EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
ฐานะแท้จริงของพริน
"อะไรกันนี่? กลอนเหรอ?" ผมเงยหน้าขึ้นถามเจ้า
หล่อน
"งั้นมั้ง"
"อย่าล้อเล่นน่าคุณ นี่มันเกี่ยวอะไรกับพริน"
"ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ"
"งั้นคุณช่วยอธิบายหน่อยสิฮะ ว่ามันหมายถึงอะไร
กัน"
"ฉันก็ไม่รู้"
"อ้าว!" ผมอุทานเสียงหลง ไม่ยอมนะ ลงทุนแสดง
ตลกจำเป็น แถมมีเรื่องผิดใจกับยะโยยอีก แล้วมา
เจอแบบนี้น่ะ
"ใจเย็น" ซิเรียยิ้ม "ฉันบอกว่าไม่รู้ หมายถึง ไม่รู้
ความหมายของกลอนนั่น แต่ฉันกำลังจะอธิบาย
เรื่องเท่าที่ฉันรู้ให้คุณฟังไง โอเคไหมคะ"
"ค่อยยังชั่ว" ผมค่อยยิ้มออก "เอ้า! ว่ามาสิครับ
กำลังฟัง"
"ฉันเป็นคนของกรมข่าวกรองเอลเดีย... หรือจะพูด
ให้ถูกคือ อดีตกรมข่าวกรองเอลเดียตะหาก เพราะ
ตอนนี้กรมนั่นถูกยุบไปแล้ว"
"กรมข่าวกรองเอลเดีย?" ผมทวนคำ "CIA ของเอล
เดียนะเหรอ คนที่ตั้งรางวัลนำจับพรินนะเหรอ งั้น
คุณก็..."
ผมใจหายวาบ ถ้าเป็นคนของ (อดีต) กรมข่าวกรอง
เอลเดียจริง ก็แปลว่าเป็นศัตรูของพรินนะสิ เพราะ
ลงถ้าตั้งรางวัลนำจับแบบนี้ละก็...
"เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งขัดสิ" ซิเรียจุ๊ปากปราม "ฉันเป็น
คนของกรมข่าวกรองเอลเดียก็จริง แต่ฉันไม่ได้มา
ร้ายนะ ฉันทำงานให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง"
ผมนิ่ง ฟังเธอพูดต่อ
"ซึ่งเรื่องของฉัน ฉันคงขออนุญาตไม่เล่าให้คุณฟัง
เพราะมันไม่จำเป็น เอาเป็นว่า ฉันได้รับคำสั่งจาก
ฝ่ายที่ไม่ใช่กรมข่าวกรองเอลเดีย ให้นำกลอนบท
นั้นไปให้เด็กที่ชื่อพริน"
ซิเรียหยุดมองหน้าผมนิดหนึ่ง
"ฉันจะบอกให้ เด็กคนนั้นนะ ไม่ใช่คนธรรมดานะ
เขาเป็นนางกำนัลในพระราชวังเอลเดีย"
"อะไรนะ?" ผมไม่เชื่อหูตัวเอง "นางกำนัล? หมายถึง
หญิงรับใช้ในวังนะเหรอ"
"ใช่แล้วค่ะ"
"แล้วทำไม นางกำนัลในวังถึงมาเดินเพ่นพ่านแถวนี้
ละคุณ"
"พรินได้รับคำสั่งจากนายเหนือหัวของเธอค่ะ ว่าให้
มาที่ญี่ปุ่น เพื่อที่จะรับมอบของสำคัญชิ้นหนึ่ง จาก
คุณสตรอลแมน โค!"
