EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 19xx

ลมสงบก่อนพายุฝน 2


"คุณมะทสึโนะอยู่ไหมครับ" ผมถามเจ้าหน้าที่ห้อง
สมุดที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์
"อ๋อ! คุณมะทสึโนะติดสอนอยู่ค่ะ ต้องเย็น ๆ ค่ะถึง
จะเข้ามาค่ะ" เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบอย่างสุภาพ แต่
สายตามองผมเหมือนกับจะบอกว่า "นี่กะมาจีบ
สาวสิท่า" หรืออะไรทำนองนั้น ทำไมนะ ท่าทางผม
เป็นหนุ่มเสเพลนักรึไง
ผมหันรีหันขวางอยู่ในห้องสมุด จะรอดีหรือจะไป
เลยดี ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนักหรอก
จะมาขอบคุณเรื่องที่ให้ความร่วมมือในการหาข้อ
มูล ซึ่งตอนนี้ผมทำงานสำเร็จแล้ว และจะขอบคุณ
เรื่องบัตรสระว่ายน้ำด้วย ถ้าประเหมาะ จะได้หลอก
ถามเรื่องเกี่ยวกับนายโคให้มากกว่านี้ซะเลย ว่ามี
ข่าวว่าผู้อำนวยการโรงเรียนยักยอกเงินของโรงเรียน
รึเปล่า เอ! ผมกำลังจะทำอะไรอยู่นะ ไม่มีใครจ้าง
ให้ผมสืบเรื่องนี้สักหน่อย ทำไปก็ไม่ได้เงิน แล้วยัง
จะทำอีก คงเป็นนิสัยของผมเองนั่นแหละที่พอรู้
อะไรมานิด ๆ แล้วก็อยากจะรู้ให้ถึงที่สุด หรืออย่าง
น้อยก็ให้ได้ข้อสรุปมาสักระดับหนึ่ง แต่เอาเถอะใน
เมื่อคุณมะทสึโนะไม่อยู่ก็กลับดีกว่า พรินคงจะกลับ
ไปที่สำนักงานแล้วเหมือนกันแหละ
"...งี้ หมายความว่ายังไง"
"..."
"ก็ฉันถูกสั่งให้ถอนตัว ขณะที่คุณยังอยู่ ก็แสดงว่า
คุณ...ฉันนะสิ"
เสียงใครสองคนกำลังทะเลาะกันดังแว่ว ๆ มาจาก
ด้านในห้องสมุด ซึ่งโชคดีเหลือเกินว่าตอนนี้มีคนใช้
บริการอยู่น้อยคน ไม่งั้นคนที่กำลังทะเลาะกันนี่ต้อง
ถูกเชิญให้ออกไปแน่ ๆ แต่จะว่าไปก็คือ ฝ่ายหนึ่ง
เป็นฝ่ายระเบิดอารมณ์ใส่แต่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า
ผมไม่ตั้งใจจะแอบฟังใครคุยกันหรือทะเลาะกัน
หรอกครับ แต่เสียงที่ได้ยินนี่สิ มันคุ้น ๆ หูอยู่ ทำให้
ผมอยากรู้ว่าใครกันที่ผมรู้จัก หรืออย่างน้อยก็เคย
พบ มาทะเลาะกันอยู่ในห้องสมุดโรงเรียนนี้ ที่
สำคัญเป็นผู้หญิงทั้งคู่เสียด้วย
"ฉันไม่ยอมหรอก คุณมะรินะ คุณหยามเกียรติฉัน
มาก ทำอย่างนี้มันข้ามหน้าข้ามตากันชัด ๆ"
"ก็ดิฉันบอกแล้วไงคะ ว่าเรื่องที่ดิฉันตามเป็นคนละ
เรื่องกับคุณ การที่มี...ให้.." หลังๆ ฟังไม่ค่อยชัดว่า
พูดอะไร เพราะเจ้าตัวคงตั้งใจเน้นพูดประโยคแรก
มากกว่า ผมจำได้แล้ว เสียงแรกเป็นของเด็กสาวที่
ชื่อฮิมุโระคนนั้นนั่นเอง ส่วนคนหลังนนี่ก็ ยัยมะรินะ
ตัวแสบที่เป็นเพื่อนกับยะโยย พอผมจำได้ว่ามีใคร
บ้าง ก็รีบชะงักเท้าทันที อย่าไปยุ่งด้วยดีกว่า แต่ใน
ใจก็อดงงไม่ได้ว่า เด็กนักเรียนที่ชื่อฮิมุโระ กับมะริ
นะซึ่งท่าทางจะเป็นบอดี้การ์ดให้กับเด็กนักเรียนอีก
คนที่ชื่อ มะยะโกะ นั้นมาเกี่ยวพันกันได้ยังไง
"พลั่ก!"
