EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
คืนดี
ขณะที่ผมแบกคนเมาเดินทุลักทุเลไปตามเซ็นทรัล
อะเวนนู เป้าหมายก็คือ ซันแมนชัน
"โคะจิโร่!" ยะโยยโวยวายขึ้นหลังจากเงียบมาได้อึด
ใจหนึ่ง "แกจะพาฉานนนนไปหนายยยย"
ผมแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก ก่อนตอบว่า "ก็ไป
บ้านเธอไง ซันแมนชันไง"
"อ้อ! แล้วไป" เงียบไปสักครู่ก็โวยวายขึ้นมาอีก "ผิด
ทางแย้วววว โคะจิเร่"
เอ้า! เปลี่ยนชื่อผมเข้าให้ซะแล้ว ผมตอบเธออย่าง
ใจเย็นอีกว่า "ไม่ผิดจ๊ะ ไม่ผิด นี่ไง เดี๋ยวเลี้ยวขวา
ข้างหน้าก็ถึงแล้ว เห็นมั้ย ๆ"
"อื๋อ!" ยะโยยชะโงกหน้าผ่านไหล่ผม "เออ! ไม่ผิด
จริงด้วยว่ะ"
เงียบไปอีกสักพัก คราวนี้
"โคะจิโร่"
"หืมห์"
"ฉันอยากอ้วก"
"เหวอ! อย่าเพิ่ง ๆ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว"
"เสื้อตัวนี้..." ยะโยยใช้มือกุมเสื้อผมแน่น "ฉันซื้อให้
เองนี่"
"ใช่แล้วจ๊ะ"
"โอ้กกกกกก"
"เหวอ!" ได้เรื่องแล้วครับ ยะโยยคายของเก่าออกมา
เต็มหลังผมเลย
"ฮ่า ๆ สมน้ำหน้า เห็นเสื้อตัวนี้แล้วหมั่นไส้" ท่าทาง
ยะโยยจะมีสติแจ่มใสขึ้นหน่อย เลยพูดคล่องขึ้น "ไอ้
คนใจดำ ไอ้เราหรือดีกับแกทุกอย่าง มาทำกันได้"
คงหมายถึงเรื่องที่ไปจับ 'ป๊ะป๋า' ของเธอเข้าคุก
แถมยังหนีหน้าเธอไปอีก
ผมไม่ตอบอะไร หรือจะพูดให้ถูกก็คือยังไม่ทันตอบ
อะไร มากกว่า ยะโยยก็โวยวายขึ้นอีก
"ตายแล้ว เสื้อฉันเลอะเลย" คงโดนของเก่าตัวเอง
นั่นแหละ ก็ถ้ามันเลอะหลังผม แล้วจะไม่เลอะตัว
เธอด้วยได้ยังไงล่ะครับ
"พลั่ก ๆ ๆ" คราวนี้ทุบหลังผมอีกสามทีซ้อน
"โอ้ย! เจ็บนะ ยะโยย ฉันทำอะไรผิดเหรอ"
"แก ทำเสื้อฉันเลอะ"
"เฮ้อ!" ผมได้แต่ถอนหายใจ ต้องนึกถึงคติ อย่าถือ
คนบ้า อย่าว่าคนเมา ล่ะครับ
"แกว่าฉันเหรอ" "พลั่ก!" ยะโยยทุบมาอีกหนึ่งตุบ
สงสัยผมจะคิดดังไปหน่อยมั้งครับ
โอ๊ะ โอ่ เห็นซันแมนชันแล้ว ผมดีใจที่จะได้รีบหนี
จากสภาพอย่างนี้สักที ตรงเข้าซันแมนชันได้ ก็รีบ
จ้ำไปที่ห้องหมายเลข 303 ทันที
ถึงหน้าประตูห้อง มือของยะโยยก็เอื้อมข้ามไหล่ผม
ชูกุญแจห้องที่ร้อยติดกับพวงกุญแจไว้ตรงหน้าผม
"เอ้า! กุญแจ"
ผมรับกุญแจนั้นมา ไขเปิดประตู
ผมพายะโยยเข้าไปในห้องนั้น เอื้อมมือไปเปิดสวิทช์
ไฟโดยอาศัยความจำสมัยที่ผมยังอาศัยอยู่ที่นี่ จาก
นั้นปล่อยตัวยะโยยลงสู่พื้น ส่งกุญแจห้องคืนให้เธอ
แต่ยะโยยกลับไม่รับ บอกว่า
"ดอกนั้นเป็นส่วนของแก ที่แกถืออยู่สมัยก่อนไง...
