www.oocities.org/pontipa001
ต่ออินเทอร์เน็ต
จากประสบการณ์ที่เคยพบเห็นหรือติดตั้งเน็ตให้หลายๆท่าน
ส่วนมากจะสร้าง icon สำหรับ Dial-Up Networking กันไม่เป็น เลยคิดว่าถ้าทำตัวอย่างไว้สักแห่งพร้อมคำอธิบายน่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ติดตั้งโมเด็มไว้ในเครื่องเลย ไปดูวิธีติดตั้งโมเด็มที่นี่
เตรียมความพร้อม
1.
ตรวจสอบว่าท่านมี Dial-Up Networking ติดตั้งไว้แล้วหรือยังที่ Start
-> Programs -> Accessories -> Communications หรืออาจจะเข้าจาก
My Computer ก็ได้ ถ้าหากไม่มี ไปดูวิธีการติดตั้ง
Dial-Up Networking ที่นี่
2. ตรวจสอบความพร้อมภายใน Network ที่ Start -> Settings ->
Control Panel และเปิด Network ขึ้นมา จะพบดัง ภาพที่ 1

ภาพที่
1
สิ่งสำคัญจะต้องมีสามอย่างนี้คือ
Dial-Up Adapter , Client for Microsoft Networks , TCP/IP หรือ
TCP/IP -> Dial-Up Adapter ส่วนอื่นๆที่ท่านเห็นไนภาพ ไม่จำเป็นสำหรับการใช้งานเครื่องที่ไม่มีระบบเครือข่าย
(LAN) แต่หากมีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องลบออกก็ได้ครับ แต่หากสามอย่างแรกที่บอกนั้นมีไม่ครบ
ไปดูวิธีติดตั้ง Network ที่นี่
การเซ็ตค่าใน
Network นี้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าใดๆทั้งสิ้น ในการกำหนดค่าต่างๆที่
ISP แจ้งให้ทราบนั้น จะทำการเซ็ตไว้ที่ Dial-Up Networking เท่านั้น
ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อถัดไป
เริ่มสร้าง
icon
ให้เปิด
Dial-Up Networking ขึ้นมาจะอยู่ที่ Start -> Programs ->
Accessories -> Communications หรืออาจจะเข้าจาก My Computer
ก็ได้ เมื่อเปิดขึ้นมาแล้ว Double click ที่ Make New Connection
จะปรากฏดังภาพที่ 2

ภาพที่
2
ช่องบนสุดให้พิมพ์ชื่อ
icon ที่จะใช้เข้าไป แนะนำให้พิมพ์ชื่อผู้ให้บริการ (ISP) ดังตัวอย่างผมใช้สามารถก็พิมพ์
Samart จากนั้น เลือก โมเด็มตรง List แล้วกด Next > จะปรากฏดังภาพที่
3

ภาพที่
3
พิมพ์รหัสทางไกลของจังหวัดท่าน
(ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนักเพราะไม่ได้ใช้) และพิมพ์หมายเลขที่ผู้ให้บริการ
(ISP) ระบุมาเพื่อให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากท่านที่ใช้ระบบโทรศัพท์แบบตู้สาขา
(PABX) และต้องตัด 0 หรือ 9 เพื่อโทรออก ให้ใช้เครื่องหมาย , (เครื่องหมายลูกน้ำ)
เพื่อเว้นวรรคให้ระบบตัดให้ท่านก่อน เช่น 9,9537000 หรือหากระบบตัดให้ท่านช้า
ให้ทำการเพิ่ม , เข้าไปอีกได้หลายตัว เช่น 9,,,9537000 เป็นต้น จากนั้นเลือกประเทศ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วกด Next > จะปรากฏดังภาพที่ 4

ภาพที่
4
เป็นการสิ้นสุดการสร้าง
icon สำหรับติดต่ออินเทอร์เน็ต ให้กด Finish ท่านจะเห็น icon ชื่อที่ท่านระบุไว้เหมือนตัวอย่างภาพที่
2 ได้ระบุไว้ว่า Samart จะพบ icon ดังภาพที่ 5 ใน Dial-Up Networking

