EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

ลมสงบก่อนพายุฝน


ออกมาหน้าบ้านคุณโคแล้ว ปรากฏว่าเจ้านิไคโดยัง
คงดักรอผมอยู่ เมื่อเจอหน้าผมก็พูดขึ้นว่า
"ฮึ ! อย่าเพิ่งดีใจไปล่ะ นายอะมะกิ กะอีแค่หาของ
เจอแค่นี้" นายนิไคโดเอ่ยขึ้น
"ทำไม ยังไม่ยอมรับอีกเรอะ ว่าฝีมือนายสู้ฉันไม่ได้
คุณรถไฟชิงกังเซ็น"
"ลำพองไปก่อนเถอะ ผมน่ะกำลังจับงานใหญ่กว่านี้
อยู่นะ แกนึกว่านี่เป็นแค่การหาของหายธรรมดา
อย่างนั้นเหรอ เฮอะ! แกมันไม่รู้อะไร ถูกเขาหลอก
ใช้ไม่รู้ตัว แล้วเราจะได้เห็นกันว่าใครจะแน่กว่ากัน"
นายนิไคโดพูดข้อความที่ชวนสงสัยทิ้งท้ายไว้ แล้วก็
เดินจากไป
หมายความว่า นี่ไม่ใช่คดีของหายธรรมดา ๆ อย่าง
นั้นเหรอ แล้วผมนี่นะ กำลังถูกหลอกใช้อยู่อย่างนั้น
หรือ ไม่หรอก อย่างน้อย ผมก็ได้ค่าแรงมาแล้ว นาย
โคไม่ได้หลอกใช้งานผมฟรี ๆ สักหน่อย ส่วนเจ้านิ
ไคโดนี่ก็คงจะพูดไปตามสไตล์ขี้แพ้ชวนตีกระมัง
หรือเป็นทำนององุ่นเปรี้ยว ตัวเองทำคดีนี้ไม่สำเร็จ
ก็บอกว่า คดีนี้เล็กไปไม่มีค่าพอที่ตัวเองจะต้องทำ
ตัวเองกำลังทำคดีอื่นที่ใหญ่กว่านี้อยู่
ครับ! ตอนนั้นผมคิดเข้าข้างตัวเอง และมองโลกใน
แง่ดีเกินไปหน่อย โดยที่ยังไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่า
เมฆหมอกแห่งความยุ่งยากได้เริ่มก่อเค้าอยู่รอบ ๆ
ตัวผมแล้ว
...
"พริน พริน อยู่เปล่า?" ผมร้องเรียกเด็กสาวผมทอง
ทันที ที่เดินเข้าสำนักงาน แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
หายไปไหนเอ่ย? ว่าจะให้ช่วยถือเงินแทนเราสัก
หน่อย ผมวางซองเงินไว้บนโต๊ะ แล้วเลือกหยิบมา
ไว้กับตัวจำนวนหนึ่ง
ดูสภาพในสำนักงานปรากฏว่า เสื้อผ้าที่ตาก
ระเกะระกะอยู่เมื่อครู่นี้ถูกเก็บไปหมดแล้ว และพื้น
สำนักงานก็ดูสะอาดสะอ้านขึ้น โต๊ะอเนกประสงค์
ของผมถูกจัดระเบียบจนเรียบร้อย
'อืมห์ รู้สึกว่าเอ็นโทรปีของสำนักงานเราลดลงไป
เยอะแฮะ' ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นฝีมือยัยพรินนั่น
แหละ แต่นี่ไม่อยู่หายไปไหนนะนี่ อ๊ะ! มีกระดาษ
โน้ตอยู่ที่โต๊ะด้วย
"คุณโคะจิโร่คะ หนูออกไปซื้อของเดี๋ยวมานะคะ"
เป็นข้อความที่พรินเขียนฝากผมไว้นั่นเอง เฮ้อ
อุตส่าห์ขอแสดงบทนายจ้างแสนดีซะหน่อย เพราะ
ตอนนี้ผมมีเงินแล้วนี่ครับ จะได้พูดได้เต็มปากเต็ม
คำว่าสามารถจ่ายค่าจ้างให้เธอได้เต็มที่แล้ว และ
ยินดีให้เธอทำงานด้วย แต่เอ๊ะ! ทำไมผมคิดอย่างนี้
ล่ะ? ผมรู้สึกผูกพันกับพรินโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว ถึง
ขนาดตะกี้ก็กำลังจะคิดให้พรินถือเงินให้ผม เฮ้อ! นี่
ผมเชื่อใจเด็กนี่ขนาดนี้เชียวหรือ?