"สตรอลแมน โค?" ผมต้องทวนคำอีกครั้งด้วยความ
ตื่นเต้น เมื่อได้ยินชื่อนี้ "ผู้อำนวยการโรงเรียนนัก
เรียนต่างชาติเอลเดีย ที่ถูกฆาตกรรมนั่นนะเหรอ"
"ใช่แล้วค่ะ มีเหตุขัดข้องบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้นาย
โคถูกฆ่าตายเสียก่อน และของสำคัญนั้นยังไปไม่ถึง
มือพริน"
"แล้วของนั่นคืออะไรละครับ"
"บอกตามตรง ในตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้เลยค่ะ" ซิเรีย
ตอบมาหน้าตาเฉย "อย่าทำตาละห้อยอย่างนั้นสิค่ะ
คุณต้องเข้าใจนะ ว่าในโลกของพวกเราน่ะ เขาไม่
เปิดเผยเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้รู้กันจะแจ้งไปทั่ว
หรอก แต่ละคนก็จะรับรู้เฉพาะส่วนที่ตัวเองต้อง
เกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น ฉันเองก็เป็นแค่ตัวจักรเฟือง
เล็ก ๆ ตัวนึงเท่านั้นเอง..."
ซิเรียถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วเล่าต่อ
"ขนาดเจ้ากลอนที่ฉันรับมานี่ ฉันยังไม่รู้เลยว่ามันมี
ความสำคัญยังไง ฉันรู้แต่ว่า ฉันจะต้องส่งมันให้ถึง
มือพรินให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่มาก"
"เรื่องใหญ่มาก?"
"ค่ะ คนที่ฝากกลอนนี้มาเขากำชับฉันไว้อย่างนั้น"
ผมอึ้ง สมองมึนงงไปหมด โอย! อะไรกันนักกันหนา
ไป ๆ มา ๆ มีนางกำนัลจากในวังโผล่เข้ามาเอี่ยวกับ
เรื่องนี้ซะแล้ว ถ้าลองยุ่งกับเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่
แคล้วได้มีเจ้าชาย เจ้าหญิงโผล่มาเดินกันให้พล่าน
เลยเรอะ
ผมหยิบกระดาษที่มีกลอนเขียนไว้ขึ้นมาดูอีกครั้ง
"ความสำคัญมันอยู่ที่กระดาษนี่รึเปล่าฮะ อย่างเช่น
มีอะไรซ่อนอยู่"
"ไม่มีหรอก" ซิเรียตอบมาทันที "เขาบอกว่าความ
สำคัญอยู่ที่ตัวกลอนเองค่ะ แล้วก็... กระดาษนั่นนะ
ลายมือฉันเองแหละ ฉันคัดลอกมาจากต้นฉบับอีก
ที เพราะฉะนั้น ตัวกระดาษไม่เกี่ยวหรอก"
"เหรอฮะ"
ผมหลับตาลง เรียบเรียงความคิดในสมองชั่วครู่แล้ว
ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พูดกับซิเรียว่า
"สรุปว่า ถ้าเจอพรินก็เอากระดาษนี่ ไม่สิ เอากลอน
นี่ให้เขาดู แล้วเขาก็รู้เองใช่ไหม"
"คงจะเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ"
"อะไรกันคุณ ท่าทางไม่มั่นใจเอาเลยแฮะ" ผมแกล้ง
ติง "สรุปแล้วคุณรู้อะไรบ้างครับเนี่ย"
"บอกแล้วไง ฉันก็แค่พวกปลายแถว โดนเขาจิกหัว
ใช้เท่านั้นเองแหละ คุณอย่ามาถามอะไรฉันมาก
มายเลย"
ว่าแล้วก็ขยับตัว ลุกขึ้นยืน
"ฉันต้องไปก่อนแล้วล่ะ กระซิบบอกคุณนิดนึงก็ได้
ว่า ตอนนี้ฉันโดนตามล่าตัวอยู่เหมือนกัน อยู่ที่ไหน
นาน ๆ ไม่ได้หรอก"
"เหรอฮะ โดนไอ้หนุ่มที่ไหนตามจีบอยู่เหรอ" ผม
แกล้งเฉไฉ
"บ้านะสิ โดนพวกชาติเดียวกับคุณนั่นแหละ...
