ISDN

ISDN เป็นคำพูดที่มีการกล่าวถึงกันเป็นอย่างมากมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว ( ช่วงปี 1980 ) วงการสื่อสาร
มองกันว่าระบบ ISDN จะเป็นการปฏิวัติระบบสื่อสารโทรคมนาคมแบบเดิมที่ให้บริการระบบโทรศัพท์แบบอนาล็อกเป็นหลัก
บริษัท NTT ญี่ปุ่นเริ่มนำระบบออกทดลองใช้งานเป็นรายแรกของโลกตั้งแต่ปี 1988 ที่เขต Mitaka โตเกียวในชื่อเรียกว่าระบบ INS
( Information Network System ) องค์การโทรศัพท์ ประเทศไทย ได้ทดลองใช้งานพร้อม ๆ กับการตั้งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ตามโครงการ Eastern Sea Board ยี่สิบกว่าปีผ่านไป ISDN ที่คนส่วนใหญ่เคยเชื่อว่าจะเป็นการปฏิวัติระบบสื่อสารโทรคมนาคม
กลับไม่ได้ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะสาเหตุใด ISDN คืออะไรกันแน่ ทำไมระบบนี้จึงถือว่าเป็นการปฏิวัติระบบสื่อสาร
โทรคมนาคม
แต่เดิมเครือข่ายโทรศัพท์ เครือข่ายสื่อสารข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายเคเบิล TV ต่างก็เป็นเครือข่ายที่แยกกันอยู่เป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวข้องกัน เมื่อผู้ใช้ต้องการใช้งานเครือข่ายใดก็ต้องลากสายเชื่อมต่อแต่ละเครือข่ายแยกกันต่างหากซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองเป็นอย่างมาก จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าทุกระบบสื่อสารจะพัฒนาเป็นระบบดิจิตอล ดังนั้นสื่อที่ใช้ในการสื่อสารก็น่าจะใช้ตัวเดียวกันร่วมกันได้ นั่นคือ สายสัญญาณเส้นเดียว ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งสายโทรศัพท์ สายรับ-ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ สายรับสัญญาณ TV ฯลฯ ระบบ ISDN ( Integrated Service Digital Network ) ได้แก่ระบบเครือข่ายดิจิตอลรวม ที่ให้บริการการติดต่อสื่อสารได้ในทุกรูปแบบตามแนวความคิดที่กล่าวมาแล้วนั่นเองISDN คือเครือข่ายเชื่อมต่ออุปกรณ์ปลายทางระบบดิจิตอล สามารถสนับสนุนการให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในด้านเสียงและข้อมูล โดยที่ผู้ใช้งานระบบใช้งานได้โดยการเชื่อมต่อระบบตามมาตรฐานที่กำหนดขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ในหลายรูปแบบ จุดสำคัญของระบบ ISDN คือเป็นระบบดิจิตอลที่สมบูรณ์ทั้งระบบ ผู้ใช้จะรับ – ส่งสัญญาณในรูปแบบของดิจิตอลตลอดทั้งระบบแต่แรกสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ( ITU ; International Telecommunications Union ) ได้กำหนดความเร็ว
ในการ รับ-ส่งสัญญาณไว้ที่ 64 Kbps ปรากฏว่าเมื่อนำระบบ 64 kb/s ISDN มาทดลองใช้ได้ไม่นาน ประกอบกับความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก
จึงพบว่าความเร็วในการรับ-ส่งสัญญาณช้าเกินไป นั่นคือให้ความกว้างของ Bandwidth น้อยเกินไปเมื่อคำนึงถึงการส่งสัญญาณ Video ความเร็วเพียง 64 kb/s สามารถส่งได้เพียงสัญญาณ Video ที่มีคุณภาพต่ำมาก ระบบ ISDN นี้จึงถูกเรียกว่า narrowband ISDN ( N-ISDN )จุดเด่นของระบบ ISDN ได้แก่การกำหนดมาตรฐานในการเชื่อมต่อใช้งานเครือข่ายให้เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด ที่ผ่านมา เราใช้ Jack ต่อสายโทรศัพท์ ใช้สาย 25 เส้นหรือ 9 เส้นต่อกับคอมพิวเตอร์โดยมาตรฐาน RS-232 C หรือใช้สาย Coaxial ต่อกับระบบ LAN และเมื่อกล่าวถึงรายละเอียดในการเชื่อมต่ออุปกรณ์กับเครือข่ายสื่อสาร อุปกรณ์แต่ละชนิดจะมีมาตรฐานในการเชื่อมต่อใช้งานกับเครือข่ายสื่อสารที่แตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ เช่น เมื่อใช้ Modem ต้องใช้มาตรฐาน V Series เมื่อใช้งานชุมสายข้อมูลต้องใช้มาตรฐาน X Series เป็นต้น ระบบ ISDN กำหนดให้ใช้ Jack ต่อสายโทรศัพท์ซึ่งมีขนาดเล็กกระทัดรัดเป็นมาตรฐานในการเชื่อมต่อทั้งกับอุปกรณ์สื่อสารทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ FAX Modem หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ และในกรณีที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับมาตรฐานเดิม