ดัชนีหุ้นและสูตรการคำนวณ

ดัชนีตลาดหุ้นคือค่าตัวกลางชนิดหนึ่ง
ดัชนีเป็นเพียงภาพที่ใช้สะท้อนเรื่องที่จะวัด
ไม่มีดัชนีใดที่จะดีหรือสมบูรณ์ 100%


ดัชนีตลาดหุ้นทั่วไปมี 3 ประเภท  หรือสามารถสร้างได้ 3 แบบคือ

1) ดัชนีมูลค่าตลาด (Market capitalization weighted index)  คือดัชนีที่นำมูลค่าตลาดหุ้น  มาคำนวณสร้างเป็นดัชนี เรียกว่าดัชนีมูลค่าตลาด  หุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงจะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีสูง   เช่น SET Index (ไทย) SET50 Index(ไทย)   BCI Index(ไทย/ถูกยกเลิกไปแล้ว)  HANG SENG (ฮ่องกง)  STRAIT TIME (สิงคโปร์)  KLSE(มาเลเซีย)
สูตรการคำนวณดัชนีมูลค่าตลาดแบบSET Index

สำหรับการคำนวณดัชนีมูลค่าตลาดแบบ SETALL  SET300  SET225  SET180
เป็นการหาค่าเฉลี่ยของมูลค่าตลาดหุ้น  โดยมีค่า constant เป็นตัวปรับดัชนี

//..SETALL คือใช้มูลค่าตลาดของหุ้นสามัญทุกตัวมาหาค่าเฉลี่ย
//..SET300 คือนำมูลค่าหุ้นมาเรียงลำดับจากทากไปหาน้อย  แล้วตัดตัวที่มีมูลค่าสูงสุดออก 15 ตัว  แล้วนำมูลค่าตลาดตัวที่ถัดไป 300 ตัวมาคำนวณสร้างทำเป็นดัชนี
//..SET225 คือนำมูลค่าหุ้นมาเรียงลำดับจากทากไปหาน้อย  แล้วตัดตัวที่มีมูลค่าสูงสุดออก 15 ตัว  แล้วนำมูลค่าตลาดตัวที่ถัดไป 225 ตัวมาคำนวณสร้างทำเป็นดัชนี
//..SET180 คือนำมูลค่าหุ้นมาเรียงลำดับจากทากไปหาน้อย  แล้วตัดตัวที่มีมูลค่าสูงสุดออก 15 ตัว  แล้วนำมูลค่าตลาดตัวที่ถัดไป 180 ตัวมาคำนวณสร้างทำเป็นดัชนี

2) ดัชนีราคาตลาด (Price weighted index) คือดัชนีที่นำราคาหุ้น  มาคำนวณสร้างเป็นดัชนี  เรียกว่าดัชนีราคา  หุ้นที่มีราคาสูงจะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีสูง  เช่น TISCO Index(ไทย) NIKKEI225(ญี่ปุ่น)  DOW JONES หรือ DJIA(สหรัฐอเมริกา) 

สูตรในการคำนวณดัชนีราคาตลาด 1 
(NIKKEI225  DJIA)

สูตรในการคำนวณดัชนีราคาตลาด 2 
(TISCO)

3) ดัชนีชนิดไม่ถ่วงน้ำหนัก (Equal weighted index)  หรือคือดัชนีชนิดมีการถ่วงน้ำหนักที่เท่ากัน  จะเอามูลค่าตลาดหุ้นหรือราคาตลาดหุ้นมาคำนวณสร้างทำเป็นดัชนี  ก็จะให้ผลเท่ากัน  เช่น THAI Index  และดัชนีในกลุ่ม THAI Index(ไทย)  The Value Line Index(สหรัฐอเมริกา)  ตัวมันเองจะไม่มีความผันผวน
สูตรในการคำนวณดัชนีชนิดไม่ถ่วงน้ำหนัก


หมายเหตุ  ดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด  และดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยราคาตลาด  ถ้าสร้างให้ถูกตามหลักการของการสร้างค่าตัวกลาง  เช่นทำให้กลุ่มข้อมูลที่ใช้สร้างดัชนีมีค่าเบี่ยงเบนมาตราฐานต่ำ(standard deviation)  ดัชนีนั้นก็จะมีความผันผวนต่ำ มีความน่าเชื่อถือ  และทำให้ปั่นได้ยาก