'ออกไปตามดีกว่า' ผมคิด ‘ถ้าบอกว่าออกไปซื้อของ
ละก็ คงไม่แคล้วที่นั่นแน่เลย’
...
ผมพาตัวเองมาถึงเซ็นทรัลอะเวนนู เดินเตร็ดเตร่ไป
มา ก็ไม่พบเด็กสาวผมทอง ตาสองสี สวมเสื้อผ้าชุด
เก่งของผม แต่แล้วผมก็นึกได้ว่าวันนี้วันเกิดยัยอะ
คะเนะ เลยแวะเข้าร้านบูติกเลือกซื้อได้โบว์น่ารักอัน
หนึ่ง ห่อเป็นของขวัญเตรียมไว้ให้ยัยนักข่าวสาว ก็
ไม่ใช่ใจดีอะไรหรอกครับ จะแกล้งแหย่หล่อนนะ
แหละว่า ให้หัดทำตัวเป็นสาวน่ารักบ้าง ไม่ใช่ทำตัว
เป็นทอมบอย ไม่ก็เป็นม้าดีดกระโหลกอยู่อย่างนี้
เดินไปเดินมาไม่พบคนที่ผมกำลังหาอยู่ก็พอดีมา
โผล่ที่หน้าโรงแรมปรินเซสเข้าให้ ผมนึกถึงสาวต่าง
ชาติอีกคนที่ผมพบเมื่อคืนขึ้นมา
‘อะคัว’ เธอบอกว่าชอบมาที่บาร์เหล้าที่ชั้นใต้ดิน
ของโรงแรมนี้บ่อย ๆ ถ้าเราเข้าไปตอนนี้เธอจะอยู่
ไหมหนอ งานผมก็เพิ่งเสร็จมาหยก ๆ ยังไม่มีอะไร
ทำ ก็เลยลองเดินเข้าโรงแรมนั้นดู
ผ่านล็อบบี้ ตรงเข้าไปในบาร์ที่ชั้นใต้ดิน ปรากฏว่า
ไม่พบอะคัว ผมก็เลยเดินกลับขึ้นมาที่ล็อบบี้โรงแรม
ก็พบนายนิไคโดกำลังเดินออกจากลิฟต์พอดี
"อ้าว! ฮอกไกโด มาทำอะไรแถวนี้"
"เฮอะ! ผมก็มาพบลูกค้ารายใหญ่นะสิ ไม่เหมือนแก
หรอก ทำแต่งานกระจอก ๆ" มาบทองุ่นเปรี้ยวอีก
แล้ว
นายนิไคโดทำท่าจะเดินจากไป ผมนึกถึงอะไรบาง
อย่างได้ ก็เลยลองปล่อยหมัดแย็ปออกไปว่า
"อ๋อ! มาพบคุณม. อย่างงั้นเหรอ"
ได้ผล นิไคโดหันขวับมาทันที "กะ... แก รู้จักคุณมิโด
ได้ไง ปะ..เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้จ้างคนอื่นอีกนี่"
ฮะฮ้า! นายม. ในบันทึกของนิไคโด ก็คือ คุณมิโด
นั่นเอง
"ไม่รู้จักหรอก นายพูดเองนะว่าเขาชื่อมิโด" ผมตอบ
หน้าตาเฉย
นิไคโดหน้าเหยไปทันที รู้ตัวว่าเสียท่าอีกแล้ว เลย
เดินไป แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายไว้ว่า "ไปดีกว่า อยู่กับแก
แล้วมีแต่เสีย คอยดูนะผมจะต้องรวบสำนักงานนัก
สืบคะทสึระงิไว้ให้ได้"
สุดท้ายนี่พูดอะไรหว่า ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย
...
