ทางรอด"บินไทย-ท่องเที่ยว"ฟื้นฝูงบินลุ้น วิกฤตค่าเงิน

ชัยชนะอยู่ที่ปลายจมูก และวันนี้ เราพ้นระยะพักฟื้นแล้ว หรือ พวกเราต้องร่วมกันสร้างสรรค์การตลาด และวิกฤตการต่อสู้ในสนามแข่งมีน้อยมาก ตอนนี้บริษัททำกำไรได้ดีพอสมควร เป็นคำกล่าวตอนที่ กนก อภิรดี เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน)ได้เพียง58วัน จากนั้นสายการบินอันดับหนึ่งของเอเชีย และจะสร้างกลยุทธ์ให้บริษัทมีรายได้ปีละ 200,000 ล้านบาทเพื่อเพิ่มโบนัสพนักงานและจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น

เมื่อวิเคราะห์ กลยุทธ์ ผ่านผลประกอบการในกลุ่มพันธมิตรทางการบิน สตาร์อัลไแอนซ์ พบว่า รายได้ กับจำนวนขนส่งผู้โดยสาร ของการบินไทย เปรียบเทียบกับสายการบินสมาชิก 12สาย

การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินอินเตอร์แนชั้นแนล มีรายได้ติดอันดับ8 ประมาณ 130,000บ้านบาท แต่ต้องขนส่งผู้โดยสารมากถึง18.3 ล้านคน แสดงให้เห็นว่าการทำกำไรต่อที่นั่งทำได้น้อยมาก แต่กต่างจากสิงคโปร์แอรไลน์ ทำรายได้ติดอ้นดับ5ประมาณ235,532 ล้านบาท แต่ขนผู้โดยสารเพียง14.7ล้านคน น้อยกว่าการบินไทย 3.7ล้านคน แต่ทำรายได้มากกว่าถึงสองเท่า

แหล่งข่าวระดับสูงจากการบินไทย เปิดเผยว่า ภายในเดือนกรกฏาคมนี้จะเปิดเผนการเปิดจุดินไร้พรมแดน
(Global Maping Distination)อีกไม่ต่ำกว่า 160เที่ยว/สัปดาห์ จุดบินจะเพิ่มปีละ 4-6แห่ง ส่วนจุดบินเก่าจะเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น

ขณะที่ "กนก อภิรดี เปิดเผยว่า การวางกลยุทธ์บริหารจัดการตลาดในการกำหนดเที่ยวบินนั้นจะปรับโฉมแยกเป็น 2 ส่วน จะเพิ่มเที่ยวบินที่เป็นสีสันเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติอีก 5%

รายงานข่าวจากการยฃบินไทยระบุว่า กนกได้ให้ฝ่ายบริหารไปวางแผนใช้เครื่องบินใหม่ทั้งระบบโดยขอให้ใช้เครื่องบินทำงานให้เต็มที่เฉลี่ย70-80%จำนวนฝูงบินที่มีอยู่ทั้งหมุ84ลำต้องบินอยู่อากาศเฉลี่ย6-10 ชม.นอกจากนี้ยังได้ดัดแปลงนำเครื่องบินเอ็มดี11 เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอีกด้วย

เป็นการฟื้นฟูยุทธศาสตร์การบินและการท่องเที่ยวซึ่งมีตัวแปรใหม่เรื่อง ค่าเงิน เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น ดอลล่าร์อ่อนตัวลง ต้นทุนท่องเที่ยวในไทยสูงขึ้ 11-12%จนทำให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในไทยลดลง จนไม่สอดคล้องกับแผนเพิ่มเที่ยวบินใหม่ๆของการบินไทยหรือไม่นั้นต้องติดตามวิเคราะห์กันต่อไป