B-CLUB
chapter 13

storyby : subara nana


โฉอง : ประชุมอะไรกันนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ปิดเทอมก็ต้องมาเข้าชมรม
มาซากิ: ก็ดีออก จะได้มาเจอกันไง ปิดเทอมก็ดีกว่า แยกย้ายกันไปนะ
คุซาโนะ : น้านนะดิ อย่าบ่นเป็นคนแก่ไปเลยน่า นายอ่ะ
เป็นครั้ง แรกที่โฉองได้เข้าประชุมใหญ่อย่าง แท้จริง ที่ห้องประชุมลับชั้นใต้ดิน ของชมรม B – CLUB ออกจะตื่นตา นิดหน่อยผิดจากการที่บ่นเบื่อออกไปเมื่อครู่ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า สมาชิกในชมรม มีเยอะขนาดนี้ สักครู่ท่านประธานทั้ง2 ก็ออกมา
ทักกี้ : จากการประชุมของกรรมการ ชมรม ทั้งหมด ปีนี้กิจกรรมช่วงปิดเทอมที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้ว
ซึบาสะ : มติเป็นเอกฉันท์ ว่าปีนี้เราจะไปทัศนศึกษาไหว้พระกันที่วัด ที่เกียวโต
มีเสียงโห่ออกมาจากกลุ่ม ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร KAT-TUN นั้นเอง พากันบ่นอุบอิบไปกันใหญ่ ในขณะที่ทุกคนรับใบรายการไปดูอย่างไม่มีปัญหา
ซึบาสะ : นี่กลุ่มนั้นนะ มีปัญหาอะไรรึป่าว หัดเข้าวัดเข้าวาซะบ้าง ขัดเกลาจิตใจ!!
ทักกี้ : ใช่ๆ ไม่ต้องบ่น คราวนี้พิจารณามาดีแล้ว ราคาก็ถูก เพราะว่า เป็นที่ๆมีคนรู้จักได้ส่วนลดชัวร์
โฉองรับใบรายการมาดู อย่างแปลกใจ
โฉอง : อะไรกันนะ ชมรมเรามีกิจกรรมแบบนี้ด้วย ไม่อยากจะเชื่อ
คุซาโนะ : ช่วงคืนกำไรไงหล่ะ ก็เงินชมรมที่ได้จากใบขอร้องก็เอามาปันผลกับกิจกรรมนี้แหละ ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ก็ยังเคยไปเที่ยวทะเลกันเลย
โฉอง : อ้าว !! งี้รุ่นพี่อาคานิชิ ก็ไม่มีสิทธิ์ไปนะสิ
มาซากิ : (เอามือจุ๊ๆปาก)เบาๆสิเดี๋ยวได้ยินก็โดนฆ่าเอาหรอก นายนี่!!
ซึบาสะ : นี่ทุกๆคน อย่าลืมวันไป ให้ใส่ชุดนร.มาทุกคนนะ เพราะค่ารถจะได้ลดครึ่งราคา เข้าใจมั้ย (งกกันดีจังนะ)
ทักกี้ : แล้วก็อย่ามาสายหล่ะ ได้เวลาละก็ ไม่รอใครนะจะบอกให้ ห้ามมาโวยทีหลังด้วย วันนี้ก็เท่านี้หล่ะ
โฉองเห็นท่าทางของกลุ่ม KAT-TUN ที่ตอนแรกทำท่า เบื่อๆ พอจะได้ไปเที่ยวจริงๆก็ท่าทางดี๊ด้ากันขึ้นมาเชียว ยกเว้นแต่อูเอดะคนเดียวที่ท่าทางนิ่งๆแปลกๆไป
โฉอง : รุ่นพี่อูเอ ดะ ท่าทางไม่ค่อยสบายนะครับ
อูเอดะ : เปล่าไม่มีไรหรอก แค่ปีนี้รู้สึกวันไปเที่ยวมันจะเร็วเกินไปหน่อยก็แค่นั้นเอง
โฉอง : เร็วแล้วเป็นไงเหรอฮะ? (ยังงงอยู่)
