เครือข่ายสื่อสารในฝันที่กำลังจะเป็นจริงระบบ N-ISDN ที่มีใช้งานในปัจจุบันโดยที่ไม่ได้รับความนิยมมากนักนั้น ได้รับการออกแบบติดตั้งใช้งานอย่างเร่งรีบ ซึ่งวิธีที่เร็วที่สุดก็คือการใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์เดิมที่มีอยู่ เปลี่ยนแปลงเครื่องโทรศัพท์ให้เป็นแบบดิจิตอล และติดตั้งใช้งานรับ-ส่งข้อมูลทั้งหมดผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เดิม ดังนั้นความเร็วในการรับ-ส่งสัญญาณสำหรับช่องสื่อสารพื้นฐาน ( B ) จึงถูกกำหนดไว้ที่ 64 Kbps ซึ่งตรงกับความเร็วของสัญญาณเสียงโทรศัพท์หนึ่งช่องเสียง และความเร็วสูงสุดของช่องสื่อสารอยู่ที่ 1.544 Mbps หรือ 2.048 Mbps ซึ่งเป็นความเร็วตามมาตรฐานในการรวมสัญญาณของระบบโทรคมนาคมที่รองรับเครือข่ายโทรศัพท์แบบเดิม เมื่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก เครือข่ายโทรศัพท์แบบเดิมไม่สามารถที่จะรองรับความต้องการใหม่ๆได้ ตัวอย่างเช่น การประชุมทางรูปภาพ ( Video Conference ) ที่ให้ความชัดเจนของภาพและการเคลื่อนไหวที่ดีเทียบเท่ากับการดูโทรทัศน์ตามปกติ หรือการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล 100 Mbps ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถกระทำได้แต่มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจนเกินความจำเป็น เป็นต้น สาเหตุสำคัญที่สุด ที่เครือข่ายโทรศัพท์เดิมไม่สามารถรองรับได้ ได้แก่ปัญหาความกว้างของแถบสัญญาณ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ( Bandwidth ) ถ้าเปรียบเทียบกับถนนแล้วความกว้างของแถบสัญญาณนี้ก็คือความกว้างของถนนนั่นเอง เมื่อถนนแคบย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่จะนำรถที่มีหน้ากว้างมากกว่าความกว้างของถนนมาใช้งาน แม้ว่าเทคโนโลยีจะทำได้และคนส่วนใหญ่จะต้องการก็ตาม ช่องสื่อสารแต่ละช่องของระบบโทรศัพท์กำหนดความกว้างของแถบสัญญาณไว้ที่ 4 KHz. สำหรับระบบอนาล็อก เทียบเท่ากับสามารถส่งสัญญาณได้ด้วยความเร็วสูงสุด 64 Kbps ในระบบดิจิตอล การออกแบบระบบ B-ISDN ได้คำนึงถึงปัญหาสำคัญข้อนี้ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ทำให้ระบบ N-ISDN ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรโดยที่ระบบ B-ISDN ไม่ได้กำหนดความเร็วในการส่งสัญญาณไว้ตายตัวแต่ความเร็วเป้าหมายที่ผู้ใช้ในแต่ละบ้านสามารถใช้ได้ถึง 155.52 Mbps หรือ 622.08 Mbps นั่นคือมากกว่า 2,000 เท่าของความเร็วช่องพื้นฐานเดิม การออกแบบระบบ B-ISDN มาจากบทเรียนสำคัญของระบบ N-ISDN ว่ามีขีดจำกัด เนื่องจากพยายามใช้งานเครือข่าย โทรศัพท์เดิมทำให้ขีดความสามารถ ของเครือข่ายโทรศัพท์กลายเป็นอุปสรรคของระบบ ระบบ B-ISDN จึงเป็นระบบเครือข่าย สื่อสารแบบใหม่ ที่พิจารณาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในทุกๆด้าน ระบบมุ่งที่จะสนับสนุนอุปกรณ์ปลายทางในทุกรูปแทบ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ประจำบ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ FAX คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ รวมทั้งอุปกรณ์ที่มีแนวโน้มว่าจะมีใช้งาน ในอนาคต เช่น โทรศัพท์รูปภาพ ครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานสื่อสารสองทางที่เรียกว่า Interactive Communications หรือที่นิยมพูดกันติดปากว่า ระบบ Multimedia การที่จะมองรูปแบบของอุปกรณ์สื่อสารในอนาคตว่าเป็นอย่างไร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าอุปกรณ์ในระบบ Multimedia จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรนั้น กระทำได้ไม่ยาก