เก็บไว้สิ"
ผมดูท่าทีแล้ว ยะโยยคงไม่ยอมรับกุญแจดอกนั้น
คืน เลยขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด หย่อน
กุญแจลงกระเป๋ากางเกงตัวเองโดยดี
"นั่งก่อนสิ โคะจิโร่" ดูสีหน้ายะโยยดีขึ้นมาก สงสัย
เพราะการคายแก้วเมื่อตะกี้นี้แหละครับ
ผมตรงเข้าไปนั่งที่เตียงนอนอย่างว่าง่าย เพราะรู้ดี
ว่าห้องนี้ไม่มีเก้าอี้
ยะโยยเดินโซเซเข้าไปทางห้องด้านใน ซึ่งเป็นส่วน
ของห้องครัวและห้องน้ำ ก่อนที่เธอจะพาตัวหายลับ
เข้าไปด้านในก็ยังอุตส่าห์หันมาทางผม บอกว่า
"อ้อ! ใช่แล้ว ถอดเสื้อแกออกมา ฉันจะซักให้"
"มะ...ไม่ต้อง...จ๊ะ...ถอดก็ได้จ๊ะ" ผมตั้งท่าจะปฏิเสธ
แต่พอเห็นสายตาของเธอแล้วก็ยอมแต่โดยดี ถอด
เสื้อเชิ้ตออก แล้วโยนไปให้ยะโยย ส่วนตัวเองคง
เหลือเสื้อยืดคอกลมที่ใส่ไว้ข้างใน
"แกอย่าเพิ่งกลับนะ เดี๋ยวฉันซักแล้วปั่นแห้งให้เลย
รอเดี๋ยวนะ... ถ้าแกหนีกลับก่อนละก็ ฉันโกรธแก
จริง ๆ ด้วย"
เฮ้อ! เจอดักคออีก ผมน่ะอยากจะอยู่นาน ๆ ที่ไหน
ละครับ บอกตามตรงว่ากลัวใจตัวเอง หรือพูดให้ถูก
ก็คือ กลัวถ่านไฟเก่าคุโชนขึ้นมาอีกนะสิครับ
ผมเหลียวมองรอบ ๆ ห้องฆ่าเวลา อืมห์! ทุกอย่าง
ยังเหมือนเดิมสมัยที่เราอยู่กินด้วยกันไม่มีผิดเพี้ยน
เลย นั่นสเตอริโอชุดนั้น พร้อมกับชั้นวางแผ่นซีดี
ข้างในเป็นเพลงจำพวก Background Music ที่ยะ
โยยชอบ มีแผ่นซีดีที่ของผมอยู่ไม่กี่แผ่น ที่มุมห้อง
โน่นก็เป็นต้นไม้ที่ยะโยยปลูกไว้ และฝากผมให้ช่วย
รดน้ำบ้างเป็นครั้งคราว โอ๊ะโอ! รอยด่างที่ผนังนั่น
เกิดสมัยที่ยะโยยอุตส่าห์เตรียมเค้กเพื่อฉลองวัน
เกิดให้ผม แต่แล้วผมกลับเบี้ยวเธอ เพราะติดงาน
สืบอยู่ คืนนั้นผมไม่ได้กลับ ปรากฏว่าพอโผล่หน้า
เข้ามาตอนเช้า ห้องนี้เละเทะไปหมด รวมทั้งเจ้าเค้ก
ที่โดนยะโยยปาไปที่ผนังนี่ด้วย
ผมคิดถึงตรงนี้แล้ว ก็รู้สึกเสียใจต่อการกระทำที่
ผ่านมาของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ผมซึ่งควรจะเป็น
คนที่รู้จักและเข้าใจยะโยยได้ดีที่สุด รองจากพ่อของ
เธอ กลับกลายเป็นคนที่ประเมินเธอผิดอย่างไม่น่า
ให้อภัยเลย ระยะหลัง ๆ ผมมัวแต่คิดไปในแง่ดีว่า