ให้ต่อใช้งานกับกล่องแปลงสัญญาณเรียกว่า Terminal Adapter ( TA ) ระบบ N-ISDN มีให้เลือกใช้ได้สองรูปแบบเรียกว่า การเชื่อมต่อความเร็วพื้นฐาน ( Basic Rate Interface ; BSI ) และ การเชื่อมต่อความเร็วหลัก ( Primary Rate Interface ; PRI ) การเชื่อมต่อความเร็วพื้นฐานประกอบด้วยโครงสร้าง 2B + D หมายความว่ามีช่องสื่อสารความเร็วพื้นฐาน ( B; Basic ) 64 Kbps สองช่อง และ ช่องสื่อสารข้อมูล ( D; Data ) ความเร็ว 16 Kbps อีกหนึ่งช่อง ที่ผู้ใช้งานปลายทางใช้ได้ ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ ในหลายรูปแบบ เช่น ใช้งานโทรศัพท์สองเครื่องพร้อมกับการต่อใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายชุมสายข้อมูล Packet Switching ในเวลาเดียวกัน หรือใช้งานโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง FAX หนึ่งเครื่องพร้อมกับคอมพิวเตอร์อีกหนึ่งเครื่องเป็นต้น ยิ่งกว่านั้นยังสามารถต่อพ่วงสายต่อกับอุปกรณ์ปลายทางได้ถึงแปดตำแหน่ง โดยที่สามารถใช้งานในเวลาเดียวกันได้สามคู่สาย (หนึ่งคู่สายเป็นการสื่อสารข้อมูลผ่านชุมสายข้อมูล Packet Switching ) ซึ่งถือว่าให้ความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง การเชื่อมต่อความเร็วหลักได้แก่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ความเร็วมาตรฐานในระดับแรกของการรวมสัญญาณ ( Multiplex ) ของระบบโทรคมนาคม ในอเมริกาและญี่ปุ่นได้แก่ความเร็ว 1.544 Mbps ( 1 Mbps = หนึ่งล้าน บิท ต่อวินาที ) และในยุโรปรวมทั้ง ประเทศไทยด้วย ได้แก่ความเร็ว 2.048 Mbps สำหรับระบบ 1.544 Mbps นั้นอาจจะจัดช่องสื่อสารเป็น 23 B + D ( ช่องสื่อสารความเร็วพื้นฐาน ( B; Basic ) 64 Kbps 23 ช่อง และ ช่องสื่อสารข้อมูล ( D; Data ) ความเร็ว 16 Kbps อีกหนึ่งช่อง ) หรือจัดเป็นช่องสื่อสารความเร็วสูง Ho ( 384 Kbps ) หรือ H11 ( 1536 Kbps ) ก็ได้ นั่นคือจะจัดให้มีจำนวนช่องแบบ B ประกอบกับ Ho และ D อย่างละเท่าไหร่ ก็ได้โดยให้รวมกันได้ความเร็วที่ 1536 Kbps การเชื่อมต่อความเร็วหลักมักจะใช้งานในการเชื่อมต่อชุมสายโทรศัพท์เข้าด้วยกันการเชื่อมต่อระบบประชุมทางรูปภาพ (Video Conference ) หรือการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ต้องการความเร็วสูงๆ กล่าวโดยสรุปแล้ว ISDN เป็นเครือข่ายที่n เชื่อมต่อแบบดิจิตอลจากผู้ใช้ต้นทางจนถึงผู้ใช้ปลายทางn ให้บริการทั้งเสียงและข้อมูลn กำหนดการเชื่อมต่อให้ใช้งานได้หลายรูปแบบ ( Multipurpose Interfaces )n เชื่อมต่อได้ทั้งในลักษณะของวงจรหรือ Packet Switchingn Network Intelligenceนอกจากปัญหาความเร็วมาตรฐานที่ระบบ N-ISDN กำหนดไว้ช้าเกินไปที่ 64 Kbps ทำให้ระบบนี้ไม่ประสบความเร็วเท่าที่ควรแล้ว ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งได้แก่ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการระบบ ISDN การใช้งานระบบโทรคมนาคม ตามมาตรฐานการรวมสัญญาณแบบเดิมที่ได้รับการออกแบบเพื่อสนับสนุนเครือข่ายโทรศัพท์โดยตรง ไม่มีความอ่อนตัวพอเพียงที่จะสามารถปรับปรุงเพื่อให้ค่าใช้บริการระบบ ISDN มีราคาต่ำแข่งกับค่าใช้บริการโทรศัพท์ได้ ประกอบกับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการสนับสนุนระบบ
ก็ยังมีราคาสูงเนื่องจากระบบไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าระบบ N-ISDN จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่จากประสบการณ์และปัญหาที่ประสบมาประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาจาก ระบบ ISDN เดิมที่ออกแบบใช้งานกับสื่อสายทองแดงเป็นหลักให้กลายเป็นระบบ broadband ISDN ( B-ISDN ) โดยใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสง ( Optic Fiber ) ร่วมด้วยซึ่งมีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งนี้มีการปรับปรุงความเร็วในการรับ-ส่งสัญญาณจากความเร็วพื้นฐาน 64 Kbps มาเป็น 155.52 Mbps นั่นคือเร็วขึ้นมากกว่าสองพันเท่าของระบบเดิม
Next





 

 

 

 

 

 

 

 

CIS224 PROJECT : BUSINESS DATA COMMUNICATION