ตำรวจญี่ปุ่นน่ะ"
"อ้อ... เกี่ยวกับคดีคุณโคสิท่า" ผมเดาส่งเดช ที่จริง
คำว่า 'สตรอลแมน โค' กับ 'ซิเรีย' มีส่วนเกี่ยวพัน
กันก็แค่คนหนึ่งเป็นผอ. โรงเรียน ส่วนอีกคนเป็นครู
ในโรงเรียน ก็เท่านั้นเอง
"งั้นมั้ง" ซิเรียตอบมาเนือย ๆ
"คนฆ่าคุณโคเป็นใครเหรอฮะ ใช่อะซะชินรึเปล่า"
ผมได้ทีเลยลองแย็ปถามดู
"หึหึ ใช่มั้ง" ซิเรียยิ้มอีก "นี่คุณ ฉันจะบอกอะไรให้
อย่างนะ นักฆ่าคนนั้นน่ะ มีรหัสว่า 'Terror' ที่แปล
ว่า ความกลัว"
"เทอร์เรอร์?"
"แล้วก็ บอกก่อนเลยว่า ฉันไม่ใช่เจ้าเทอร์เรอร์นั่น
ด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะใช้มีดกองทัพเอลเดียเป็นอาวุธ
เหมือนกันก็เถอะ"
"ครับ ผมเชื่อครับ ไม่มีใครบ้าจ้างคุณเทอร์เรอร์มา
ทำงานส่งของอย่างนี้หรอก"
ซิเรียหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วทำท่าจะเดินออกไป
"เราจะได้มีโอกาสพบกันอีกไหมครับเนี่ย" ผมอด
ถามไม่ได้
"ไม่แน่..." ซิเรียยักไหล่ตอบ แต่แล้วก็หันมาทางผม "
ว่าแต่คุณเถอะ รีบ ๆ ไปคืนดีกับแฟนคุณซะ แล้วก็
เลิกทำตัวเหลาะแหละเห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้อย่างนี้
สักที เป็นผู้ชายน่ะต้องมีรักเดียวใจเดียวสิ กับผู้
หญิงอื่นที่เขาไม่ใช่แฟนเราน่ะ ก็หัดทำใจแข็งซะบ้าง
ไม่ใช่ว่าใจดีกับเขาไปหมด แฟนคุณเขาจะเสียใจรู้
ไหม"
"ครับ ๆ" ผมรับคำ "ว่าแต่...รู้สึกว่าคุณซิเรียมีความ
หลังฝังใจกับผู้ชายนะครับ โดนหักอกมารึไง"
"บ้า! ฉันไม่เคยมีแฟนย่ะ" ซิเรียตอบ ตาดุขึ้นนิดหนึ่ง
"และก็คงจะไม่ขอมีแฟนด้วย"
"อ้อ! เกลียดผู้ชาย"
"เพราะพ่อฉันน่ะสิ พ่อน่ะเป็นพวกสุภาพบุรุษเกินไป
ชอบเอาใจผู้หญิงรอบข้างหมด แต่ที่สำคัญที่สุดก็
คือ พอมีอันตรายเกิดขึ้น พ่อก็.. หนีไปต่างประเทศ
ทิ้งให้ฉันกับแม่พบความยากลำบากกันเพียงลำพัง"
"..." ผมอึ้ง นึกด่าตัวเองในใจที่ถามลามปามจนไป
สะกิดแผลเก่าของเธอเข้าให้ โธ่! ไอ้โคะจิโร่เอ๋ย ปาก
ก็ว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ แต่เอาเข้าจริงนี่ก็กำลัง
ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องสะเทือนใจแล้วมั้ยล่ะ
"แล้วหลาย ๆ อย่างในตัวเขานะ เหมือนคุณไม่มีผิด
เลย...เพราะฉะนั้น ฉันรีบไปดีกว่า ก่อนที่ฉันจะ
หมั่นไส้ เชือดลูกกระเดือกคุณเล่นซะ!" สุดท้ายพูดที