ยะโยยเป็นคนเข้มแข็ง หนักแน่น เหมือนผู้ชาย
เพราะฉะนั้นการที่ผมจะตีจากเธอไป ย่อมไม่ทำให้
เธอกระทบกระเทือนมากนัก แต่ที่จริงแล้ว...ยะโยย
ดูเข้มแข็งก็จริง แต่แท้จริงแล้วนั้น เธอเปราะบาง
เหมือนแก้ว ที่ถูกกระทบกระเทือนเข้าหน่อยก็พร้อม
ที่จะแตกได้ทุกเมื่อ ผมลืมความจริงนี้เสียสนิท มัว
แต่มองเห็นแต่ด้านที่เป็นจุดเด่นของเธอ โดยเฉพาะ
ด้านการทำงาน
เฮ้อ! ชักสงสารเธอจับใจขึ้นมา แล้วก็พาลเกลียดตัว
เองอย่างบอกไม่ถูก ทำไมผมต้องจับลุงคะทสึระงิ
เข้าคุกด้วยนะ ไม่งั้นเรื่องก็คงไม่ออกมาในรูปนี้
หรอก ป่านนี้เราสามคน อันหมายถึงผม ยะโยยและ
ก็ลุงคะทสึระงิ คงจะมีความสุขและช่วยกันทำงาน
ให้บริษัทนักสืบของเราอย่างมีความสุขตามอัตภาพ
ไปแล้ว
"เป็นอะไรไป โคะจิโร่ นั่งซึมเชียว" เสียงยะโยยทัก
ขึ้น ผมหันไปดูก็พบว่าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่...
ให้ตายเถอะ เธอแต่งชุดสบาย ๆ ตอนอยู่บ้าน
เหมือนสมัยที่อยู่กับผมไม่มีผิดเลย นั่นคือ ใส่เสื้อ
เชิ้ตแขนยาวตัวหลวมโคร่ง แล้วปล่อยให้ชายเสื้อ
ยาวลงไปคลุมถึงเกือบเหนือเข่า ส่วนท่อนล่างเหรอ
ครับ ผมไม่อยากบอกเลยว่า ผมรู้ดีว่า เธอสวม
กางเกงชั้นในเพียงตัวเดียวอยู่ในขณะนี้
"มะ...ไม่มีอะไรจ๊ะ ฉะ...ฉันกลับก่อนนะ" ผมพูด
ตะกุกตะกัก เอาไงดีล่ะ รู้สึกว่าพอเข้ามาในห้องนี้
แล้ว ผมก็ถูกบรรยากาศเก่า ๆ รุมเร้าจนถ่านไฟเก่า
ที่ผมพยายามดับมัน เริ่มส่อแววประทุขึ้นมาอีกครั้ง
หนึ่ง
"เดี๋ยวสิ เสื้อแกยังไม่แห้งเลย" ยะโยยตอบ พลางปีน
ขึ้นไปนั่งพับเพียบอยู่บนเตียง ทางด้านหลังผม ผม
หันไปมองแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับอีก พยายามไม่
มองเธอมาก
"รู้ไหม โคะจิโร่" เสียงยะโยยดังมาอีก "ตะกี้ฉันกลุ้ม
ใจมากเลย ถ้าแกไม่มาแล้ว ฉันจะทำยังไงดี"
แปลว่า ที่เธอโทรฯ ไปหาผมตอนเมานั่น ก็เพราะว่า
เธอต้องการให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนเธอนั่นเอง
"ลองโทรฯ ไปอย่างนั้นแล้วจะไม่มาได้ไง" ผมตอบ
"โคะจิโร่..." เสียงพูดพึมพำดังมาก่อน ตามด้วยเสียง
ขยับตัว แล้วยะโยยก็เลื่อนตัวเข้ามากอดผมไว้จาก
ด้านหลัง