"อึ!"
ผมหันหลังเดินกลับได้สองสามก้าว ก็ปรากฏว่าเจอ
ชนจากด้านหลังอย่างจัง พอหันกลับไปดูก็พบว่า
เป็นเด็กฮิมุโระนั่นเอง ที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินแกมวิ่ง
ออกจากห้องอ่านหนังสือซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอ
ทะเลาะกับอีกคนอยู่เมื่อกี้ ฮิมุโระชะงัก ร้องฮึใส่ผม
คำเดียวแล้วก็ไม่สนใจ เดินแกมวิ่งออกไปจากห้อง
สมุดทันที
ผมลองเหลือบสายตาไปทางทิศตรงข้ามกับที่ฮิมุ
โระวิ่งออกมา พบว่าสาวที่ชื่อมะรินะกำลังจะเดิน
ออกมาพอดี ด้วยสีหน้าซีเรียส ผมก็เดินรีบเผ่นออก
จากห้องสมุดไปอีกคน
...
มาถึงบริเวณหน้าโรงเรียน ผมกำลังคิดว่าจะไป
เตร็ดเตร่ที่ไหนต่อดี สายตาก็รับภาพของเด็กนัก
เรียนหญิงคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเดินด้วยท่าทางเหม่อ
ลอยอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน
'เอ๊ะ! นั่นยัยเด็กแก่แดดฮิมุโระนี่นา' ผมคิด ท่าทาง
ของเด็กไม่เหลือความแก่แดดไว้เลยแม้แต่น้อย มี
แต่ท่าทางเซื่องซึม เหมือนทอดอาลัยตายอยากใน
ชีวิต เดินไปอย่างสะเปะสะปะตามแต่เท้าจะพาไป
และกำลังพ้นมุมถนนแล้ว...
'ยัยบ้า จะข้ามถนนโดยไม่ดูรถเลยเหรอ นั่นไม่ใช่
ทางม้าลายด้วยนะ' ผมคิด ที่จริงรถแถวนี้ก็คงวิ่งไม่
เร็วนักหรอกครับ เพราะเป็นเขตโรงเรียน แต่ถ้าอยู่ ๆ
มีคนโผล่พ้นหัวมุมถนนนออกมา โดยที่ไม่มีทางม้า
ลายอยู่ตรงนั้นด้วย รถก็คงจะเบรคหลบไม่ทันละ
ครับ และก็เป็นไปตามสังหรณ์ ผมมองจากอีกฝั่ง
หนึ่งเห็นมีรถคันหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล ส่วนฮิมุโระกลับ
ไม่มีท่าทีว่าจะเหลียวซ้ายและขวาสักหน่อยเลย คง
เดินตรงไปอย่างนั้น ถ้าเป็นเช่นนี้โดนรถคันนั้นชน
แน่ ๆ
"ระวัง" ผมร้องเสียงหลง วิ่งเข้าหาฮิมุโระทันที
"เอี้ยด!!!"
"ว้าย!"