เล่นทีจริง พร้อมยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนหันกาย เดิน
ออกจากสำนักงานไป
เฮ้อ! ดูเปลือกนอกซิเรียเป็นคนเข้มแข็ง แต่ที่จริง
แล้ว ก็มีความหลังฝังใจอยู่เหมือนกัน แล้วก็...ปาก
ก็ทำเป็นพูดดีไปอย่างนั้น แต่ในใจจริงแล้ว เธอเองก็
คงจะรักพ่อของเธออยู่ไม่น้อยทีเดียว ไม่งั้นก็คงไม่
เรียกพ่อว่า 'พ่อ' ทุกคำหรอก
ผมรู้สึกแปลก ๆ ในใจว่า ซิเรียกับยะโยยมีอะไร
คล้าย ๆ กัน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนั้นผมก็บอก
ไม่ได้
"โอ๊ะโอ ตายละวา" ผมอดร้องขึ้นไม่ได้ ใช่ครับ นัด
กับฮิมุโระไว้ว่าวันนี้จะไป 'กระชากหน้ากาก' ของ
นายมิโดกันนี่นา
เอ! แย่ละสิ นี่ก็สายแล้วไม่รู้เลยเวลานัดรึยัง
เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ อ้อ! ยังมีเวลาอีกนิดหนึ่ง
ผมยัดม้วนกระดาษที่มีบทกลอนเขียนอยู่ลงใน
กระเป๋ากางเกง ทำท่าจะวิ่งออกไป แต่แล้วก็เหลือบ
ไปเห็นถุงหิ้วที่ยะโยยทิ้งไว้ ก็ชะงักกึก อดสาวเท้า
เข้าไปดูไม่ได้
เอ! ยะโยยเอาอะไรมานะ ตั้งแต่เช้าเชียว โอ๊ะ ๆ มี
เนื้อวัว หัวหอมใหญ่ มันเทศ ฯลฯ
สงสัยจะมาทำกับข้าวให้เราแฮะ ดูจากวัตถุดิบเหล่า
นี้แล้วก็คงจะไม่พ้นสตูเนื้อของโปรดของผมแน่ นึก
แล้วผมก็ต้องตบหน้าผากตัวเอง โอย! ทำไมได้ดวง
จู๋อย่างนี้หนอ ลาภปากกำลังจะมาอยู่แล้วแท้ ๆ
เชียวดันให้ยะโยยมาเจอ 'ภาพ' อย่างนั้นเข้าให้ซะ
ได้
เอ! ยะโยยร้องไห้รึเปล่าหว่า ถ้าผมมองไม่ผิดคิดว่า
ตอนนั้น ยะโยยไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวแน่ แต่....
ผมรู้ครับ ว่ายะโยยทำตัวเข้มแข็งเวลาอยู่ต่อหน้าผม
เธอไม่ยอมร้องไห้ออกมาตอนนั้นหรอก แต่พอลับ
หลังผมไปแล้วละก็...
เวรกรรม เวรกรรม เพิ่งคืนดีกันได้แท้ ๆ เชียว เอาไง
ดี
...
ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าตึกอาคารสำนักงานซึ่งเป็นที่ตั้ง
ของบริษัทนักสืบเอกชนคะทสึระงิ เดินวนไปวนมา
เป็นวงกลมอยู่หน้าตึก
เอาไงดี จะเข้าไปเจอยะโยยดีไหมหนอ
คิดไม่ตกครับ ทั้งที่ผมมีนัดต้องไปที่หน้าสถานทูต
เพื่อเจอฮิมุโระด้วย แต่แล้วกลับมาเดินเป็นเสือติด
จั่นอยู่ตรงนี้
สุดท้ายผมก็สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง นึกในใจว่า
เอาไงเอากันวะ ไม่งั้นได้ผิดนัดกับฮิมุโระแน่
ว่าแล้วก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในตึกนั้น
...
