปต่อหน้าต่อตา ทิ้งหลาน 2 ขวบ นั่งร้องไห้คนเดียว ด้วยความตกใจ ทั้งที่คนแก่ผู้นั้นก็บอกว่า ไม่ได้ทำผิดอะไร มาออกกำลังกาย นั่งสมาธิ แต่ตำรวจ ไม่ฟัง ต่อหน้าต่อตาคนเป็นร้อย

แต่ชาวฟาหลุนกง ก็ยังคงเข้มแข็ง และยิ่งขยายมากขึ้นในต่างประเทศ ยังคงสู้แบบอหิงสา ไม่ต่อสู้ ใช้วิธีนั่งสมาธิ และวันนี้คนทั่วโลกกำลังเห็นใจอย่างยิ่ง รัฐบาลอเมริกัน ถึงกับส่งคำ เตือน ไปยังรัฐบาลจีนแดงว่า ขัดต่อสิทธิมนุษยชน และปฏิญญาของสหประชาชาติ แต่จีนแดงก็ทำหูทวนลม

เพราะความกลัวที่สุดของเผด็จการคอมมิวนิสต์ พวกที่ชอบปกครองประเทศด้วยอำนาจรัฐเด็ดขาด จะกลัวที่สุดคือ การรวมตัวของมวลชน การที่ประชาชนฉลาดมากขึ้น รู้มากขึ้น ซึ่งเป็น สิ่งที่ท้าทายอำนาจเผด็จการที่สุด เป็นอันตรายที่สุด สุดท้ายคือ กลัวเสียอำนาจตัวเอง

การขยายตัวอย่างรวดเร็ว ของคนนั่งสมาธิ ทำให้เกิดปัญญา ทำให้เกิดสังคมที่สันติสุข ทำให้คนชั่วไม่เป็นปกติสุข ทำให้อำนาจชั่วที่ครองเมืองหวั่นไหว กลัวจะเกิดคนดีมาล้มล้างระบบ ชั่วร้ายที่กลุ่มของตนเองสร้างเอาไว้ ซึ่งเป็นความกลัวที่สมเหตุสมผล

และวันนี้ที่อินโดนีเซียก็เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด หลังจากที่ปกครองด้วยเผด็จการมาเกือบ 30 ปี ผลัดกันครองอำนาจ กี่สมัยก็กลุ่มเดียวตลอด วันนี้ม้ามืดคนใหม่ ประธานาธิบดีที่ไม่มีใคร คาดคิด คือคนที่เคร่งศาสนาอย่างยิ่ง ถูกยกย่องให้เป็นพ่อพระของชาวอินโดนีเซีย ก็แซงทุกคนอย่างไม่มีใครคาดคิด พลิกโลกอินโดนีเซียนให้สู่ยุคใหม่

และเป็นกลุ่มที่สนับสนุนทั้งประเทศ คือ ชาวอินโดนีเซีย ชาวมุสลิมผู้เคร่งศาสนาทั้งประเทศครับ เหมือนที่อาจารย์ป๋วยพูดไว้ว่า สิ่งที่อยากเห็นในประเทศไทย คือ "ธรรมเป็นอำนาจ" มิใช่ "อำนาจเป็นธรรม" ผมคิดว่า เมื่อถึงที่สุดของความเลว ก็ต้องถึงวันของคนดีบ้า ครับอาจารย์

ขอแสดงความยินดีกับชาวอินโดนีเซียทั้งประเทศด้วยครับ

สิงห์ขาว


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ][สหัสวรรษ]