เสียงเบรครถดังขึ้น พร้อม ๆ กับที่ผมเผ่นเข้าถึงตัว
เด็กสาว ดึงเอาตัวเธอขึ้นมาบนฟุตบาทได้ทันเวลา
พอดีแบบเฉียดฉิว คนขับรถหยุดรถแล้ว หันมามอง
ทางผมกับเด็กสาวอย่างเคือง ๆ แต่แล้วก็กระชาก
รถออกไป
ฮิมุโระกลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง หันมามองผม
ตาเขียว
"อ๊ะ! นายคนโรคจิต จะทำอะไรฉันกลางวันแสก ๆ
อ๋อ! นี่ออกลายแล้วสิท่า"
"จะบ้าเหรอ เราน่ะ?" ผมโกรธ ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ
"นี่ฉันช่วยชีวิตเธอไว้นะ รู้ตัวรึเปล่าว่าเมื่อกี้เกือบถูก
รถชนแล้ว เป็นอะไรไป ถึงได้เหม่อลอยขนาดนั้น
หา!!"
"เหม่อลอย... รถทับ" ฮิมุโระทวนคำ ทำสีหน้า
ครุ่นคิด
"ก็ใช่นะสิ รู้ตัวรึเปล่าว่าเราน่ะ เดินเหม่อมาตั้งแต่
หน้าโรงเรียนโน่น"
"..." ฮิมุโระทำหน้าเหมือนนึกได้ "ใช่สิ ฉันมันไม่มี
ความหมายนี่ งานก็โดนเขาแย่งไป ฮึ! คุณน่าจะ
ปล่อยให้รถชนฉันไปเลยก็ดี"
"เด็กบ้า" ผมตำหนิเข้าแรง ๆ "อายุแค่นี้ริอ่านจะฆ่า
ตัวตายแล้วเหรอ มีอะไรกลุ้มใจนักรึไง"
"ก็กลุ้มนะสิ คุณนะไม่เข้าใจอะไรหรอก" ฮิมุโระ
ถลึงตาใส่ผม "ฮึ อายุแค่นี้เหรอ... ฮะ ฮะ ๆๆๆ"
อ้าว! อยู่ ๆ ก็หัวเราะ เอ! ท่าจะบ้าแฮะ
"ฉันยังไม่บ้านะ" เสียงแหวมา อ้าว! รู้ความคิดของ
ผมได้ไง
"ฮึ!" เด็กสาวทำท่ากระฟัดกระเฟียด แต่แล้วก็ยื่นมือ
มาให้ผม
"??"
"นี่ จะปล่อยให้ฉันนั่งอยู่กับพื้นนี่อีกนานไหม สุภาพ
บุรุษรึเปล่าคุณน่ะ ผู้หญิงส่งมือให้ช่วยฉุดแล้วยังไม่
รู้อีก"
"อ๋อ! ครับ ๆ คุณหนู" ผมจับมือเธอไว้ แล้วดึงให้เธอ
ลุกขึ้นยืน "เป็นอะไรรึเปล่า?"
"ไม่เป็นไร...ค่ะ" ฮิมุโระตอบ "ขอบ...ขอบคุณค่ะที่
ช่วยฉันไว้"
โอ้! พูดดีดีก็เป็นแฮะเด็กคนนี้ ผมรู้สึกชื่นใจอย่าง
บอกไม่ถูกที่ได้ยินเด็กสาวคนนี้พูดดีกับผมเป็นครั้ง
แรก
"เป็นอะไรไปคุณ?" ฮิมุโระขมวดคิ้ว "แล้วนี่จะจับมือ
ฉันไปถึงไหน คุณโรคจิต เอ้ย! ไม่ใช่ คุณผมยาว"
"อ๊ะ! โทษที" ผมรีบปล่อยมือ
"ฮึ!" ฮิมุโระหันขวับ แล้วเดินจากไป
...