แต่เพราะคำพูดของเจ้านิไคโดแท้ ๆ เชียว ผมเลย
พาตัวเองมาถึงสำนักงานของยะโยย
"สวัสดีค่ะคุณโคะจิโร่" เคโกะเงยหน้าขึ้นมาทักผม "
ยินดีด้วยค่ะ คุณโคะจิโร่คลี่คลายคดีได้อีกแล้วนะ
คะ คุณนิไคโดคลั่งใหญ่เลยค่ะ"
"เหรอ" ผมตอบเนือย ๆ เคโกะยังคงพูดแสดงความ
ชื่นชมผมใหญ่ แล้วสุดท้ายก็ลดเสียงลงบอกกับผม
ว่า
"แต่เนี่ยนะคะ เพราะคุณโคะจิโร่แท้ ๆ เลย สำนัก
งานของเราเลยยิ่งแย่เข้าไปอีกเลยรู้ไหมคะ?"
"ทำไมล่ะ" ผมถามทั้งที่ก็พอทราบคำตอบอยู่แล้ว
"ก็ตอนนี้ชื่อเสียงของคุณโคะจิโร่แพร่ไปทั่ววงการ
แล้วสิคะ ว่าสามารถแซงหน้าบริษัทใหญ่อย่างเรา
ไปได้ ตอนนี้ก็แทบจะไม่มีลูกค้าใหม่มาหาเราแล้ว
ล่ะค่ะ เนี่ยสภาพบริษัทเรากำลังง่อนแง่นมากเลย
ค่ะ"
ผมอึ้ง การณ์เป็นไปอย่างที่ผมคิดจริง ๆ ยะโยย เธอ
จะเป็นอะไรไปรึเปล่าหนอ สำนักงานของตัวเองอยู่
ในสภาพวิกฤติแบบนี้
"ยะโยยอยู่รึเปล่า" ผมอดถามไม่ได้
"เจ้านายเหรอคะ เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เองค่ะ เห็น
บอกว่ามีนัดกับเพื่อนเก่าแก่คนหนึ่งน่ะค่ะ"
...
ไม่พบยะโยย ผมก็กลับออกมาจากสำนักงานของ
เธอ เดินกลับมาที่สำนักงานของตัวเอง
"กลับมาแล้วหรือคะ คุณโคะจิโร่" เสียงพรินทักทาย
มาพร้อมเสียงลากรองเท้าแตะเหมือนเดิม ผมรู้สึก
อุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้สึกว่ามีใครคอยต้อนรับ
เราอยู่เวลาเรากลับบ้าน นี่ยังไม่ทันถึงวันเลยนะนี่
เด็กคนนี้มีอิทธิพลต่อผมถึงขนาดนี้เชียวหรือ
"ทำงานเรียบร้อยดีนี่" ผมชมแล้วถามต่อ "ว่าแต่เรา
น่ะ ไปหาผู้ปกครองมารึยัง"
"เมื่อกี้หนูแวะไปมาแล้วค่ะ ท่านอนุญาตให้หนู
ทำงานกับคุณโคะจิโร่ได้ค่ะ" พรินตอบใบหน้าเต็ม
ไปด้วยรอยยิ้ม
"งั้นเหรอ ฮืม" ผมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วมองไปที่
โต๊ะพลางบอกว่า "พรินเงินบนโต๊ะนั่นเก็บไว้ให้ด้วย
นะ ในฐานะแม่บ้านประจำสำนักงาน"
ขยับตัวไปหยิบซองเงินบนโต๊ะขึ้นมา แต่แล้วก็ต้อง
ตกใจ
"เอ๊ะ! เงินหายไปไหนหมด?" ผมหันไปถามพริน
"อ๋อ! ตะกี้มีคนเขามาเก็บค่าเช่าน่ะคะ บอกว่าคุณ
โคะจิโร่ค้างมาสามเดือนแล้ว หนูเลยจ่ายให้เขาไป
นี่ไงคะใบเสร็จรับเงิน"
"หา! ว่าไงนะจะ..จะ...จ่ายค่าเช่าไปแล้วเหรอ?" ผม
ร้องเสียงหลง ก็ค่าเช่านะ ผมผัดผ่อนเขามาได้เป็น
สองสามเดือนแล้วนี่ครับ ก็โกดังเก่า ๆ อย่างนี้มีใคร
จะเอาล่ะ ยังไงเขาก็ไม่ไล่ผมออกไปหรอก ยัยพริน
หนอยัยพรินเสียรู้เขาซะแล้ว แผนการณ์ผมพังหมด