ภาพที่
5
ติดตั้งค่าต่างๆ
หลังจากที่สร้าง
icon มาแล้ว ให้ท่าน Click ขวาที่ icon แล้วเลือก Properties จะปรากฏดังภาพที่
6

ภาพที่
6
ให้ท่านติ๊กช่อง
Use area code and Dialing Properties ออกเพราะไม่ได้ใช้ จากนั้น
จะเริ่มการตั้งค่าต่างๆของโมเด็ม ให้กดที่ Configure... เมื่อกดแล้วจะปรากฏดังภาพที่
7

ภาพที่
7
ภาพที่
7 นี้จะเป็นหน้าต่างซ้อนหน้าต่างเดิมขึ้นมา เพื่อทำการตั้งค่าโมเด็ม
Speaker volume เป็นเครื่องมือสำหรับปรับเสียงของโมเด็ม จะมีอยู่ด้วยกันหลายระดับ
หรือโมเด็มบางรุ่นจะปรับได้แค่ On - Off เท่านั้น ค่า Maximum speed
เป็นความเร็วของการติดต่อระหว่างโมเด็มและเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดที่โมเด็มทำได้
ค่าความเร็วนี้จะขึ้นอยู่กับสองส่วนคือ ความเร็ว Serial Port หรือ
COM Port และ ความสามารถของโมเด็มที่จะติดต่อกับ Serial Port ที่ความเร็วสูงสุดเท่าใด
ในส่วนของ Serial Port นั้นตั้งแต่คอมพิวเตอร์รุ่น Pentium ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
มีการใช้ชิพ UART 16550 เพื่อควบคุม Serial Port ซึ่งจะให้ความเร็วสูงสุดที่
115200 bps และโมเด็มสมัยใหม่เกือบทั้งหมด จะสามารถใช้ความเร็วเท่านี้ได้
ค่าความเร็วที่ช่องนี้ อาจไม่สามารถเซ็ตได้ในโมเด็มบางรุ่น เช่นแบบติดตั้งภายใน
หรือแบบ USB Port
บางท่านพบว่า
เมื่อใช้โมเด็ม 56K แต่หากตั้ง Maximum speed เป็น 38400 หรือ 19200
จะสามารถกำหนดความเร็วโมเด็มได้ อันที่จริงแล้วเป็นการกำหนดความเร็ว
Serial Port จึงทำให้โมเด็มไม่สามารถติดต่อได้เร็วไปกว่าความเร็ว
Serial Port นั่นเอง
การตั้งค่า
Maximum speed ให้ตั้งที่ 115200 หรือสูงกว่าความเร็วสูงสุดของโมเด็ม
เช่น โมเด็ม 56 Kbps สามารถตั้งตั้งที่ 57600 หรือ 115200 โมเด็ม
33.6 Kbps สามารถตั้งที่ 38400 , 57600 หรือ 115200 การตั้งที่ความเร็วสูงมากๆนั้นช่วยให้ท่านขนถ่ายข้อมูลจากภายในตัวโมเด็มเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ขึ้นกับความสามารถของโมเด็มด้วยครับ บางรุ่นก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ติดต่อที่ความเร็วสูง
เมื่อปรับแต่งส่วนนี้เรียบร้อยดีแล้วให้กดที่หน้า
Connection ด้านบน จะปรากฏดังภาพที่ 8

ภาพที่
8
ในส่วนของ
Connection preferences ไม่ต้องแก้ไขอะไร ส่วน Call preferences
นั้นมีความหมายดังนี้
Wait for
dial tone before dialing
- ให้โมเด็มรอสัญญาณพร้อมโทรจึงจะหมุนเลขหมายปลายทาง
Cancel the call if not connected within ... secs
- ให้โมเด็มวางสายหากเรียกนานกว่าที่กำหนด ใช้ในกรณีที่ปลายทางไม่รับสายนานๆ
และเราไม่ต้องการให้เรียกจนสายตัด
Disconnect a claa if idle for more than ... mins
- ให้โมเด็มวางสายหากไม่มีการรับ-ส่งข้อมูลนานกว่าที่กำหนด
ปุ่ม Port
Settings... สำหรับกำหนดการใช้ Buffer ของ chip UART ปล่อยไว้เป็นค่า
default ดังภาพที่ 9