อูเอดะไม่พูดอะไร ค่อยๆเดินตามหลังพวกเพื่อนๆออกไปตามปกติ โฉองก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร กำลังตื่นเต้นกับการได้ไปเที่ยวเหมือนกับคนอื่นๆ
แล้ววันที่ไปเที่ยวก็มาถึง สมาชิกทุกคนมาถึงที่สถานีรถไฟพร้อมหน้าพร้อมตาจริงๆ ยกเว้นแต่จินที่เหมือนเพิ่งถูกแซะออกมาจากเตียงสภาพแบบสุดๆ แต่ก็ยังมาได้นะเนี้ย
คาเมะ : นี่แกก็มาได้ทุกปีนะ ไม่อายคนอื่นบ้างไง ตัวเองไม่เคยได้ใบขอร้องสักกะใบ ยังหน้าด้านมาอีก
โฉองพยักหน้าเห็นด้วยกับคาเมะ มาซากิรีบจับหัวเอาไว้กลัวจินเห็น
จิน : เออ ก็หน้าด้านนะเดะ ถึงได้มา ไม่มีฉันแกคิดรึไงว่าจะสนุก ถอยๆเดะ จานั่ง
ว่าแล้วก็โยนข้าวของของอูเอดะที่วางไว้ก่อนออกไป อย่างกับนักเลง ก่อนนั่งแหมะ ตรงข้างหน้าต่างแล้วหลับต่อเฉยเลย
อูเอดะ : ไมทำงี้อ่ะ!! มาก็มาที่หลังแล้วมาแย่งที่กันอีก
ท่าทางจินไม่ได้ยินแล้วหลับสนิทเลย อูเอดะได้แต่บ่นงึมงัมตามประสาก่อนจะอุ้มกระเป๋าไปนั่งอีกที่ โคคิกลับเร็วกว่าเสียบแทนทันที แล้วก็เอาซาวเบาท์นั่งฝังไม่สนใจใยดี อูเอดะหมดที่นั่งพอดี เพราะโคคินั่งข้างคาเมะเรียบร้อย ส่วนจุนโนะกะนากามารุก็นั่งด้วยกัน จะกลับมานั่งข้างๆจินก็ ต้องทำใจ เพราะจินนอนซะเต็มที่ จะเบียดตัวนั่งข้างๆก็กลัวจินจาน้ำลายยืดหกใส่ ก็เลย เดินออกมาจากกลุ่ม พอดีโฉองกับมาซากิและคุซาโนะนั่งด้วยกันมีที่นั่งเหลือที่เดียวพอดี
มาซากิ : รุ่นพี่อูเอดะ มานั่งด้วยกันสิครับ
อูเอดะพยักหน้าหงึกๆ แบบเบื่อๆ ก่อนมานั่งข้างๆโฉอง ท่าทางอูเอดะดูหงอยๆน่าดู โฉองเลยรินชาให้
โฉอง : น้ำชาครับรุ่นพี่ รุ่นพี่อาคานิชิก็นิสัยแบบนี้แหละ ครับ ไม่มีใครเค้าจะถือสากันแล้ว
อูเอดะ : ทำไมหล่ะ!! ถ้าจินทำแบบนี้ไม่มีใครว่าใช่ม้า ยังงี้สิจินถึงได้ใจ แต่ก็นั้นแหละนะใครเค้าจะว่าเจ้านั้นหล่ะ!!
น้ำเสียงอูเอดะดูเข้มมากจน ทั้ง 3 คนเงียบไปตามๆกันได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก อูเอดะถึงรู้สึกตัวจึงทำหน้าตามปกติ แล้วค่อยๆดื่มชา แต่ทั้ง 3 คนก็สังเกตได้ถึงอารมณ์ที่ผิดปกติของอูเอดะ
พอถึงที่ก็เกิดเรื่องอีกจนได้ กระเป๋าเดินทางของอูเอดะหายไป เพราะว่าอูเอดะวางไว้ที่ชั้นบนของที่นั่งเดิม แต่เพื่อนๆก็แสนน่ารักไม่มีใครหยิบไว้ให้เลย ยิ่งทำให้หน้าหงอยๆกลายเป็นหน้ามุ้ยไปเลย
จิน : ไรอ่ะ ไมมองหน้าเงี้ย ไม่ใช่ความผิดฉันสักกะหน่อย ของๆแกแท้ๆนะ
