EVE Burst Error
ภาค โคะจิโร่
วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 19xx
ตั้งหลักใหม่
"เป็นไงบ้าง? โคะจิโร่" ฮิมุโระทักขึ้นทันที ท่าทาง
กระสับกระส่าย "เห็นหายเข้าไปตั้งนาน"
"ฮี่โธ่ เรื่องขี้ผงแค่นี้เอง ส.บ.ม. แปลว่าสบายมาก"
ผมชูสองนิ้วให้
ตอนนี้ผมเดินออกจากสถานทูตมายังมุมถนนที่สาย
สืบสาวคนนี้ยืนรออยู่
"เจอกับนายมิโดเรียบร้อยแล้ว แถมยังติดเจ้าเครื่อง
ดักฟังเข้าให้แล้วด้วย"
"ฮ้า! จริงเหรอ" ฮิมุโระทำตาโต แล้วก็ส่ายหน้า "บ้า
จริง คุณทำเข้าไปได้ไง ฉันล่ะจะหัวใจวายแทน
เฮ้อ!"
"ฮะ ฮะ" ผมหัวเราะ พลางเดินหลบเข้ามุมถนน แล้ว
หยิบเอาหูฟังขึ้นมายัดเข้ารูหูตัวเอง "เดี๋ยวนะ ต้อง
ลองดูหน่อย เพราะเจ้าเครื่องที่ผมใช้มันเป็นขนาด
เล็ก มีระยะปฏิบัติการแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น
เอง..."
"หมายความว่า..." สาวทำตาโตอีก "อย่าบอกนะว่า
คุณกำลังจะยืนฟังมันตรงนี้"
"ก็ใช่สิครับ ไม่งั้นก็เสียแรงเปล่าสิคุณ" ผมตอบ แล้ว
โบกมือเป็นเชิงให้ฮิมุโระเงียบ พลางพุ่งสมาธิไปที่หู
ฟัง ซึ่งตอนนี้มีเสียงซ่า ๆ อยู่
"เดี๋ยวตำรวจก็มาจับหรอก ท่าทางน่าสงสัยอย่างนี้
น่ะ" อีกคนไม่วายเตือนมา ตีสีหน้าปั้นยาก เหมือน
จะร้องไห้
"คุณก็ดูต้นทางให้หน่อยดิ" ผมตอบแล้วเอานิ้วชี้จรด
ริมฝีปากพลางออกเสียง "ชู่ว์"
ฮิมุโระถอนใจ ยอมแพ้แต่โดยดี ปราดเข้ามายืนข้าง
ผม พลางมองไปรอบ ๆ แล้วก็กระซิบถามผมขึ้นว่า
"เป็นไง ได้ยินอะไรรึยัง"
"อื้ม.. ไม่ค่อยชัดน่ะ แต่ได้ยินแล้ว ... ชู่ว์"
ผมพยายามฟังเสียงจากหูฟังนั้น
"...ดิฉันคิดว่าท่านควรจะเพิ่มมาตรการป้องกัน
สถานทูตไว้ด้วยนะคะ..." เป็นเสียงของผู้หญิง ซึ่งถ้า
ผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นคนที่ชื่อ โฮโจ มะรินะคนนั้น
"โอย ไม่ต้องหรอกครับ ทำทุกอย่างเหมือนปกติ
แหละดีแล้วครับ ผู้ชายคนนั้นก็แค่นักข่าวธรรมดา ๆ
ไม่ใช่เหรอครับ"
เสียงตอบนี่เป็นของนายมิโดแน่นอน เสียงผู้หญิงดัง
มาอีกว่า
"แต่ดิฉันเห็นเขามาป้วนเปี้ยนอยู่รอบ ๆ ตัวคุณหนู
มะยะโกะนะคะ ต้องไม่ใช่นักข่าวธรรมดาแน่เลย
ค่ะ"
"..เหรอครับ งั้นผมจะบอกพวกรปภ. ให้เข้มงวดขึ้นก็
ละกันนะครับ แต่ยังไงคืนนี้ผมก็ต้องออกไปงาน
ราตรีที่ผมตอบรับไปแล้วอยู่ดีแหละครับ"
"หมายความว่า คืนนี้ท่านจะไม่อยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ"
"ครับ แต่คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกครับ พวกรปภ.ก็
มีเยอะแยะไป"
"ถ้าท่านไม่ขัดข้อง ดิฉันจะช่วยอยู่ดูแลที่นี่ให้อีกแรง
หนึ่งก็ได้นะคะ"
"อ้า..ไม่ต้องครับไม่ต้อง เชื่อผมเถอะครับ ก็แค่นัก
ข่าวธรรมดา ๆ คนนึงเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรต้องกังวล
หรอกครับ คุณโฮโจ"
"..."
เงียบ เสียงสนทนาที่ผมได้ยินมีแค่นี้
"นี่..." ฮิมุโระดึงแขนเสื้อผม "ได้ความว่าไงบ้างน่ะ
บอกกันหน่อยสิ"
"อืมห์ ได้ยินชัดแจ๋วเลยล่ะ แต่...ว่าแต่คุณวิ่งเร็วรึ
เปล่า"
"อะไรนะ?" สาวทำหน้าสงสัย
"ผมถามว่า วิ่งเร็วรึเปล่า"
"ฉันเป็นตำรวจนะคุณ"
"งั้นก็...วิ่งเลยครับ ไปเจอกันที่สำนักงานของผมนะ
ครับ"
ไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงนกหวีดดัง "ปรี๊ด ๆๆๆ" แล้ว
ปรากฏว่ามีตำรวจ พร้อมกับรปภ.ของสถานทูตห้า
หกคนกำลังวิ่งตรงเข้ามาทางเราสองคน
ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงแหละครับ ผมวิ่งอ้าวจาก
ที่นั้นทันที หูก็ได้ยินเสียงฮิมุโระแว่ว ๆ ว่า "รอด้วย"
"ปรี๊ด ๆๆๆ อย่าหนีนะ สองคนนั้นนะ"
ไม่หนีให้โง่สิครับ
...
"แฮก ๆ ๆ" ผมวิ่งรวดเดียวผ่านหน้าโรงเรียนนักเรียน
ต่างชาติเอลเดีย กลับมายังย่านโกดังที่ท่าเรือ หัน
กลับไปมองก็เห็นฮิมุโระวิ่งตามมาลิบ ๆ คงเป็น
เพราะเจ้าหล่อนสวมกระโปรงแถมใส่รองเท้าส้นสูง
อีกต่างหากทำให้วิ่งได้ช้ากว่าผมมาก แต่ก็ไม่เลว
แฮะ วิ่งหนีพวกตำรวจอารักขาของสถานทูตมาได้นี่
"โคะจิโร่!" สาววิ่งมาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงละ
ครับ ทำตาเขียวใส่ผมทันที "บ้าจริง ทำไมไม่บอกให้
เร็วกว่านี้ ฉันวิ่งมาแทบแย่" พลางหอบแฮก ๆ
"โอ๊ เก่งนี่คุณ วิ่งเร็วใช้ได้แฮะ" ผมเฉไฉ
"คบกับคุณฉันต้องประสาทตายแน่"
"ฮะ ๆ ใจเย็น ๆ น่า เอ้า เชิญเข้าไปที่สำนักงานของ
ผมก่อนละกันครับ นั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อย ๆ
คุยกันไป นะฮะ"
ผมผายมือเชิญไปทางประตูสำนักงาน ฮิมุโระทำ
หน้าเหรอ เมื่อเห็นว่าผมกำลังชี้ไปทางโกดังเก่า ๆ
หลังหนึ่ง
"ไหน สำนักงานคุณ?"
"นี่ไง"
"เนี่ยนะ" ฮิมุโระทำตาโต เมื่อเห็นป้ายที่ติดไว้ข้าง
ประตูว่า 'สำนักงานนักสืบเอกชนอะมะกิ'
"เก่าจะตาย ข้างในท่าทางจะรกเป็นรังหนูละสิท่า"
ฉึก! บาดเจ็บสิครับ ไม่ทันเข้าไปเลยก็โดนดักคอมา
ซะแล้ว ถ้าเป็นเมื่อสักสามวันก่อนละก็ผมคงได้แต่
ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม โต้อะไรไม่ออกแต่ตอนนี้ผม
สามารถตอบกลับได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า
"อย่ามาดูถูกกันนาคุณ ถึงข้างนอกจะดูเก่าก็เถอะ
แต่ข้างในนี่ผมรักษาความสะอาดอย่างดีนะครับ รับ
รองเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน พร้อม
เสมอที่จะต้อนรับคุณสุภาพสตรีขอรับกระผม"
"ฮึ หน้าอย่างคุณนะเหรอ เป็นคนรักสะอาด"
"คุณ!" ผมทำหน้าม่อย แต่แล้วก็ตอบไปหน้าตาเฉย
"แหะ! แหะ! ผมก็ไม่ได้บอกนี่ว่าผมทำเอง มีแม่บ้าน
ทำให้น่ะ"
"แม่บ้าน?"
"อ๋อ เป็นเด็กทำความสะอาดน่ะครับ ว่าแต่ จะไม่
เข้าไปเหรอคุณ ยืนตรงนี้ชักเมื่อยแล้วนะ"
...
"อืมห์ ก็สะอาดสะอ้านดีนี่" ฮิมุโระเอ่ยขึ้น หลังจาก
เข้ามาในสำนักงานของผมและกวาดสายตามองไป
รอบ ๆ แล้ว "ตกลงมีคุณกับเด็กทำความสะอาดอยู่
กันสองคนใช่ไหม"
"ใช่ครับ เอ่อ... ผมยกให้เขาเป็นแม่บ้านประจำ
ออฟฟิศไปแล้วนะครับ เด็กคนนั้น"
"อยู่ไหนล่ะ"
"ตอนนี้แกไม่อยู่น่ะครับ..อ๊ะ...." ผมนึกอะไรขึ้นมาได้
"โอย แย่แล้วล่ะ"
"อะไรเหรอ"
"ผมเพิ่งนึกได้ว่า ผมเห็นเสื้อของผมอยู่ในสถานทูต
นั่น ไม่สิ มันกำลังจะโดนทิ้งด้วย"
หยุดไปนิดหนึ่ง แล้วผมก็พูดต่ออีกว่า "และผมก็นึก
ขึ้นได้อีกแล้วว่า ตอนนี้ผมไม่มีเงินติดตัวเลย ถังแตก
อย่างสุด ๆ ฮะ ถังแตก"
"???" ฮิมุโระทำหน้าเหรอหรา "อะไรนะคุณ ฉันไม่รู้
เรื่องเลย"
ผมแบมือไปตรงหน้าสาวที่รวบผมทรงหางม้าคนนี้
พลางกล่าวว่า "แฮ่ม คุณ ขอยืมกะตังค์หน่อยสิ เรา
เป็นคู่หูกันแล้วไม่ใช่เหรอ"
"อะ...อะไรกัน จะบ้าเหรอ อยู่ ๆ มาขอเงินกันดื้อ ๆ"
"ไม่ได้ขอ ขอยืมต่างหาก นะ นะ คู่หูคนดี"
"ฉันยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ด้วย ข้าราชการชั้นผู้น้อยนะคุณ"
ฮิมุโระบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ควักกระเป๋าหยิบ
เงินออกมานับ แล้วแบ่งมาให้ผมส่วนหนึ่งโดยดี
พลางพูดว่า "นี่มันเรื่องอะไรกันนะ หวังว่าคุณจะ
อธิบายให้ฉันเข้าใจนะ"
"โอ! แท้งค์กิ้วหลาย" ผมรับเงินมาจูบ แล้วก็ยัดใส่
กระเป๋ากางเกง "ฮิมุโระน่าร้ากที่ซู้ดเลย"
"นี่!" สาวเริ่มทำตาเขียว
ผมอธิบายเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับพรินให้ฟัง ว่าผมพบ
เห็นเสื้อของผมซึ่งให้พรินยืมใส่ อยู่ในมือของเจ้า
องครักษ์ของมิโด และต้องเท้าความไปว่า พรินคือ
เด็กที่ผมช่วยไว้จากกลุ่มวัยรุ่นอันธพาล จนกระทั่ง
กลายมาเป็น 'คนรับใช้ของผม' ก่อนที่ผมจะยกให้
เจ้าหล่อนเป็นแม่บ้านประจำสำนักงาน และให้ถือ
เงินไว้ทั้งหมด ซึ่งเงินนั้นผมเห็นว่าพรินเก็บใส่
กระเป๋าเสื้อตัวที่ผมพบในสถานทูต และมันก็หมาย
ความว่าตอนนี้ผมไม่มีเงินติดตัวเลย ต้องยืมคนยาก
จนเหมือนกันอย่างฮิมุโระไง
และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ผมรู้ความจริงว่า เด็กคนนี้
เป็นถึงนางกำนัลในวังของเอลเดีย และเป็นเป้า
หมายที่กำลังถูกตามล่าตัวอยู่ จากกรมข่าวกรอง
แห่งเอลเดีย
ฮิมุโระนิ่งฟังด้วยความสนใจจนแทบจะหยุดหายใจ
โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ผมเฉลยว่า ซิเรีย คุณครูสาว
คนนั้นเป็นคนของกรมข่าวกรองเอลเดีย
"ไม่น่าเชื่อเลย..." มือสืบสวนสาวพึมพำขึ้นหลังจาก
ฟังผมจบ "อาจารย์ซิเรียนี่นะ เป็นพวกจารชน... ฉัน
เจอเขาทุกวัน ไม่มีอะไรผิดสังเกตสักนิดเลย"
"นั่นสิ"
"แล้ว... เด็กคนนั้น...ที่ชื่อพรินนะ... แกเป็นนาง
กำนัลในวังหลวงของเอลเดียเชียวเหรอ"
"ฮะ ถ้า....คุณซิเรียไม่ได้พูดโกหกผมเล่นนะ"
"อืมห์... ขอโทษนะคะ คุณโคะจิโร่ ฉันคงต้องเอา
เปรียบขอถามข้อมูลจากคุณฝ่ายเดียวเสียแล้ว คุณ
มีอะไรที่ยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเยอะเหลือเกิน"
"เอาเปรียบ" ผมแกล้งพูด "ข้อมูลที่ผมได้จากคุณแค่
นิดเดียวเอง แล้วทีเมื่อกี้ก็ไม่ยอมเข้าไปบุกถ้ำเสือ
กับผมด้วย งอนแล้วนะเออ"
"บ้าเหรอ..." ฮิมุโระค้อนเข้าให้ "ใจคอคุณจะให้ฉัน
โดนไล่ออกจากงานให้ได้รึไงยะ ... น่า..โคะจิโร่ คุณ
พูดเองไม่ใช่เหรอว่าเราเป็นคู่หูกันแล้ว จะร่วมงาน
กันก็ต้องไม่มีอะไรปิดบังกันสิ"
โดนอ้างคำ "คู่หู" มาย้อนเข้าให้ ผมยิ้มแล้วก็พยัก
หน้าแต่โดยดี "อื้อ ก็เอาสิครับ จะถามอะไรก็ว่ามา
เป็นเรื่อง ๆ ไปเลย"
"ฮึ" ค้อนมาอีกหนึ่งวง "แปลว่า ถ้าเรื่องไหนฉันไม่
ถามก็จะไม่บอกใช่ไหม"
"ฮี่ ฮี่ รู้ทันนี่ อย่างนี้สิสมที่จะเป็นคู่หูกับนักสืบ
อัจฉริยะอย่างผมหน่อย"
"ขี้โม้!" สาวขอดค่อนมาให้ แล้วก็เริ่มเข้าเรื่องเลย "
งั้นก่อนอื่น ไหน ๆ ก็คุยกันเรื่องเด็กที่พรินแล้ว ขอ
ฉันดูของที่อาจา..เอ้อ คุณซิเรียเขาฝากไว้ให้พริน
หน่อยสิ"
ผมยื่นกระดาษจดโคลงบทนั้นให้แต่โดยดี
ฮิมุโระนับไปอ่านดู แล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พลาง
พลิกกระดาษซ้ายทีขวาที ดูทั้งด้านหน้าด้านหลัง
ผมรู้ทันว่าเจ้าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่เลยดักคอขึ้น
ก่อน
"ไม่มีอะไรพิเศษในกระดาษหรอกฮะ ประเด็นนั้นผม
ถามซิเรียเขาแล้ว เขายืนยันว่าความสำคัญอยู่ที่ตัว
บทโคลงนั้นเองครับ"
"เหรอ" ฮิมุโระเลิกคิ้วเรียวงามขึ้น "แปลว่า เราจะไม่รู้
เลยใช่ไหมว่ากลอนนี่มีความหมายยังไง จนกว่าจะ
เจอเจ้าตัว"
"ใช่ฮะ" ผมตอบ แล้วพูดต่ออย่างหนักใจ "และผม
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะมีโอกาสเจอเธอด้วย"
เบาะแสเกี่ยวกับพรินที่ผมได้มาอย่างไม่คาดคิด ทำ
ให้ผมหนักใจอยู่ไม่คลายว่า พรินจะโดน 'จับตัว' ไป
แล้วโดยทางสถานทูต ซึ่งที่สำคัญคือ มันเป็นสถาน
ทูต'เอลเดีย' ซะด้วยสิ ใครจะรับประกันได้ว่า เขี้ยว
เล็บของกรมข่าวกรองเอลเดียอะไรนั่นไม่ได้แผ่มา
ถึงสถานทูตเอลเดียประจำญี่ปุ่นนี้
"เป็นห่วงเด็กนั่นเหรอ" ฮิมุโระเดาใจผมออกได้ยังไง
ไม่รู้ "หลงเสน่ห์นางกำนัลแล้วรึไง พ่อคุณ"
"จะบ้าเหรอ ผมกับเด็กนั่นไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย"
ผมรีบปฏิเสธ ทำไมคนชอบมองผมในแง่นี้เรื่อยเลย
นะ นึกแล้วก็รีบหันเหหัวเรื่องดีกว่า "ว่าแต่คุณจะ
ถามอะไรอีกล่ะ เรื่องนี้ คงต้องรอให้เราเจอพรินถึง
จะรู้กันนั่นแหละฮะ มาคิดกันเองก็เปล่าประโยชน์"
หมายถึงกลอน
ฮิมุโระส่งกระดาษนั้นคืนมาให้ พลางถามขึ้นว่า "
แล้วเรื่องเมื่อกี้ละ เข้าสถานทูตไปได้ความว่าไงบ้าง
อ้อ เรื่องที่ดักฟังได้เมื่อกี้ด้วยนะ เขาว่าไงเหรอคะ"
หึ หึ ผมหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนจะตอบ โป๊ะเชะเลย
ฮะ
back index next