"จ่ายค่าเช่าอย่างเดียวทำไมถึงเกลี้ยงเลย หือ?" ผม
ถามอีก ใช่ครับ! ค่าเช่าโกดังอย่างเดียวไม่ถึงกับทำ
ให้เงินหมดเกลี้ยงอย่างนี้หรอกครับ สังหรณ์เลวร้าย
เริ่มตามมาติด ๆ
พรินส่งกระดาษปึกหนึ่งให้ผมดู เป็นใบเสร็จรับเงิน
ทั้งนั้นเลย ว่าแล้วไง มีทั้งค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่า
แก๊ส นี่ท่าทางพอยัยพรินจ่ายไปรายหนึ่ง เขาก็ไป
บอกต่อกันสิท่า ว่าผมเกิดผีเข้า ใจดียอมจ่ายเงินขึ้น
มา เลยไปตามพรรคพวกมาเก็บกันทั้งโขยง โอ๊ะ! นี่
เครื่องซักผ้า เครื่องปั่นผ้าแห้ง และก็ตู้เย็นผมซื้อเงิน
ผ่อนไว้ ปรากฏว่าโดนจ่ายไปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
หรือเนี่ย
"อะไรกัน ทำไมจ่ายรวดเดียวหมดทุกอย่างอย่างนี้
พริน!" ผมชักหงุดหงิด อา... เงินหนอเงิน อยู่ใน
กระเป๋าผมให้ผมได้อุ่นแค่ไม่กี่อึดใจก็มีอันโบยบิน
ไปจากผมซะแล้ว
"อ้าว! ไม่ดีเหรอคะ?" พรินตอบ เสียงชักอ่อยเมื่อรู้ว่า
ผมไม่พอใจ "จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ใครต่อไปไงละคะ
แล้วอีกอย่างเขาบอกว่า ถ้าไม่จ่ายจะไล่ออกจากที่
นี่บ้างล่ะ จะตัดไฟ ตัดน้ำบ้างละ จะยึดของคืนบ้าง
ล่ะ หนูก็เลย..."
"โธ่เอ๋ย! ฉันอุตส่าห์หลบเขามาได้ตั้งนาน ถึงไม่จ่าย
เขาก็ไม่ไล่เราออกหรอกน่ายัยพริน เรานะหลงกล
เขาแล้วแหละ นี่เป็นกลยุทธเบสิกของพวกทวงเงิน
เลยล่ะ" ผมทรุดตัวลงนั่ง หมดแรง เงินหกแสนหาย
วับไปในพริบตา เหลือเฉพาะส่วนที่ผมชักออกมา
ก่อนไม่กี่หมื่นเท่านั้นเอง "โธ่ ๆ ๆ ทำไมมันช่างมาได้
จังหวะเหมาะจริง ๆ เลยนะ" ผมเหลือบดูใบเสร็จอีก
ที แล้วก็ร้องเสียงหลง
"พริน! นี่อะไรเนี่ย อะมะกิ พริน"
"ก็เขาบอกว่า ถ้าไม่ใช่ญาติ หรือครอบครัวเดียวกัน
เขาออกใบเสร็จให้ไม่ได้นี่คะ หนูก็เลยบอกเขาไปว่า
เราเป็นสามีภรรยากัน...ฮิฮิ" พรินตอบอาย ๆ บิดตัว
ไปมา
"จะบ้าเหรอ!" หนูพรินไม่รู้หรอกว่า ผมกลัวคำพูดนี้
มากที่สุด ทำให้ผมเสียงดังโดยที่ไม่รู้ตัวเอง "ไปบอก
เขาบ้า ๆ อย่างนี้ได้ไง เราไม่มีอะไรกันสักหน่อย"
"..." พรินหน้าจ๋อย "ขอโทษเจ้าค่ะ"
"โอย อยากจะบ้าตาย" ผมล้มตัวลงนอน เอามือก่าย
หน้าผาก พรินค่อย ๆ เลี่ยงหลบไปด้านในของสำนัก
งาน คงเสียใจน่าดูเหมือนกันที่ทำคุณบูชาโทษเข้า
ให้
ผมนอนสงบสติอารมณ์อยู่พักหนึ่ง ก็ค่อยใจเย็นขึ้น
มาบ้าง จะว่าไป ผมก็ถังแตกมาตั้งสองสามเดือน
แล้ว กะเงินอีแค่ไม่กี่แสน ได้มาแล้วก็เสียไปแค่นี้จะ