คาเมะ : โธ่เอ้ยเป็นไรไป แค่นี้เอง เอาของพวกฉันใช้ไปก่อนก็ได้ไป เดี๋ยวค่อยติดต่อ ที่สถานีให้เค้าช่วยหาให้ก็ได้
จุนโนะ : น้านสิ กระเป๋าเงินก็อยู่ที่กระเป๋าเป้นี่นา กระเป๋าเสื้อผ้าค่อยหาที่หลังก็ได้
โคคิ : (หาวนอน) เออ ไปเหอะน่า จาได้รีบๆกลับไปนอนที่รีสอร์ทไป้
นากามารุ : เฮ้ย!! หิวอ่ะ ฉันว่าเราไปหาไรกินกันดีกว่านะๆ
ท่าทางที่ทุกคนไม่ได้สนใจเลยนี่ต่างหากที่ทำให้ อูเอดะรู้สึกโกรธมากกว่าที่กระเป๋าหาย แถมที่สำคัญทุกคนต่างก็เข้าข้างจินกันไปหมด อูเอดะได้แต่ก้มหน้าหงุดหงิดเดินตามกลุ่มไปแบบไม่ค่อยพอใจนัก
เมื่อออกจากสถานีรถไฟเกียวโต แล้วมีรถบัสของรีสอร์ทมารับเพื่อไปเที่ยวได้สะดวกขึ้น ทุกคคนจับจ้องที่นั่งกันอย่างสนุกสนาน มีก็แต่เพียงอูเอดะที่หน้าบึ้งตึง โฉอง มาซากิ คุซาโนะ KAT-TUN และประธานซึบาสะได้อยู่รถบัสคันเดียวกันพอดี ซึบาสะถือไมค์เอาไว้ทำท่าประมาณไกด์นำเที่ยวเลยทีเดียว
ซึบาสะ : นี่รถบัสเรามี ทั้ง หมด 2 คันนะ ฉันมีหน้าที่ดูแลทุกคนที่อยู่รถคันนี้ ส่วนเจ้ากี้จะดูแลอีกคัน เอาเป็นว่านะ การมาเที่ยวนี่ เราจะไม่มีการแบ่งแยกสีกัน เพราะฉนั้น เรื่องสู้รบปรบมือกัน ตอนนี้พักไปก่อน เลย เที่ยวกันให้สนุกละกัน เข้าใจป่าว
ทั้งคันรถ ส่งเสียง เฮฮาป่าแตกกันอย่างสนุกสนาน โฉองเองก็รู้สึกสนุกไปด้วย เพราะไม่เคยมาเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนเยอะขนาดนี้เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็อดที่จะสนใจหน้าเบื่อๆของ อูเอดะไม่ได้
ซึบาสะ : อ้าวๆ!! บนรถนี้ยังมีคนกล้าทำหน้าไม่สนุกด้วยเหรอเนี้ย (พูดพลางใช้ไมค์ชี้ไปที่หน้าของอูเอดะ)
อูเอดะ : (ท่าทางตกใจ ทำหน้าเลิกลั่ก) เปล่าครับไม่มีอะไรครับ
ปกติอูเอดะ จะเป็นคนนิ่งๆเงียบๆเก็บตัว ไม่ค่อยแสดงออก ยิ่งต่อหน้าคนตั้งครึ่งชมรมแบบนี้ ถูกทักก็ทำให้อายไปกันใหญ่ ท่าทางประหม่าของอูเอดะ เข้าทางของจินพอดี รีบยกไม้ยกมือเป็นการใหญ่
จิน : คาราโอเกะเลย ลูกเพ่ซึบาสะ ขอเพลงให้เจ้านี่มานร้องสักเพลง ปลุกอารมณ์เฮฮา กันหน่อย
ซึบาสะ : อ้า!! อย่าท้าทายนะ บนรถนี้มีนะจะบอกให้ เอ้าเอาไมค์ไปเลย
อูเอดะ : (รีบลุกขึ้นทันที ท่าทางตกใจมาก) เฮ้ย!! ใครบอกว่าฉันจะร้อง ไม่เอานะจิน!!
จินวิ่งไปรับไมค์จากหน้ารถมายื่นให้อูเอดะถึงที่ ท่าทางเจ้าเล่ห์ทันที ทุกคนในรถพากันตบมือร้องเชียร์กันใหญ่ กลับทำให้อูเอดะ กดดันมากๆ กำไมค์ไว้แน่น
อูเอดะ : ผมร้องไม่ได้ครับ …….