"มีใครอยู่ไหม...คร้าบ" เสียงคร้าบของผมเบาลง
เมื่อเห็นว่ายังร้องทักทายไม่จบ ก็มีเงาคนเดินออก
มาจากด้านในสำนักงาน ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ
ยะโยยนั่นเอง
"สะ...สวัสดีจ้า แหะ แหะ"
"มาทำไม?" ยะโยยทำหน้าบอกบุญไม่รับ "ที่นี่ไม่มี
ธุระกับแก จะไปจู๋จี๋กับสาวที่ไหนก็เชิญ"
"ฮี่ ๆ" ผมฝืนหัวเราะ "ยะโยยจ๋า ฟังฉันอธิบายก่อน
สิ"
"จะอธิบายอะไร ถ้าเรื่องตะกี้ละก็ ไม่ต้อง ไม่อยาก
ฟัง ของเห็น ๆ กันอยู่"
"โธ่ ๆ ๆ ทูนหัว"
"ไม่ต้องมาอ้อน ถ้าไม่มีธุระอื่นก็รีบไป ฉันจะทำงาน
บริษัทนี้ฉันทำคนเดียวได้ ไม่ต้องให้ใครช่วย"
อ้าว! โดนตัดรอนซะแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม นึกดีใจ
อยู่นิดหนึ่ง ที่ยะโยยไม่ได้ท้อแท้เหมือนกับเมื่อคืนนี้
อืมห์ ถ้าแรงโกรธ (หรือหึงหว่า?) ทำให้ยะโยยจะลืม
ความเศร้า ลืมเรื่องเลวร้ายอื่น ๆ ได้ ผมก็ยอมให้ยะ
โยยโกรธไปก่อนละครับ
"เอ้า! ตกลงไม่ปิดบริษัทแล้วนะ" ผมแกล้งถาม
"ไม่ปิด ฉันทำของฉันเองได้ แกไม่ต้องมายุ่ง"
"โอเค ถ้างั้นก็ดี งั้นฉันไปก่อนละ" วันนี้ถอยแค่นี้ดี
กว่า ไว้วันหลังค่อยมาง้อใหม่ ผมคิดอย่างนั้นในใจ
"เชิญ" เสียงเจ้าของสถานที่ตอบมาสั้น ๆ มองผมตา
เขียวอยู่เหมือนเดิม
ผมหันหลังไป ทำท่าจะเดินออก แต่แล้วก็ชะงัก ล้วง
หยิบเอากุญแจออกมาดอกหนึ่ง ส่งให้ยะโยย
"เอ้า! นี่ยะโยย กุญแจห้องเธอที่เมื่อคืนฉันไปส่งน่ะ
ลืมคืน"
"..." ยะโยยย่นคิ้ว มองผมเขม็ง แต่ไม่ยอมเอื้อมมือ
มารับ
"ฉันคืน" ผมต้องบอกย้ำอีกที
"ไม่ต้อง แกเก็บไว้เหอะ" เธอตอบมาเสียงแข็ง
ผมงงเต็ก อ้าว! อะไรกันโกรธขนาดมองหน้ากันไม่
ติดอย่างนี้จะให้ผมเก็บกุญแจห้องเธอไว้ทำไม
"เก็บไว้" เสียงยะโยยกำชับมาอีก ยืนกอดอกมองผม
ผมหย่อนกุญแจลงกระเป๋ากางเกง ด้วยขี้เกียจต่อ
ความยาวสาวความยืด เอ่ยปากร่ำลาเธออีกครั้ง
แล้วเดินจากไป
ไม่วายได้ยินเสียงยะโยยบ่นกระปอดกระแปดตาม
หลังมาว่า
"ไอ้คนซื่อบื้อ.."
...
back index next