"ยะโยย..." ผมเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้ "ฉะ..ฉันขอ
โทษ ฉันทำให้เธอลำบากขนาดนี้"
"ช่างมันเถอะ" เสียงเธอตอบมา "พรุ่งนี้ฉันจะปิด
บริษัทแล้ว... ต่อไปจะทำไงดีน้อ...นี่ จ้างฉันไว้เป็นผู้
ช่วยแกที่บริษัทแกได้ไหม"
"ฮะ ๆๆ" ผมแกล้งหัวเราะ "อยู่บริษัทใหญ่ ๆ ไม่ชอบ
ชอบมาอยู่บริษัทเล็ก ๆ อย่างของฉันเหรอ"
"อืมห์" ยะโยยตอบ พลางกดคางลงบนไหล่ของผม "
ฉันไม่อยากสูญเสียอะไรไปอีกแล้ว แกเป็นสิ่งสุด
ท้ายในชีวิตฉัน"
ผมอึ้ง รู้สึกเหมือนอะไรมาจุกอยู่ในคอหอย จนพูด
ไม่ออก ใช่สิครับ ยะโยยเสียของรักไปมากแล้ว ไม่
ว่าจะเป็นความทรงจำที่แสนสุขในอดีต ระหว่างผม
เธอและพ่อของเธอที่ถูกผมทำลายไป พร้อม ๆ กับ
การจับพ่อของเธอเข้าคุก จากนั้น ลุงคะทสึระงิก็มา
เสียชีวิตในคุกอีก และก็ตามด้วยการสูญเสียสำนัก
งานนักสืบที่เป็นผลพวงของความสำเร็จร่วมกันของ
เราทั้งสามคนไปอีก เธอคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้แน่
ถ้าผมไม่ยอมอยู่เคียงข้างเธอ
"เงินเดือนน้อยนะ" ผมแกล้งตอบ "บางทีอาจจะต้อ
งอดมื้อกินมื้อด้วย"
"ฉันไม่แคร์" ยะโยยสวนมาทันควัน "ให้ฉันได้อยู่กับ
แกก็พอแล้ว นะ"
"..." ผมพูดอะไรไม่ออกอีก ได้แต่พยักหน้า มือที่กุม
มือยะโยยไว้บีบมือเธอเบา ๆ แล้วผมก็หันหน้าไป
ทางเธอ สายตาของเราประสานกันอยู่พักหนึ่งก่อน
ที่ยะโยยจะหลับตาพริ้ม
อา... สวรรค์ทรงโปรดด้วยเถิด ผมไม่สามารถควบ
คุมตัวเองให้มากไปกว่านี้ได้อีกแล้วครับ
ผมอ้อมมือไปโอบหลังยะโยยไว้ รั้งตัวเธอให้เข้ามา
หาผม จากนั้นก็...จุมพิตที่ริมฝีปากน้อย ๆ คู่นั้น
...
(เซ็นเซอร์จ้า) (~,~;;)
...
เวลาผ่านไปเท่าไรไม่ทราบแน่ชัด ผมกับยะโยยนอน
เคียงกันบนเตียงในแมนชั่นของเธอ ยะโยยนอน
ตะแคงหนุนแขนของผม วางมือข้างหนึ่งไว้บนอก
ผม ท่าทางบอกว่ามีความสุขและจะไม่ยอมพราก
จากกันอีกเป็นอันขาด
"ยะโยย"
"หืมห์?" เสียงตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา
"อย่าปิดเลยนะ บริษัทของเธอน่ะ ทำมันต่อไป เข็น
มันขึ้นมาจากศูนย์ใหม่"
"ทำไมล่ะ"
"มันเป็นสมบัติของเราสามคนไม่ใช่เหรอ ฉันอยาก
ให้เธอรักษามันไว้ นะจ๊ะ"
"..."