ซึบาสะ : แหม่!! ไม่เห็นต้องเครียดขนาดนั้นเลย รองเพลงอะไรก็ได้นะ เอาเลือกสิ
อูเอดะ : คือว่า เพลงที่มีทั้งหมดนี่ ผมร้องไม่ได้หมดเลยนะครับ
พออูเอดะพูดจบ KAT-TUN ทั้งหมดก็ ฮากันดังลั่น จนคนทั้งคันรถ สงสัยไปตามๆกัน
โคคิ : ขอโทดทีนะ ลืมไปอ่ะ ว่าเจ้านี่ร้องเป็นแต่เพลงสมัยเจ้าคุณพ่อ
คาเมะ : น้านนะสิ เพลงที่มีนี่มันใหม่เกินไปนะสิ
คนอื่นในรถได้ฟังก็หัวเราะตามไปด้วย อูเอดะได้แต่ก้มหน้างุดๆ ทั้งอายทั้งโกรธ ก็พวกนี้จงใจแกล้งกันชัดๆ ก็ พวกที่รู้ว่าเค้าชอบร้องเพลงแบบไหนก็มีแต่พวกเพื่อนตัวแสบ พวกนี้แหละ ที่ไปคาราโอเกะด้วยกันบ่อยๆ
ซึบาสะ : อ้าวแล้วก็ไม่บอก โทดทีนะ ที่รถเรามีแต่เพลงใหม่เกินไป (เดินมาเอาไมค์ คืนพร้อมทำท่ากั้นหัวเราะ )เอ้างั้นใคร จะร้องบ้าง
ในขณะที่ทุกคนกำลังเฮฮาแย่งไมค์กัน มีแต่อูเอดะที่นั่งก้มหน้าไม่พูดอะไร โฉองรู้สึกเป็นห่วงจนต้องหันไปปรึกษากับเพื่อนทั้งสอง
โฉอง : ท่าทางรุ่นพี่อูเอดะ จะโกรธมากนะ ไมดูเหมือนพวกรุ่นพี่เค้าแกล้งกันมากไปป่าว ดูเหมือนโดนมาตลอดเช้าเลยนะ
มาซากิ : น้านนะสิ แล้วแบบว่ารุ่นพี่อูเอดะก็ไม่ค่อยอยากมาตั้งแต่แรกด้วย ไม่รู้มีเรื่องไรกันป่าวนะ
คุซาโนะ : พวกนายก็คิดมากไปได้ ปกติรุ่นพี่อูเอดะก็เป็นคนที่ถูกทุกคนแกล้งบ่อยอยู่แล้วแหละ ไม่เห็นจะแปลก
โฉอง : มันก็จริง แต่ว่ามาเที่ยวอ่ะ ทำดีๆกันหน่อยไม่ได้ไง อย่างน้อยจะได้สนุกด้วยกันบ้าง ไม่ใช่แกล้งคนอื่นแบบตัวเองสนุก แล้วคนอื่นหมดสนุกก็ไม่ดีนะ
คุซาโนะ : นายนี่ก็พระเอกเจรงๆเล้ย ใครจะกล้าไปยุ่งอ่ะ เดี๋ยวก็เปลี่ยนมาแกล้งเราแทนดิ รุ่นพี่อูเอดะอ่ะ ทนได้อยู่แล้ว ก็เค้าโดนประจำ

โฉองทำท่าจะเถียงต่อ มาซากิจึงห้ามไว้กลัวว่าทั้งสองคนจะมาทะเลาะกันเองซะเปล่าๆ
มาซากิ : เอาเถอะนะ ไงรุ่นพี่เค้าก็แกล้งกันเป็นประจำ ก็ไม่ร้ายแรงอะไรหรอก เค้าคงเข้าใจกันนะ
คุซาโนะ : ใช่ๆเข้าทำนองรักหลอกจึงหยอกเล่นไง
โฉองทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะทั้งสองคนก็ไม่ยอมเป็นแนวรวมด้วย ก็ได้แต่ถอนใจแบบเป็นห่วงรุ่นพี่อูเอดะเท่านั้น สักครู่รถก็มาถึงวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ทุกคนลงจากรถมารวมพลกันที่ข้างล่าง ทักกี้ถือโทรโข่งลงมาด้วย
ทักกี้ : นี่ทุกคนวัดที่เราจะเข้าชมอ่ะ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีการจัดสวนทรายแบบเซน ค่อนข้างสงบนะกรุณาสำรวมกันด้วย อย่าเอะอะหล่ะ พยายามทำตัวสงบแบบเซนอ่ะ เข้าใจป่าว
โฉองทำหน้าแหย่ๆ จะเข้าใจดีมั้ยเนี้ย เอาเป็นว่าเวลาเดินชมสวนทรายอยู่ห่างๆพวกรุ่นพี่KAT-TUN จะดีกว่ามั้ง เพราะลิงทะโมนอย่างเงี้ย จะให้สำรวมคงยาก ซึบาสะดึงโทรโข่งมาพูดบ้าง
ซึบาสะ : ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า เจ้าอาวาสวัดนี้ดุที่สุด ถ้าไม่อยากตายก็ ทำตัวดีๆกันไว้นะ เพราะใครทำไรผิดนี่ ประธาน 2 คนไม่ช่วยหารนะจะบอกให้!!