มามัวช็อคอยู่ทำไม งานของผมทำสำเร็จในครั้งนี้
ชื่อเสียงของสำนักงานนักสืบอะมะกิย่อมต้อง
กระจายออกไปแน่ แล้วลูกค้าก็ต้องมีเพิ่มขึ้นแน่ ๆ
เงินแค่นี้ผมหาใหม่ได้แหละ คิดแล้วก็ชักจะหัวเราะ
ด้วยความสมเพชตัวเองแฮะ ที่แสดงอารมณ์เสีย
ดายเงินไม่เข้าเรื่อง
เอ! เมื่อกี้ดุพรินไปว่ายังไงบ้างนะ แรงไปรึเปล่าก็ไม่
รู้ เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้วเรื่องตากผ้า ท่าทางเด็กจะจ๋อย
น่าดูเลย คิดไปคิดมาก็ชักสงสารเหมือนกันแฮะ เด็ก
มาขออยู่ทำงานกับเราด้วยใจรักแท้ ๆ เลย ขนาด
บอกว่าค่าจ้างน้อยนะยังไม่ใส่ใจเลย ยืนกรานจะอยู่
ใกล้ชิดเราให้ได้ แล้วนี่ผมยังไปว่าแกแรง ๆ อีกสอง
ทีซ้อนแล้วในวันเดียว อืมห์ ต้องปลอบใจซะหน่อย
เฮ้อ! ทำไมผมต้องแคร์ความรู้สึกของสาวพรินคนนี้
ถึงขนาดนี้ด้วยนะ ผมถามตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรจำ
ไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ตั้งแต่
เจอกับพรินคนนี้
"พริน อยู่ไหนเอ่ย" ผมเรียก
เสียงลากรองเท้าดังเตาะแตะเข้ามา แล้วพรินก็
ปรากฏตัวขึ้น รับเสียงอ่อย ๆ ว่า "เจ้าค่ะ มีอะไรหรือ
คะ"
อืมห์ ซึมไปจริง ๆ ด้วยแฮะ ผมหันรีหันขวางไม่รู้จะ
ปลอบยังไง
"เมื่อกี้ ฉัน...ขอโทษ...ว่าพรินแรงไปหน่อย" ผมพูด
ตะกุกตะกัก
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูผิดเองค่ะ เอาเงินคุณโคะจิโร่ไปใช้
หมด" พรินตอบ เสียงอ่อย ๆ เหมือนเดิม
เอ ท่าทางจะอาการหนักแฮะ เอาไงดีล่ะ
"ไม่สิ พรินไม่ผิดเลยจ๊ะ นะ นะ คนดี เลิกซึมได้แล้ว
เงินน่ะ เดี๋ยวเป็นหน้าที่ของฉันจะหามาให้มากกว่า
เดิมเลย ไอ้ที่ใช้ไปแล้วก็ดีแล้วล่ะ ยังไงก็ต้องจ่ายอยู่
ดี ค่าใช้จ่ายพวกนั้นน่ะ พรินช่วยฉันจ่ายก็ดีแล้วล่ะ
ฉันต้องขอบใจมาก...นะ"
"คุณโคะจิโร่ไม่โกรธหนูใช่ไหมคะ ที่หนูจ่ายค่าพวก
นั้นไป" พรินมองผมตาแป๋ว น้ำเสียงดีขึ้นมาก
"ไม่โกรธจ้ะ"
"จริง ๆ นะคะ?" พรินทำหน้าชื่น แต่แล้วก็กลับไป
เป็นเหมือนเก่าอีก "แต่เมื่อกี้คุณโคะจิโร่โกรธนี่คะ"
เอาละสิ! โธ่! ตูหนอตู ไม่น่าพลั้งปากออกไปเลยทำ
ไงดีล่ะ เอ! ผมนึกถึงอะไรบางอย่างได้
"ไม่โกรธก็ไม่โกรธสิ ใครจะโกรธเด็กดีอย่างเธอได้ลง
คอ ยัยพริน" ผมพูดเสียงหนัก "เอางี้ งานวันนี้พอแค่
นี้ก่อน เดี๋ยวเราออกไปข้างนอกกันดีไหม ฉันจะพา
เธอไปว่ายน้ำ ว่ายน้ำเป็นรึเปล่า เราน่ะ"
พรินมองผมอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง "ว่ายน้ำเป็นค่ะ ...