พระอาทิตย์เริ่มตกดินพอดี ในขณะที่ผมพาตัวเอง
มาถึงหน้าซันแมนชัน ซึ่งเป็นที่อยู่ของยะโยย คง
เป็นนิสัยเดิมของผมอีกนั่นแหละ พอใจคิดถึงเธอ
แล้วก็อดที่จะมาเดินอยู่แถวนี้อีกไมได้ ทำไมคิดถึง
ยะโยยนะเหรอ ก็เพราะข่าวที่ได้จากเกล็นนะสิ เฮ้อ
ว่าแล้วไม่น่าไปเชื่อยัยอะคะเนะเลย ไม่รับงานนี้แต่
แรกก็ดีแล้ว แต่ถึงผมไม่รับงาน แล้วเจ้านิไคโดจะ
หาภาพเจอหรือ นั่นก็ยังเป็นปัญหาอยู่
"คุณค่ะ" เสียงผู้หญิงเรียกผมอย่างเกรง ๆ พอผมหัน
ไปมองก็พบว่าเป็นเด็กสาวที่ผมช่วยไว้เมื่อตอนบ่าย
นั่นเอง ชื่อ... อ้อ ชื่อมะยะโกะ
"สวัสดีค่ะ จำหนูได้ไหมคะ ที่คุณพี่ชายช่วยไว้ตอน
บ่ายนะค่ะ"
"อ๋อ! จำได้สิครับ เป็นไง หายตกใจแล้วรึยัง"
"ขอบคุณค่ะ แต่หนูชินแล้วล่ะ"
"???" หือ ชินแล้ว หมายความว่ายังไง เด็กนี่มีอะไร
ที่ไม่ธรรมดาแน่ ผมกำลังคิดสงสัย แต่แล้วเด็กสาวก็
ถามมาอีก
"ยังไม่ทราบชื่อผู้มีพระคุณของหนูเลยค่ะ"
"อ๋อ! พี่ชื่ออะมะกิ โคะจิโร่ครับ เรียกว่าโคะจิโร่ก็ได้
ส่วนน้องก็ มะยะโกะใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ หนูชื่อมิโด มะยะโกะค่ะ ทำไมคุณ..อ่า...คุณ
โคะจิโร่ทราบละคะ"
"ก็ได้ยินน้องกับคุณอะไรนะ ที่แต่งชุดว่ายน้ำแบบ
เด็ด ๆ คนนั้นนะคุยกันไงครับ" ผมตอบ นึกไม่ออก
ไปชั่วขณะว่าอีกคนชื่ออะไร เพราะคำว่า 'มิโด' ที่
หลุดจากปากสาวน้อยตรงหน้า
"อ๋อ! คุณมะรินะ" มะยะโกะเฉลย นิ่งไปพักหนึ่งมอง
ผมอย่างชั่งใจแล้วถามขึ้น "คุณโคะจิโร่ทำไมกล้า
เข้ามาช่วยหนูหรือคะ ไม่กลัวพวกคนร้ายรึไงคะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างนายโคะจิโร่คนนี้ไม่เคย
กลัวใคร" ผมได้ทีรีบยกตัวเองทันที
"คุณโคะจิโร่เป็นคนของสถานทูต หรือเป็นพวกคุณ
มะรินะคะ?"
"หือ! พวกหรือ?" ผมทวนคำ เริ่มไหวทันว่าเด็กสาว
คงกำลังเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนที่มีสังกัด และคง
กำลังจะพยายามหลอกถามผมอยู่ อืมห์ เอาล่ะ ถ้า
งั้น... "พี่เป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณมะรินะครับ"
"เหรอคะ? .. นึกว่าเป็นพวกป๊ะป๋าซะอีก..." ประโยค
หลังพูดเสียงแผ่วเหมือนจะพูดกับตัวเอง แต่ผมก็ได้
ยินถนัดทั้งหมดเลย ป๊ะป๋า??? หมายถึงพ่อของตัว
เองนะหรือ ถ้างั้นเด็กคนนี้ก็เป็นลูกของคนที่ชื่อ 'มิ
โด' นะสิ เอ... มิโด? เคยได้ยินที่ไหนนะ
"อะ... ขอตัวก่อนคะ ขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้ แม้
ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของคุณก็ตาม" เด็กสาวตอบ
แล้วขอตัว เดินจากผมไป
'มิโด มะยะโกะ.... มิโด....สถานทูต....พวกคุณมะริ
นะ???'