โฉองรีบกวักมือให้ทั้งมาซากิและคุซาโนะมาห่างๆกลุ่ม KAT-TUN ทันที ยังไม่ทันเข้าก็แน่ใจว่า วันนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ มาซากิและคุซาโนะก็เห็นด้วยทันที
ทุกคนต่างแยกย้ายไปชมความสวยงามของวัด บางคนก็ไปเสี่ยงเซียมซี ไหว้พระ หรือซื้อเครื่องลาง โฉองยืนดูร้านขายเครื่องลางนานสองนาน มาซากิเลยเดินเข้ามาดูด้วย ปล่อยให้หมีคุยุ่งกับการเสี่ยงเซียมซีไป
มาซากิ : นายจะซื้อเครื่องลางเหรอ จะเอาไปทำอะไรอ่ะ
โฉอง : อยากซื้อให้พ่อน่ะ เอาไว้ถ้ากลับมาแล้วจะได้มีไว้ป้องกันตัว จะได้ไม่ต้องหายไปนานๆอีกไง

มาซากิมองเพื่อนซี้ด้วยความเห็นใจ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เค้าแทบลืมไปเลยว่า พ่อของโฉองนั้นยังหายสาปสูญไปอยู่ ซึ่งดูไม่มีวี่แววจะกลับมาเลย แต่ท่าทางโฉองเองก็ไม่ได้ท้อแท้เลยยังคงเชื่อว่าพ่อจะกลับมาเสมอ มาซากินับถือจิตใจที่มั่นคงของโฉองมากๆ
มาซากิ : น้านสินะ อื้อ !!นี่ฉันจะซื้อป้ายไม้อธิฐานนี่ด้วยละกันนะ
โฉอง : (เลือกเครื่องลางส่งให้คนขาย)นายจะขอเรื่องอะไรเหรอ
มาซากิ : ขอให้พ่อนายกลับมาไวๆไง !!
โฉองยิ้ม ตื้นตันจนพูดไม่ออก มาซากิกับเค้า ถึงอยู่ใน B-CLUB จะเป็นคู่ต่อสู้กัน แต่จริงๆแล้วกลับเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเค้าต่างหาก โฉองเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าวัตถุประสงค์จริงๆของการสร้างคู่แบบนี้ขึ้นมาเพื่อการแข่งขันจริงๆรึเปล่า หรือเพื่อให้เห็นมิตรภาพที่แท้จริงกันแน่นะ
มาซากิเดินไปผูกป้ายอธิฐานที่ๆแขวน แล้วก็ทำให้เค้าสะดุดตากับผู้ชายคนนึง ท่าทางไม่ค่อยเหมือนคนญี่ปุ่น เหมือนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า แต่มองดูดีๆก็เห็นว่าเป็นคนญี่ปุ่นกำลังเขียนแผ่นป้ายอธิฐานอยู่เหมือนกัน โฉองเองที่เพิ่งเดินมากับคุซาโนะก็ชะงักนิดหน่อย โฉองสบตากับคนคนนั้นทันที รู้สึกแปลกๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
คุซาโนะ : โห!! เท่ห์จังเลยอ่ะ ท่าทางยังกะเป็นพวกแยงกี้แนะ เท่ห์จัง
มาซากิ : นายนี่เห็นคนเท่ห์ไม่ได้เลยนะ เดียวก็เอาไปฟ้องรุ่นพี่คาเมะนิชิเลยนี่
คุซาโนะทำท่าจิ๊จ๊ะกะมาซากิ จนมาซากิขำ แต่โฉองยังคงมองดูคนแปลกหน้าคนนั้นอยู่ จนเค้าเดินตรงเข้ามาหา ท่าทางน่ากลัว ผู้ชายคนนั้นสูงกว่าโฉองดูน่าจะรุ่นเดียวกับพวก KAT-TUN
ยามะพี : มองหน้าฉันอ่ะ มีไรเหรอ เจ้าเปี้ยก