"ฉันเชื่อมือเธอ ว่าเธอต้องทำได้แน่จ๊ะยะโยย" ผม
ลูบผมเธอเบา ๆ "มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ"
"ถ้าแกต้องการอย่างนั้น ...ฉันก็จะสู้ต่อ" ยะโยยตอบ
เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม "แล้วแกจะกลับมาช่วยงาน
ฉันไหม"
ผมสบตาเธอตอบ แต่แล้วก็เป็นฝ่ายหลบสายตา
เสียเอง "ฉันมีอะไรบางอย่างที่ต้องทำ ขอฉันเคลียร์
เสร็จก่อนได้ไหมแล้วฉันจะกลับมาอยู่เคียงข้างเธอ"
"จริง ๆ นะ" สาวในอ้อมแขนหน้าชื่นขึ้นทันที
"จริงสิจ๊ะ"
"แน่นะ?"
"แน่สิ"
"ไม่โกหก?"
"ไม่โกหก"
"โอเค ฉันจะรอ" ยะโยยรับคำโดยดี "ว่าแต่งานอะไร
น่ะที่แกยังเหลืออยู่ บอกก่อนนะว่าถ้าเป็นเรื่องที่จะ
แก้มลทินให้เจ้านิไคโดละก็ ไม่ต้องแล้ว ฉันยอม
ปล่อยวางไปแล้ว แกไม่ต้องเอาตัวเข้ามายุ่งยาก
เพราะฉันหรอก"
ผมสะดุ้งในใจ ทำไมผู้หญิงเขาถึงได้ฉลาดรู้ทันคน
นักนะ อย่างนี้เขาเรียกว่าสัญชาตญาณผู้หญิงรึ
เปล่าหนอ แต่อย่างไรก็ตาม ผมแกล้งตอบไปว่า
"ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกจ๊ะ วางใจได้คนดี...เป็นงานค้าง
นะ"
"โคะจิโร่..." ยะโยยมองผมเขม็ง สายตาบ่งบอกว่า
คลางแคลงใจในคำตอบของผม แต่แล้วเธอก็พูดขึ้น
มาว่า "สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่ทิ้งฉันไปไหนอีก"
"จ๊ะ สัญญาจ๊ะ"
"เพราะฉะนั้น แกจะต้องปลอดภัยกลับมาหาฉันให้
ได้นะ ฉันไม่รู้ว่างานของแกเป็นงานอะไร มีอันตราย
รึเปล่าก็ตาม แต่แกสัญญากับฉันไว้แล้วนะ จำไว้"
โอ้ว! ฉลาดเหลือเกินนะแม่ทูนหัวของผม แต่... ให้
ตายเถอะ สัญชาตญาณของผู้หญิงนี่ประมาทไม่ได้
เลยนะครับเนี่ย ผมเองรู้ดีว่าการเอาตัวเข้าไปยุ่งกับ
คดีคุณโคนั้น เป็นเรื่องอันตรายมาก แต่นึกไม่ถึงเลย
ว่า ยะโยยจะจับสัญญาณนั้นได้จากตัวผมเหมือน
กัน ทั้งที่ผมไม่ได้บอกสักคำเลยว่าผมกำลังจะทำ
อะไร
"ไม่ต้องห่วง เสร็จงานแล้วฉันจะกลับไปที่สำนักงาน
นักสืบคะทสึระงิแน่นอน อย่างนี้โอเคไหม"
"สมัยก่อน..." ยะโยยไม่ตอบ แต่หันไปขึ้นเรื่องใหม่ "
แกผิดสัญญาฉันบ่อย ๆ แต่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น
แหละ ฉันขอร้องล่ะ อย่าผิดสัญญานะ โคะจิโร่"
อ้อ! ไม่ใช่เรื่องใหม่แฮะ เรื่องเก่านั่นเอง ผมอดใจ
หายอย่างบอกไม่ถูก อะไรที่ทำให้ยะโยยเป็นห่วง
ผมถึงขนาดนี้ งานนี้อันตรายมากขนาดที่ว่าผมอาจ
จะได้รับเภทภัยอันตรายรึไง
...
back index next