เริ่มจากการคิดถึงโทรศัพท์ที่เราใช้งานอยู่ทุกวันนี้ เมื่อเรากดหมายเลขโทรศัพท์ปลายทางเราก็สามารถพูดคุย ได้ยินเสียงผู้ที่เราต้องการคุยด้วย อารมณ์ดีๆ อาจจะอยากร้องเพลงให้ฟัง เล่นดนตรีประกอบ นั่นคือคุณภาพเสียงต้องดีเทียบเท่าคุณภาพเสียงที่ใช้ออกอากาศวิทยุ FM ถ้าได้เห็นภาพด้วยก็คงจะดีไม่น้อยภาพที่เห็นก็ขอรูปที่ชัดเจน มีการเคลื่อนไหวได้ดีเท่ากับโทรทัศน์หรือวีดีโอที่ดูตามบ้านก็พอแล้ว เมื่อคิดถึงเพื่อนเก่าสมัยนักเรียนคงต้องเปิดสมุดโทรศัพท์หาเบอร์โทร บางคนมีคอมพิวเตอร์เก็บเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ไว้ในเครื่องก็เปิดเครื่องหาจากชื่อได้โดยง่าย แต่ก็ต้องเสียเวลาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน หรือไม่ได้เก็บชื่อไว้แต่ก็ขี้เกียจเปิดสมุดโทรศัพท์ กด 13 ก็ไม่ค่อยว่าง โชคดีมีแผ่น CD-ROM ขององค์การโทรศัพท์จึงหาเบอร์โทรได้ แล้วจึงมากดหมายเลขโทรศัพท์ ถ้าใช้งานโปรแกรมสื่อสารใหม่ๆหน่อยก็อาจจะสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์หมุนหมายเลขโทรศัพท์ให้ ทีนี้ถ้าโทรศัพท์มีรูปภาพด้วยนั่นคือมีหน้าจอเหมือนคอมพิวเตอร์ จะเปลี่ยนแป้นกดให้เป็น Keyboard จะได้ใช้งานแทนคอมพิวเตอร์ไปเลยก็น่าจะประหยัดและใช้งานได้สะดวกดี เวลาโทรศัพท์ก็เลือกจากชื่อได้เลยไม่ต้องจำเบอร์โทรอีกให้มันยุ่งยาก หันมาดูหน้าจอที่ให้ทั้งภาพและเสียงที่มีคุณภาพพอๆกับเครื่องรับโทรทัศน์ทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องรับโทรทัศน์แยกต่างหากให้มันสิ้นเปลืองอีก สายสัญญาณที่ต่อกับเครือข่ายสื่อสารที่สามารถส่งรูปภาพจากผู้ที่เราติดต่อด้วยได้ก็ย่อมจะส่งรูปภาพสัญญาณโทรทัศน์มาได้ด้วยเช่นกันเหมือนกับการใช้งานเคเบิล TV จะเห็นได้ว่าความต้องการต่างๆที่กล่าวมานี้ไม่ได้เป็นการเพ้อฝันถึงเทคโนโลยีในอนาคต แต่เป็นสิ่งที่เทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถกระทำได้แล้วทั้งสิ้น รูปแบบของระบบ Multimedia จะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการ จินตนาการของผู้ใช้และผู้ผลิตตลอดจนราคาและการแข่งขันในตลาด เนื่องจากไม่สามารถที่จะกำหนดให้ชัดเจนได้ว่ารูปแบบของอุปกรณ์สื่อสารในอนาคตจะเป็นอย่างไรระบบ B-ISDN จึงไม่ได้กำหนดรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงมากรวมทั้งความเร็วในการรับ-ส่งสัญญาณ แต่เน้นที่จะเป็นเครือข่ายสื่อสารที่สามารถรองรับความต้องการได้ในทุกรูปแบบ นั่นคือเครือข่ายต้องมีความอ่อนตัวมาก สามารถปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงเพื่อรองรับการเชื่อมต่อได้โดยง่ายโดยไม่เสียค่า ใช้จ่ายมาก เครือข่ายโทรศัพท์กลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครือข่าย B-ISDN ระบบ B-ISDN ประกอบด้วยเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมล่าสุด ที่สำคัญได้แก่การใช้งานเครือข่ายใยแก้วนำแสง ( Fiber Optics Network ) เนื่องจากสายโทรศัพท์ที่ทำด้วยทองแดงกลายเป็นซอยแคบๆ ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เสียแล้ว การเปลี่ยนสายโทรศัพท์ให้เป็นสายใยแก้ว นำแสงหรือสาย Coaxial เปรียบเสมือนการขยายถนนทางด่วนให้เชื่อมต่อถึงบ้านทุกหลัง นี่คือที่มาของชื่อโครงการทางด่วนข้อมูล ( Information Highway ) ของสหรัฐอเมริกา และโครงการ Fiber - To - The - Home ( FTTH ) ของญี่ปุ่น ปัจจุบันในเขตเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นทุกบ้านสามารถใช้บริการเชื่อมต่อเครือข่ายสายใยแก้วความเร็วสูง 100 Mbps โดยเสียค่าติดตั้งประมาณ 9,500 บาท (27,100 เยน) และค่าใช้บริการเดือนละประมาณ 1,500 บาท (4,300 Yen) เท่านั้น สำหรับประเทศไทยเครือข่าย UBC ดำเนินการติดตั้งเครือข่ายใยแก้วนำแสงครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพและเขตปริมณฑลโดยต่อใช้งานสาย Coaxial เข้าถึงผู้ใช้ที่ใช้บริการเคเบิล TV ตามบ้าน บริการสื่อสารร่วมระบบดิจิตอล ISDN (INTEGRATED SERVICES DIGITAL NETWORK)