โฉองยังคงจ้องหน้านิ่ง ไม่ได้พูดอะไร คุซาโนะกับมาซากิเห็นท่าทางไม่ดีรีบมาดึงตัวโฉองเอาไว้กลัวว่าจะมามีเรื่องกะคนที่นี่ซะก่อน แถมในวัดอีกด้วย
คุซาโนะ : เจ้าบ้าเอ้ย ทำไม ไปจ้องหน้าเค้าแบบนั้นอ่ะ น่ากลัวนะ ท่าทางเค้าก็ยังกะนักเลง
มาซากิ : อือๆ ที่ต่างจังหวัดแบบนี้ มีพวกนักเลงเยอะนะ ผมก็สีทองขนาดนั้นอ่ะ น่ากลัวเหมือนกันนะ
โฉอง : ไม่รู้สิ มันรู้สึกแปลกๆชอบกลอ่ะ เหมือนคนรู้จักอ่ะ
คุซาโนะ : บ้าไปรู้จักได้ไง ขนาดพวกเราแต่งชุดนร.ยังมาหาเรื่องน่ากลัวจะตายไป อย่าไปรู้จักเลยนะๆ

ทั้งสามคนยังเถียงกันอยู่แต่ตาก็เหลือบไปเห็นนากามารุกะโคคิกำลังเล่นก่อกองทรายอยู่ที่สวนทราย มีจินกะคาเมะยืนตะโกนโหวกเหวก(นี่ขนาดเค้าเตือนให้เงียบๆแล้วนา) โฉอง มาซากิ และคุซาโนะเหงื่อแตกทันที เหมือนมีลางสังหรณ์อันรุนแรงว่าต้องมีอะไรที่เลวร้ายสุดๆเกิดขึ้นแน่
จิน : ไรวะสวนไรวะ ทรายเข้ารองเท้าหมดแร้ว โอ้ย!!! (เขย่าทรายออกจากรองเท้าหนัง)
คาเมะ : ไอ้บ้านนอก นี่เค้าเป็นวิธีจัดสวนแบบวิถีเซนเว้ย อย่าสลัดทรายมาทางนี้เซ่ !!(หลบทรายจนมาเหยียบกองทรายของนากามารุ)
นากามารุ : เฮ้ยไอ้เต่าบ้า มาพังกองทรายฉันทำไม!!
โคคิ : ดีๆ ยังงี้ฉันก็ชนะแร้วเดะ กองทรายฉันยังอยู่เหอๆ แตงกิ้วมากคาเมะ
ท่าทางก็สนุกดีหรอกนะ แต่ว่ามาทำลายสวนทรายที่สำคัญของวัดแบบนี้จะดีเหรอ ไม่กลัวตายกันบ้างรึไง พอดีกับที่จุนโนะกับอูเอดะเดินผ่านมาพอดี
จุนโนะ : เจ้าพวกบ้า ทำไรอ่ะ นี่ไม่รู้ไงว่าเค้าใช้เวลาเกลี่ยทรายนานแค่ไหนห่ะ ใครมาเห็นเข้า มีตายนะพวกนาย
จิน : เจ้าบ้าแกก็อย่าตะโกนดิ ไอ้พื้นทรายเนี้ยเหรอต้องเกลี่ย เอ้าเกลี่ยให้ไหม่ก็ได้ (เอาเท้าเขี่ยๆ)
ทั้ง 4 คนช่วยกันใช้เท้าเกลี่ยกันยกใหญ่ จุนโนะเอามือกุมหัว
จุนโนะ : นี่เกลี่ยกันแบบนั้นได้ พวกนายก็มาบวชเป็นพระได้แล้วดิ การเกลี่ยต้องมีศิลปะเฉพาะนะเฟ้ย
นากามารุ : พุดไรอ่ะ หลักการชิบเปงเลย
โคคิ : เออดิ โคดงง!! เฮ้ยมีพระมาอ่ะ
อูเอดะ : (ตื่นเต้นไปด้วย) ทะ….ทำไงอ่ะ
หันมาก็ไม่พบใครแล้ว หนีเร็วยังกับลิงแนะ อูเอดะผู้ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆ ยืนงงตาค้าง ก็เป็นคนที่ช้าก็ซวยยังงี้นะแหละน้า ยังไม่ทันที่จะอธิบายเหตุผล พระที่มาก็ฟาดเข้าให้อย่างจังด้วยดาบไม้ โฉอง มาซากิ และคุซาโนะ ผู้เห็นเหตุการณ์ ไม่กล้ากระดิกเลย พระองค์นี้ดุเหลือเกิน หรือว่าจะเป็นพระเจ้าอาวาสที่รุ่นพี่ซึบาสะพูดถึงกัน!!

CHEPTER 13 END
TO BE CONTINUTE……………

 

 

setstats 1