...
ทันทีที่นึกออกว่า มิโดก็คือ ชื่อของนาย ม. ซึ่งเป็น
คนที่เจ้านิไคโดติดต่ออยู่นั่นเอง ผมก็เผ่นแนบกลับ
สำนักงานทันที เมื่อถึงก็ตรงไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์
ของตัวเองเพื่อที่จะทำการประมวลข้อมูล แต่แล้วก็
ต้องผงะ
"อ๊ะ!" ผมอดอุทานออกมาไม่ได้ ที่บริเวณขาโต๊ะ ผม
ฝังหลอดไฟดวงเล็ก ๆ เอาไว้ดวงหนึ่งครับ และเจ้า
หลอดไฟนี้ไปเชื่อมต่อกับวงจรของคอมพิวเตอร์ ทุก
ครั้งที่ผมเองเป็นผู้ใช้งาน ผมจะต้องปลดสวิทช์
นิรภัยนี้เสียก่อน จึงจะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อ
ใช้งาน แต่นี่... ไฟสัญญานที่ขาโต๊ะสว่างอยู่ หมาย
ความว่ามีคนแอบมาใช้คอมพิวเตอร์ของผม ใน
ระหว่างที่ผมไม่อยู่
'ใครกันนะ' ผมคิด พรินหรือ เป็นไปไม่ได้ ผมกำชับ
ไว้แล้วว่า อย่ามาแตะต้องเจ้าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้
และเด็กพรินเองก็คงจะเชื่อฟังคำสั่งผมเป็นอย่างดี
คงเพียงแค่มาทำความสะอาดบริเวณนี้เท่านั้น
'เอ! หายไปไหนนะ ยังไม่กลับมาอีก ค่ำแล้วด้วย'
ผมคิด ใช่! ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วที่ผมแยกกับพรินที่นี่
เป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ไม่พบพรินอีกเลย ออกไปเดิน
ข้างนอกไปหลงทางที่ไหนรึเปล่าก็ไม่รู้ หรืออาจจะ
ไปเจอแบบเมื่อคืนก่อนก็ได้ ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่
สิ่งที่ผมต้องเป็นห่วงอยู่เฉพาะหน้าก็คือ ...
ผมรีบเคลียร์สัญญาณไฟนั้นซะ แล้วเปิดสวิทช์
เครื่องคอมพิวเตอร์ จัดการเช็คข้อมูลทุกอย่าง
ปรากฏว่า ยังโชคดี ไม่มีข้อมูลใดถูกลบหายไป หรือ
ถูกแก้ไข
เฮ้อ! โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม สถาน
การณ์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงที่ว่า มีใครแอบมาใช้
เครื่องของผม ซึ่งก็หมายความว่า แอบดูข้อมูลในนี้
ไปแล้ว แต่เป็นใครกันล่ะ นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องสืบให้ได้
'อย่างน้อยข้อมูลก็ยังอยู่ครบ' ผมคิด แล้วก็เริ่มดึง
ข้อมูลเก่า ๆ ที่มีอยู่มาดูอีกที ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า นาย
ม. ที่นิไคโดติดต่ออยู่ด้วยคือคนที่ชื่อมิโด แต่ที่น่า
แปลกก็คือ เด็กสาวที่มะรินะ เพื่อนของยะโยยให้
การคุ้มครองอยู่ก็นามสกุลมิโดเหมือนกัน แถมเด็ก
นั่นยังบอกอีกว่ามีพ่อทำงานอยู่สถานทูต อืมห์...