คุณโคะจิโร่ชวนหนูไปเที่ยวหรือค่ะ"
"เออ! ใช่แล้ว ไปกันนะ แล้วลืมเรื่องยุ่ง ๆ วันนี้ให้
หมดเลย นะนะ" ผมชักสมเพชตัวเองซะแล้ว ทำไม
ต้องมาคอยเอาใจเด็กผู้หญิงคนหนึ่งด้วย แต่ก็...
เฮ้อ! เวรกรรม!!
"แต่หนูไม่มีชุดว่ายน้ำค่ะ"
"โอเค งั้นเดี๋ยวไปซื้อกันเลย แล้วค่อยไปที่สระว่าย
น้ำ ตกลงตามนี้นะ" ผมพูดเสียงร่าเริง
"... ค่ะ" พรินนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วก็ยิ้มร่า ตอบรับคำ
ผมมา เฮ้อ! กว่าจะประล่อมสำเร็จ
...
ตกลงผมก็ต้องพาสาวพรินไปซื้อชุดว่ายน้ำก่อน ที่
เซ็นทรัลอะเวนนูตามฟอร์ม แม่พนักงานขายก็ตัวดี
นักเชียว เรามีทรัพย์ไม่มากนะเนี่ย คุณเธอกลับเอา
ชุดว่ายน้ำมากองอยู่ตรงหน้ายัยพรินซะกองเบ้อเริ่ม
จนเจ้าตัวเลือกไม่ถูก หยิบชุดโน้นชุดนี้มาลอง ๆ
ทาบ ๆ กับตัวเองดูแล้วก็ร้องสวยไปทุกชุด คุณ
พนักงานขายก็ดันมากระซิบกับผมอีกแน่ะ ว่าให้
ช่วยดูให้ด้วย เพราะคนที่สำคัญที่สุดที่ผู้หญิงอยาก
ให้ตัวเองดูสวย รวมทั้งเวลาแต่งชุดว่ายน้ำนี่ ก็คือ
คนรักของตัวเองนั่นเอง ผมขยับปากจะชี้แจง แต่พอ
เห็นพรินมองมา ยิ้มหน้าบาน พลางถามผมว่า "คุณ
โคะจิโร่คะ ชุดนี้เป็นไงบ้างคะ" ผมก็พูดอะไรไม่ออก
ได้แต่ร้องชม สวยจ๊ะ ไปตามเรื่อง แต่ก็คอยชำเลือง
ดูราคาไปด้วย ชุดไหนแพงมาก ก็หาเรื่องติ ว่าโป๊ไป
บ้างล่ะ เชยบ้างล่ะ สุดท้ายก็มีความเห็นตรงกันทั้ง
ผมและพริน ได้ชุดว่ายน้ำน่ารักมาชุดหนึ่ง พรินท่า
ทางร่าเริงขึ้นมากเลย ซึ่งก็พลอยให้ผมรู้สึกสบายใจ
ไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก
เสร็จจากห้างสรรพสินค้าที่พวกผมไปซื้อชุดว่ายน้ำ
ผมก็พาพรินไปที่โรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดีย
พรินทำหน้างง "คุณโคะจิโร่คะไหนว่าจะไปสระว่าย
น้ำไงคะ นี่มันโรงเรียนไม่ใช่เหรอคะ?"
"ก็โรงเรียนนะสิ" ผมตอบ พลางควักเอาบัตรผ่านที่
ได้จากคุณมะทสึโนะยื่นให้ยามที่ประตูดู "สระว่าย
น้ำอยู่ในโรงเรียนนี่แหละ"
"อื๋อ! จริงหรือคะ" พรินถาม ทำท่าตื่นเต้นแล้วก็เดิน
ตามผมเข้าไปในโรงเรียนแต่โดยดี ผมถามทางจาก
ยามเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปที่สระว่ายน้ำทันที
เพราะได้รับการขอร้องว่าอย่าไปเดินยุ่มย่ามในโรง
เรียนมากนักโดยไม่จำเป็น
...

back index next