ภาพที่
9
ปุ่ม Advanced...
สำหรับตั้งค่าเพิ่มเติมของโมเด็มดังภาพที่ 10

ภาพที่
10
Use error
control
- เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาด แบบ Compress data จะดีกว่า ส่วน Require
to connect จะแล้วแต่ที่ติดต่อได้ในครั้งนั้นๆ
Use flow control
- เป็นการควบคุมข้อมูล แบบ Hardware จะดีกว่า Software
Modulation type
- ปกติการสื่อสารในปัจจุบันใช้ Standard
Extra settings
- เป็นการเพิ่มเติมค่าต่างๆให้โมเด็มก่อนทำการติดต่อ ตัวอย่างในภาพที่
10 นั้นเป็นการแก้ไขปัญหา Redial ของโมเด็ม USRobotics 56K ซึ่งการใช้
Extra settings นี้จะไม่เหมือนกันในแต่ละรุ่น ขึ้นกับบริษัทผู้ผลิต
chip ของโมเด็มรุ่นนั้นๆ ปกติแล้วช่องนี้จะเว้นว่างไว้
เมื่อตั้งค่าต่างๆเสร็จแล้ว
จะกลับไปสู่หน้าต่างดังภาพที่ 8 ให้คลิกที่หน้า Options จะปรากฏดังภาพที่
11

ภาพที่
11
Connection
control
- เป็นการสั่งให้เปิดหน้าต่างขึ้นเพื่อพิมพ์ข้อมูลต่างๆ เช่นผู้ให้บริการบางรายเจาะจงให้
Bring up terminal window เพื่อใส่ username และ password ส่วนมากจะใช้
Bring up terminal window after dialing ใช้กับระบบ UNIX หรือ LINUX
Dial control
- สำหรับการหมุนเบอร์ปลายทางด้วยตนเอง
Status control
- สำหรับโชว์รูปไฟโมเด็มที่ System Tray เมื่อการติดต่อสำเร็จ
ในส่วนของหน้า
Distinctive Ring ไม่ได้ใช้งาน จะปล่อยว่างไว้ดังภาพที่ 12

ภาพที่
12
หลังจากที่เราเซ็ตในส่วนของโมเด็มเรียบร้อยแล้ว
จะย้อนกลับไปยังหน้าต่างก่อนหน้านี้ดังภาพที่ 6 จะทำการตั้งค่าเกี่ยวกับระบบอินเทอร์เน็ตต่อไปโดยกดที่หน้า
Server Types จะปรากฏดังภาพที่ 13

ภาพที่
13
การต่ออินเทอร์เน็ตโดยปกติแล้วเลือกตัวเลือกดังภาพก็จะสามารถต่อใช้งานได้กับผู้ให้บริการเกือบทุกราย
ปุ่ม TCP/IP
Settings... สำหรับตั้งค่า ต่างๆดังภาพที่ 14

ภาพที่
14
การต่ออินเทอร์เน็ตโดยปกติแล้วเลือกตัวเลือกดังภาพก็จะสามารถต่อใช้งานได้กับผู้ให้บริการเกือบทุกราย
แต่หากผู้ให้บริการบางรายระบุว่าต้องใส่ค่า DNS ก็ให้ตั้งค่าที่
Primary DNS และ Secondary DNS โดยกดที่ปุ่ม Specify name server
address
หลังจากตั้งค่าเสร็จจะกลับไปอยู่ดังภาพที่
13 ในส่วนของ Scripting และ Multilink จะไม่ได้ใช้งาน ปล่อยไว้ดังภาพที่
15 และ 16

ภาพที่
15

ภาพที่
16
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด
ตอนนี้ท่านพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต ให้ Double click
ที่ icon ที่ได้สร้างขึ้น พิมพ์ Username และ Password กด Connect
ดังภาพที่ 17

ภาพที่
17