ข้อมูลจาก บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ISDNเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถให้บริการรับ ส่ง ได้ทั้งข้อมูลภาพและเสียง ด้วยระบบดิจิตอลผ่านคู่สาย ISDN ซึ่งจะให้คุณภาพที่ดีกว่าโทรศัพท์ธรรมดา นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น โทรศัพท์, โทรสาร, ตู้สาขาอัตโนมัติ, อุปกรณ์ Video Conference ฯลฯ รวมไปถึงการ ใช้งานอุปกรณ์ Multimedia ที่ทันสมัยต่าง ๆ และยังสามารถรองรับเทคโนโลยีในอนาคตได้ อีกมากมาย เรามารู้จักระบบ ISDN ให้มากกว่านี้กันดีกว่าคุณสมบัติพิเศษของ ISDN- มีความถูกต้องน่าเชื่อถือสูง เพราะเป็นข้อมูลดิจิตอลทั้งหมดทำให้ความผิดเพี้ยนของข้อมูลมีน้อย - มีความรวดเร็วในการรับ ส่งข้อมูล 64 Kbps ขึ้นไป ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ผ่านอุปกรณ์ และคู่สาย ISDN 1 คู่ สาย
สามารถรองรับอุปกรณ์ปลายทางได้สูงสุดถึง 8 อุปกรณ์ ซึ่งผู้ใช้บริการ ยังสามารถวางแผนการใช้งานในอนาคตได้
โดยการติดตั้งปลั๊ก ISDN ไว้ในที่ต่าง ๆ - มีความสะดวกในการบำรุงรักษาการเดินสายภายในจะเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ต้องโยงสายให้ วุ่นวายเพราะคู่สาย ISDN
จะลดสายจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เหลือเพียงเส้นเดียว ซึ่งจะไม่กระทบกับการใช้งานอีกทั้งยังดูแลรักษาง่ายอีกด้วย - สามารถเชื่อมโยงได้กับโครงข่ายอื่น ๆ และยังติดต่อกับผู้ใช้บริการอื่นได้ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์, โทรสาร,
เครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ เพราะโครงข่าย ISDN เป็นโครงข่ายเอนกประสงค์จึงสามารถเชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ได้ ประเภทของบริการ ISDN 1. แบบ BAI (Basic Access Interface) เป็นรูปแบบการให้บริการโดยเดินสายตรงไปยังจุดที่ต้องการติดตั้งด้วย คู่สายแบบ BAI โดย 1 คู่สายสามารถรองรับอุปกรณ์ปลายทางได้สูงสุด 8 อุปกรณ์และใช้งานได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ แต่ละ อุปกรณ์ติดต่อได้ด้วยความเร็ว 64 Kbps ซึ่งบริการชนิดนี้เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางหรือเล็ก 2. แบบ PRI (Primary Rate Interface) เป็นรูปแบบการให้บริการโดยการวางเคเบิลใยแก้วนำแสง (Fiver Optic) ไปยังตู้สาขาอัตโนมัติ ( ISDN PABX ) ของผู้ใช้บริการด้วยคู่สายแบบ PRI โดย 1 คู่สาย สามารถใช้อุปกรณ์สื่อสารได้ถึง 30 อุปกรณ์ แต่ละ อุปกรณ์ติดต่อได้ด้วยความเร็ว 64 Kbps ซึ่งสามารถมัลติเพลกซ์ แล้วส่งไปในคู่สายด้วยความเร็วสูงถึง 2,048 Mbps บริการชนิดนี้ จะเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการรับส่งข้อมูลในปริมาณที่มากและความเร็วสูงประเภทลูกค้า- บุคคลทั่วไป- โรงงานอุตสาหกรรม- บริษัท, ห้างร้าน, หน่วยงานราชการขั้นตอนและอัตราค่าบริการสามารถขอแบบฟอร์มการใช้บริการ ISDN ได้ที่สำนักงานบริการโทรศัพท์ ฯ ทุกแห่งรายการ
BAI (บาท)
PRI (บาท)
* ค่าประกัน
2,918.18
87,545.40
* ค่าติดตั้ง (ไม่รวมค่าเดินสายภายในและอุปกรณ์กันฟ้า)
3,584.50
107,535
* ค่าเช่าเลขหมาย / เดือน
100
7,500
* ค่าใช้บริการในท้องถิ่นและทางไกลใช้อัตราเดียวกับ ระบบโทรศัพท์ธรรมดา* ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว