EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
บุกถ้ำเสือ
ออกจากย่านเซ็นทรัลอะเวนนู คราวนี้ผมวิ่งกระหืด
กระหอบไปที่โรงเรียนนักเรียนต่างชาติเอลเดีย เพื่อ
ผ่านไปยังสถานทูตเอลเดีย
"เอ๊ะ!"
ผมชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นว่ามีใครกำลังเดินออกมา
จากโรงเรียน โดยเปิดประตูเป็นช่องเล็ก ๆ พอที่เจ้า
ตัวจะแทรกออกมาได้ แล้วปิดมันดังเดิม
"อ้าว! สวัสดีครับคุณมะทสึโนะ"
"เอ๊ะ!" สาวเจ้าหันขวับมา "อ๋อ! นึกว่าใคร สวัสดีค่ะ
คุณโคะจิโร่"
"มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ ไหนว่าโรงเรียนปิดแล้ว
ไงล่ะครับ"
"ค่ะ โรงเรียนปิดชั่วคราวตั้งแต่เย็นเมื่อวานนี้ค่ะ ที่
จริงก็ต้องเรียกว่าปิดตั้งแต่วันนี้แหละค่ะ" มะทสึโนะ
ตอบ สีหน้าเศร้า ๆ ไป "ดิฉันมาเอาของที่ลืมไว้นะ
ค่ะ"
"เหรอฮะ นึกว่าโรงเรียนปิดแล้วยังต้องมาทำงานอีก
นี่แสดงว่าที่โรงเรียนตอนนี้ไม่มีใครเลยใช่ไหมครับ
เนี่ย"
"ค่ะ คงจะมีแต่พวกพนักงานทำความสะอาดมาทำ
บ้างเป็นครั้งคราวจนกว่าจะมีคำสั่งเปิดโรงเรียนอีก
ครั้งเท่านั้นเองแหละค่ะ" มะทสึโนะตอบ แล้วพูดต่อ
"อือม์ ดิฉันคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะค่ะ ขอ
ลาคุณโคะจิโร่ไว้ที่นี้เลยละกันนะคะ"
"อ้าว! ทำไมละครับ"
"เล่าให้ฟังแล้วใช่ไหมคะ ว่าดิฉันมาทำงานที่นี่ใน
ฐานะงานพิเศษเท่านั้นเอง นี่กว่าเขาจะเคลียร์เรื่อง
ยุ่ง ๆ จนเปิดโรงเรียนได้อีก ดิฉันก็คงสอบวิทยา
นิพนธ์เสร็จแล้ว และคงจบปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว
ด้วยล่ะคะ"
"เหรอครับ แสดงว่าคงไม่ได้พบคุณมะทสึโนะอีก
แล้วสิครับเนี่ย"
"ค่ะ ลาก่อนค่ะคุณโคะจิโร่"
"ครับ โชคดีนะครับ"
...
"โคะจิโร่!"
เสียงใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง ขณะที่ผมกำลัง
ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ใกล้ ๆ สถานทูตเอลเดีย พอหันไป
ก็พบว่าเป็นฮิมุโระคนนั้นนั่นเอง สาวเจ้ารีบกวักมือ
เรียกผมไปยืนตรงหน้าเธอ โดยยืนหลบมุมถนนอยู่
ห่างจากตัวสถานทูตพอสมควร
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณฮิมุโระ"
"บ้านะสิ สายแล้วนะ มัวไปทำอะไรที่ไหนมา" ฮิมุ
โระถามมาหน้ามุ่ย
"แฮะ ๆ มีธุระด่วนนิดหน่อย รถไฟชนกันฮะ"
"รถไฟ?? ชนกัน??" ฮิมุโระทำหน้าสงสัย
"อ้า..ไม่มีอะไรฮะ ว่าแต่มานานแล้วหรือยัง" ผมรีบ
เฉไฉหัวเรื่องทันที
"ก็มาได้สักประเดี๋ยวนึงแหละ" สาวตอบมา
"แล้วทำไมต้องมายืนหลบตรงนี้ด้วยฮะ"
"ก็เมื่อกี้นะสิ..." ฮิมุโระย่นคิ้ว พูดกับผมเสียงแผ่ว
เหมือนกลัวใครแอบได้ยิน "ฉันเจอเข้าเต็มเปาเลย"
"เจอจิ๊กโก๋มาสีเข้าให้เหรอ"
"บ้า! คุณนี่ก็ ทำอะไรเป็นเล่นไปหมด" สาวทำแก้ม
ป่อง ค้อนมาหนึ่งที "ยัยคนนั้นไง โฮโจ มะรินะที่เล่า
ให้คุณฟังน่ะ เขาเพิ่งเดินเข้าไปในสถานทูตเมื่อกี้นี่
เอง"
"เอ๊ะ! เหรอฮะ"
"ฉันกำลังเดินมองหาคุณอยู่ก็ชนกับเขาเข้าเต็มเปา
เลย ท่าทางเขางงเหมือนกันว่าฉันมาทำอะไรที่นี่
ฉันเลยต้องเผ่นมายืนหลบมุมอยู่ตรงนี้ไง"
"อืมห์ โฮโจ มะรินะเหรอ...." ผมพูดพึมพำกับตัวเอง
"นี่" สาวผมทรงโพนี่เทลล์ยื่นมือมาสะกิด ๆ ที่แขน
ผม "เราถอยกันก่อนเถอะ ฉันว่ามันชักจะยังไง ๆ
อยู่นา"
"ทำไม?"
"ก็ยัยโฮโจคนนั้นนะสิ ไม่รู้มีอะไรเกี่ยวข้องกับสถาน
ทูตเอลเดีย แต่ที่แน่ ๆ เขารู้จักฉันนะ ถ้ามีอะไรเกิด
ขึ้น ความจะต้องแตกแน่เลยว่าฉันมาทำอะไรอยู่
แถวนี้"
หมายถึงว่า ฮิมุโระกลัวว่าฝ่ายสถานทูตจะรู้ว่าเธอ
เป็นใคร จากปากคำของมะรินะนั่นเอง
"ไม่เป็นไรหรอก คุณรออยู่ที่นี่ก็ละกัน เดี๋ยวผมเข้า
ไปคนเดียว"
"นะ..นี่ จะเข้าไปจริง ๆ เหรอ" ฮิมุโระทำตาโต
"ก็ใช่นะสิ ไม่งั้นจะถ่อมาถึงนี่ทำไม"
"ทั้งที่ยัยโฮโจนั่นเขาอยู่ในนั้นด้วยนะ"
"นั่นแหละครับ โอกาสดีเลยล่ะฮะ" ผมแย้ง
"หมายความว่าไง?"
"ก็... รู้สึกว่าผมยังไม่ได้บอกคุณมั้ง ว่านอกจากโฮโจ
นั่นเขาจะรู้จักคุณแล้ว เขายังรู้จักผมอีก... ไม่สิ
เรียกว่าเคยเจอหน้าผมจะดีกว่า"
"ก็ยิ่งแย่ใหญ่สิคุณ เราถอยก่อนดีกว่า" ฮิมุโระยังไม่
วายปอด
"ไม่หรอกฮะ คิดกลับกันก็คือ มันเป็นโอกาสอันดี
เลยล่ะคุณ" ผมเฉลย "เพราะบอกตามตรง ที่จริงผม
ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงเขาถึงจะยอมให้
เข้าไปพบนายมิโดอะไรนั่น แต่ลงถ้ามีคนรู้จักเราอยู่
ในนั้นด้วยละก็... งานนี้ถ้าโชคเข้าข้าง เขาก็คงจะ
ให้ผมเข้าไปล่ะครับ"
"... คุณนี่... คิดอะไรในแง่ร้ายไม่เป็นเลยนะ" ฮิมุโระ
ทำหน้าเอือมระอา
"ฮะฮะ เพิ่งรู้เหรอ นี่แหละผมล่ะ" ผมได้ที "เอาล่ะ ถ้า
คุณกลัวก็รออยู่ข้างนอกละกัน ผมเข้าไปคนเดียว"
"แล้ว..คุณจะทำยังไง ถ้าเกิดเขายอมให้คุณเข้าไป
จริง ๆ"
"ก็ไม่ไงมั้ง ลองสัมภาษณ์นายมิโดนั่นดู แล้วก็..."
ล้วงกระเป๋าหยิบเอาวัตถุเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งส่งให้ฮิมุ
โระดู "ถ้าสบโอกาสก็ลองแอบติดเจ้านี่ดู"
"เอ๊ะ! นี่มัน เครื่องดักฟังนี่" เอเย่นต์สาวของหน่วย
ราชการญี่ปุ่นทำตาโตอีก มองผมด้วยสีหน้าพิกล
บอกไม่ถูก
"เยสสสสส์" ผมแกล้งลากเสียงตอบ ยัดเจ้าเครื่อง
ดักฟังเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม
"จะบ้าเหรอคุณ ถ้าเขาจับได้ละก็ คุณมีหวังตาย
แหงแก๋เลยนะ อย่าลืมว่าที่นั่นเป็นสถานทูตเอลเดีย
กฎหมายญี่ปุ่นไม่มีผลบังคับใช้ และไม่มีใครจะตาม
เข้าไปช่วยคุณได้!"
"คร้าบ ผมรู้" ผมตอบ แล้วก็หันตัวไป "คุณเฝ้าอยู่
ตรงนี้ก็สวดภาวนาให้ผมด้วยละกัน ถ้าเห็นมีอะไร
ผิดปรกติก็รีบหนีไปก่อนก็ได้"
"บ้า!" ฮิมุโระพูดเป็นคำเดียวไปแล้ว "ฉันเตือนแล้ว
นะ อันตรายนะคุณ"
"บ๊าย บาย เดี๋ยวเจอกันใหม่เด้อ" ผมไม่ฟังเสียง หัน
หลังให้สาวเจ้า แล้วก็โบกมือให้ส่งท้าย ก่อนเดินดุ่ย
ไปที่หน้าสถานทูต ไม่วายได้ยินเสียงสาวด้านหลัง
บ่นกระปอดกระแปดว่า
"โอย! ฉันจะบ้าตาย ทำไมกล้าบ้าบิ่นอย่างนี้..."
ผมเดินฉับ ๆ อย่างมั่นใจ มาที่หน้าสถานทูต แล้วก็
ชะโงกหน้าเข้าไปคุยกับยามเฝ้าประตูว่า
"สวัสดีครับ ผมชื่อ อะมะกิ โคะจิโร่ เป็นนักข่าว
อิสระครับ มาพบท่านทูตมิโดเพื่อจะสัมภาษณ์ท่าน
ตามที่ได้นัดไว้ครับผม"
"หือ คุณนักข่าวหรือครับ" ยามหันมามองผมนิด
หนึ่ง แล้วก็หันไปคว้าโทรศัพท์สายในขึ้นมา พลาง
บอกผมว่า "รอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมจะถามข้างใน
ดูก่อนครับ"
"ครับผม"
ผมรับคำ แล้วก็ยืนรอตรงนั้น แต่สายตาก็สอดส่าย
ไปทั่วบริเวณตู้ยามและรั้วของสถานทูต แล้วตาผม
ก็ไปหยุดกึกอยู่ที่เสาประตูต้นหนึ่งซึ่งมีกล้องโทร
ทัศน์วงจรปิด ติดตั้งอยู่บนยอดเสา
มองไปทางนายรปภ.คนนั้น พูดโทรศัพท์กับอีกฝ่าย
หนึ่งเสร็จแล้ว ท่าทางจะรอคำตอบอยู่ ผมเลยรีบถือ
โอกาส แกล้งทำเป็นชวนคุยทันที
"โทษครับพี่ชาย ไอ้นั่นก็คือ โทรทัศน์วงจรปิดใช่ไหม
ครับ"
"อ๋อ! ใช่แล้วครับ เพราะฉะนั้นคุณก็ระวังตัวหน่อย
นะครับ เพราะตอนนี้ข้างในเขาเห็นคุณหมดแล้วนะ
ครับ พร้อมทั้งสามารถบันทึกรูปหน้าคุณไว้ได้ด้วย"
ยามตอบมาแบบขู่ ๆ
ผมแอบยิ้มในใจ รีบหันหน้าไปทางกล้องโทรทัศน์
นั้น ยืนเขย่งตัวเข้าให้เสียอีก ด้วยความกลัวว่า ใบ
หน้าผมจะไปปรากฏบนจอไม่ชัดเจน
'แฮ่ม! ขอให้ยัยคนที่ชื่อโฮโจนั่นเห็นเราด้วยเถิด'
ผมเฝ้าภาวนาในใจ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะ
"ขอโทษนะครับ ข้างในเขาบอกมาว่า วันนี้ท่านทูต
ไม่ได้มีนัดพบให้สัมภาษณ์กับใครครับ"
เสียงเจ้ายามหน้าซื่อบอกมา ผมรู้สึกผิดคาดไปถนัด
กะว่าเรื่องกำลังจะไปได้สวยแล้วเชียวนา
"เอ๊ะ! เหรอครับ" ผมยังแกล้งทำไก๋ "เอ! สงสัยเรื่อง
ไปโดนใครดองไว้มั้งครับเนี่ย งั้นผมไปก่อนครับ
ช่วยไม่ได้"
ว่าแล้วก็เตรียมตัวเผ่น แต่ปรากฏว่ามีเสียงโทรศัพท์
ดังกริ๊งขึ้นมาอีกครั้ง ยามซึ่งทำท่าจะพูดอะไรกับผม
อีกด้วยความสงสัย รีบหันไปคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมา
สักครู่ก็รีบหันมาเรียกผมเสียงหลง
"เดี๋ยวครับคุณ ท่านทูตบอกมาว่า ท่านลืมไปครับว่า
มีนัดกับคุณไว้ เชิญคุณเข้าไปได้เลยครับ"
ผมชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออก ดีนะที่ยังไม่รีบเผ่น
ซะก่อน ไม่งั้นยิ่งเป็นพิรุธเข้าไปใหญ่
"โอเค ขอบคุณครับ"
เรียบร้อย สงสัยทุกอย่างเป็นไปตามคาดแฮะ
...
เดินลอดประตู ผ่านสนามหญ้าหน้าอาคารตัวสถาน
ทูต แล้วมาถึงตัวอาคาร ผมชั่งใจนิดหนึ่ง ก่อนผลัก
ประตูเข้าไป
พอเข้าไปในตัวอาคารแล้ว ผมก็มองรอบ ๆ อย่าง
สำรวจ ห้องที่เข้าไปห้องแรก เป็นห้องโถงใหญ่ จัด
เป็นห้องรับแขกในตัว ตรงกลางมีบันไดหินขัดอย่าง
สวยหรูทอดขึ้นไปชั้นสอง ตัวอาคารเป็นแบบเปิด
กลาง คือ ชั้นสอง สาม และสี่เจาะเพดานตรงกลาง
มองขึ้นไปเห็นเพดานดาดฟ้าเลย และมีโคมไฟระย้า
ดวงใหญ่ห้อยยาวลงมาจากเพดาน มองไปสองข้าง
ซ้ายขวา มีระเบียงทอดไปสู่ห้องอื่น ๆ ในชั้นล่างนี้
อีก
ขณะที่ผมกำลังมองสำรวจทางหนีทีไล่อยู่นั้นเอง
ชายรูปร่างบึกบึนคนหนึ่ง สวมชุดเสื้อนอกอย่าง
ประณีต เดินเข้ามาทางผม
"ยินดีต้อนรับสู่สถานทูตเอลเดียครับ คุณนักข่าว
ท่านทูตรออยู่แล้วครับ"
ฝ่ายนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างมีไมตรีจิต แต่ผมดูก็รู้เลยว่า
คนนี้คงจะเป็นพวกรปภ.พิเศษ หรือที่เรียกว่าเป็น
องค์รักษ์ของทูตและคนสำคัญในที่นี้แน่นอน
"ครับ ขอบคุณครับ"
"เดินตามผมมาเลยครับ" ชายร่างใหญ่พูดต่อ "แต่
ก่อนอื่น ผมต้องขอตรวจค้นตัวคุณก่อนนะครับ นี่
เป็นกฎของที่นี่ครับ"
"ครับผม" ผมยอมแต่โดยดี