แต่ก่อนอื่น ที่น่าติดใจก็คือ มะรินะคนนั้นเป็นใคร
กันนะ ถ้าลองไปถามยะโยยเธอจะยอมบอกรึเปล่า
ดีไม่ดีหาว่าเราจะไปจีบเพื่อนของเธออีก
ไม่สิ ยัยมะรินะจอมซ่าคนนั้นจะเป็นใครก็ช่าง ไม่
เกี่ยวกับผมสักหน่อย ที่ผมต้องการก็คือ สืบดูว่า มิ
โดที่เจ้านิไคโดติดต่อด้วยเป็นใครกันต่างหาก
เพราะตามลางสังหรณ์ของผมบอกว่า นิไคโดกำลัง
ทำงานอันตรายและใหญ่เกินตัวอยู่
สถานทูตหรือ ถ้าลองเชื่อว่านายมิโดคนนี้ กับเด็ก
สาวมะยะโกะนั่นมีความเกี่ยวข้องกันละก็ ลองเช็ค
ไปตามสถานทูตก็คงจะได้เรื่อง ผมหันไปทาง
โทรศัพท์ทันที โดยคว้าสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์
ติดมือไปด้วย
จากคำถามของเด็กสาวมะยะโกะที่ว่าผมเป็นพวก
ของสถานทูตหรือ ก็แสดงว่าสถานทูตควรจะอยู่
แถวนี้ ผมเปิดสมุดโทรศัพท์ เลือกดูเฉพาะสถานทูต
ที่มีที่อยู่แถวนี้ พบว่ามีสถานทูตเอลเดีย
'เอลเดีย' อืมห์ จะว่าไปอันนี้น่าสงสัยที่สุด ผมตัดสิน
ใจลองเช็คดูที่นี่ก่อนเป็นแห่งแรก แต่เอ ตอนนี้เป็น
เวลาค่ำแล้วนี่นา ช่างเหอะ ผมไม่ได้มีธุระอะไรกับ
เขาจริงจังหรอก ฮิ! ฮิ!
ผมหมุนโทรศัพท์ไปยังสถานทูตเอลเดียทันที
"กริ๊ง...ฮัลโหล! ที่นี่สถานเอกอัครราชทูตเอลเดีย
ประจำญี่ปุ่นค่ะ"
"ขอสายคุณมิโดครับ" ผมแกล้งพูดไป
"ท่านทูตออกไปข้างนอกยังไม่กลับนะคะ คุณโทรฯ
มาจากไหน? และมีธุระอะไรกับท่านหรือคะ?"
กริ๊ง! ผมรีบวางหูโทรศัพท์ทันที ได้ความว่า มิโด คือ
ทูตเอลเดียหรือนี่ อื้อฮือ! ใหญ่ไม่เบา
อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังไม่มีอะไรยืนยันได้อยู่ดีว่า มิ
โดที่เป็นทูตนี้ เป็นคนคนเดียวกับคนที่นิไคโดติดต่อ
หรือไม่ และเป็นอะไรกับเด็กมะยะโกะหรือไม่ คงรู้
ขึ้นมาเพียงว่า ทูตเอลเดียประจำญี่ปุ่น ชื่อมิโด เท่า
นั้นเอง
'ฮะ! ฮะ! เรากำลังทำอะไรอยู่นะ?' ผมอดหัวเราะตัว
เองไม่ได้ แต่แล้วก็ลุกขึ้น เตรียมออกไปข้างนอก
จากที่อยู่ที่มีในสมุดโทรศัพท์ ทำให้ผมทราบว่า
สถานทูตเอลเดียอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไรนัก ถ้าเดิน
ไปทางโรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดีย แล้วเดิน
เลยไปสักหน่อยก็ถึงแล้ว ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วลอง
เดินไปดูสถานที่ให้เห็นกับตาสักทีก็ดีเหมือนกัน
และอีกอย่าง...
'ดึกจนป่านนี้แล้ว พรินยังไม่กลับมาอีก ไปหลงทาง
อยู่ที่ไหนรึเปล่านะ'
...
back index next