ฝ่ายนั้นตรงเข้ามาเอามือตบ ๆ ตามตัวผม ผมยก
แขนทั้งสองข้างขึ้นอำนวยความสะดวกให้ เมื่อมือ
ของชายคนนั้นตบมาเจอปืนกล็อค 22 ที่ผมเหน็บไว้
ที่เอว แกก็ดึงมันขึ้นมาแล้วมองผมอย่างตั้งคำถาม
"อ๋อ! นั่นปืนโมเดลนะครับ ผมจะพกพาปืนได้ไงจริง
ไหมครับ ตำรวจจับแย่เลย" ผมเฉไฉไปตามเรื่อง
กฎหมายเกี่ยวกับการพกพาอาวุธของญี่ปุ่นเข้มงวด
น้อยเสียเมื่อไรละครับ
"ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ แต่... เหมือนของ
จริงมากเลยนะครับนี่" ค้นตามขากางเกงของผมอีก
แล้วก็หยุด "โอเคครับ มีแต่เจ้าปืนโมเดลนี่อย่าง
เดียว ผมขอเก็บไว้ก่อนนะครับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่
ปืนจริงก็ตาม ขอให้คุณเข้าใจผมด้วยครับ"
"ครับผม แล้ว..."
"เสร็จธุระแล้วผมจะคืนให้ครับ ไม่ต้องห่วง โอเค
เชิญทางนี้เลยครับ"
ว่าแล้วก็ผายมือไปทางระเบียงด้านซ้าย แล้วเดินนำ
หน้าผมไป ผมเดินตามทันที ตอนนี้เองที่สังเกตเห็น
ว่าที่บริเวณบั้นท้ายด้านขวาของหมอนี่ก็ตุง ๆ อยู่
เหมือนกัน เลยลองแย็ป ๆ ขึ้นว่า
"พี่ชายเป็นรปภ.ในนี้เหรอฮะ พกปืนด้วย"
"อ๋อ! ไอ้นี่หรือครับ" ยื่นมือมาตบทีปืนที่อยู่ใต้เสื้อ
นอกของตัวเอง "ก็เอาไว้ยิงขู่นะครับ ไม่ได้เตรียมไว้
สู้รบปรบมือกับใครหรอกครับ"
ตอบโดยไม่หันหน้ามามองผม แสดงว่าไม่อยากพูด
สนทนากับผมเท่าไรนัก ผมเงียบ เดินไปได้ครู่หนึ่งก็
มาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง
"เชิญครับ นี่ห้องทำงานของท่านทูต ท่านรออยู่ในนี้
ครับผม" นายรปภ. มาดเข้มเปิดประตูให้อย่าง
สุภาพ
ผมพยักหน้า บอกขอบคุณแล้วก็เดินเข้าห้องนั้นไป
โดยมีนายนั่นปิดประตูตามหลังมาให้
ผมเดินเข้าไปในห้องนั้น ไม่ลืมที่จะรีบกวาดสายตา
สำรวจรอบห้องอย่างรวดเร็ว เป็นห้องทำงานขนาด
ใหญ่พอสมควร ที่กลางห้องจัดเป็นชุดรับแขก มี
โซฟาวางล้อมโต๊ะตัวเตี้ย ๆ อยู่ ถัดไปด้านในเป็น
โต๊ะทำงาน และผนังด้านซ้ายมือเป็นผนังกระจกทั้ง
แถบ ผมนึกสงสัยเจ้าผนังกระจกนี้ทันทีว่าคงจะไม่
ใช่มีไว้เพื่อการประดับประดาแน่ ๆ แต่ไม่มีเวลาไป
สนใจมันมาก เพราะที่โต๊ะทำงานด้านในห้องนั้น มี
ชายหนุ่มใหญ่คนหนึ่งนั่งดูเอกสารอยู่ ซึ่งพอผมเดิน
เข้าห้องไป เขาคนนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วลุกขึ้นต้อน
รับ
back index next